รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 98 ซื้อหนึ่งแถมสอง
คำพูดที่เป็นที่นิยมพูดกัน ฉินจวิ้นเฟยก็เป็นโรคที่ถือว่าตนถูกต้อง!
ฉันได้ยักคิ้ว แบ้ปากมองฉินจวิ้นเฟย “ซื้มาให้ลูกฉัน มีปัญหาอะไรหรอ?”
ฉินจวิ้ยเฟยได้ยินประโยคนั้นก็ตลึง ทั้งหมดท่าทางเหมือนได้กินเยี่ยวอย่างนั้น เขาก็ได้ขมวดคิ้วยุ่ง มองฉันอย่างไม่เชื่อ “คุณมีลูกแล้วจริงๆ…..”
น้ำเสียงบ่งบอกถึงความตกใจและใจสลาย ดูท่าทีของเขาเวลานั้นสงใจว่าฉันไปหักหลังเขาใช่ไหมเพียงแค่ บนหน้าไม่ได้แสดงออกมา ทั้งได้จับถุงช็อปปิ้งไว้แนน่น แล้วได้ก้มหน้าลงเบาๆ
“อึม ฉันมีลูกแล้ว อีกอย่างคือสองคน”ฉันพูดเสียงต่ำ มุมสายตาก็ได้แอบมองท่าทีของฉินจวิ้นเฟย
บนหน้าเขาเพิ่มความตกใจช็อกขึ้น ทั้งตัวได้เซถอยกลังไปกี่ก้าว
ฉันก็รู้สึกไม่สนุกขึ้นทันที ปฏิกิริยาของฉินจวิ้นเฟยทำให้ฉันรู้สึกอะไรอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่มีความรักให้ฉันเท่าไหร่ อีกอย่างฉันกับเขาก็ได้อย่ากันไปนานแล้ว ตอนนี้รู้ว่าฉันมีลูกท่าทีเหมือนฉันกำลังเตรียมระเบิดลงอย่างนั่น แปลกจริงๆ
หลังจากนั้นฉันก็ได้เข้าใจแล้วทำไมฉินจวิ้นเฟยถึงมีท่าทีแบบนั้น ในใจเขาฉันอาจจะเป็นคนที่เขาให้มาก็มาให้ไปก็ไปของเขายังมีความรู้สึกที่ลึกล่ำกับฉันว่ารอให้ฉันกลับประเทศแล้วก็จะมาขอฉัน ก็ได้คิกว่าฉันจะไม่ปฏิเสธเขา
ในสายตาคยอย่าฉินจวิ้นเฟย ผู้หญิงก็เป็นเพียงสิ่งของบางอย่าง สิ่งของนี้ต้องกลับไปหาเขา เพียงแค่เขาต้องการ เพียงแค่พอที่มีแรงซื้อมา ของใช้นี้ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้
ดังนั้น ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจที่ฉินจวิ้นเฟยตื่นตระหนกไปทำไม หรือคิดว่าตัวเองดูสินค้าดีแล้วราคาตกแล้ว ทั้งยังซื้อหนิ่งแถมสอง?
“ฉันเข้าไปก่อนต่อไปคุณไม่ต้องมาหาฉันแล้ว”คำพูดที่เย็นชา แต่ก็ไม่ได้มีความหมายอื่น
แค่อยากจะแก้แค้นฉินจวิ้นเฟยก็เพีงแค่เกิดนึกแผนขึ้นมาแวบหนีงแค่นั้น พูดหมดนี้ถ้าอารมณ์ไม่นิ่งสงบฉันก็ไม่อาจะไปที่ร้านได้ ใช่เพราะเมื่อกี้ฉันใจยังวุ่นวาย ฉันก็ไม่ไม่ซื้อนมผงสองโถหรอก
ฉันซื้อของเสร็จก็ได้สงบลงไปมาก คิดว่าชีวิตตัวเองวุ่นวายพอแล้ว ไม่สามารถที่จะหาเรื่องวุ่นวายมาใส่ตัวเองอีกแล้ว
ถ้าเพิ่มฉินจวิ้นเฟยเข้ามา ฉันคงจะปวดหัวเพิ่มอีก
ฉินจวิ้นเฟยไม่เพิ่มมา ฉันปล่อยลมหาใจออกถือเอาถุงช็อปปิ้งเดินเข้าไปห้องผู้ป่วย แม่ฉันกำลังหยอกลูกทั้งสองอยู่บนเตียง พี่จางกับพี่หลิวกำลังคุยกับแม่ฉัน ฉันได้ยินพวกเธอคุยกันตอนที่ฉันอยู่ต่างประเทศ ช่วงนั้นก็ได้เครียดขึ้น
“ซื้อแพมเพิสกลับมาแล้ว เปลี่ยนให้พวกเขาเถอะ”ฉันขัดที่เขาคุยกัน เป็นห่วงเล็กน้อยกลัวพี่จางกับพี่หลิวไม่ระวังก็หลุดปากพูดออกมา
ก่อนที่จะมาฉันได้บอกเรื่องการป่วยของแม่ฉันให้พี่จางกับพี่หลิวรู้ไว้แล้ว ก็บอกพวกเธอเกี่ยวกับข้อพิพาทนั้นก่อนที่ฉันไปต่างประเทศ พี่จางกับพี่หลิวก็พากันตกใจ ได้รู้ท่าทางของฉัน บอกฉันจริงๆแล้วต้องใจเย็นๆค่อยๆเลือก
ถึงฉันเคยกำชับพวกเธอแล้วไม่ให้บอกเรื่องที่ฉันหย่ากับเฉิงอี้เฉินให้แม่ฉันรู้ ก็ไม่ให้บอกเรื่องที่พวกเธอเป็นคนที่เฉินตงหลีจ้างมาผู้ดูแลแม่และเด็กกับพี่เลี้ยงเด็ก ไม่งั้นแม่ฉันต้องคิดมากแน่ๆ แม่ฉันไม่รู้ว่ามีเฉินตงหลีอยู่
ไม่แน่อาจหลุดพูดอะไรไป
“ได้ ฮั่นอี้ได้ฉี่ออกไปเมื่อกี้”พี่จางได้ยิ้ม ได้อุ้มฮั่นอี้ไปอีกด้าน
ฉันวางถุงช็อปปิ้งให้ด้าน พี่จางเห็นของในถุงถึงกลับสะดุงไป “ทำไมถึงได้ซื้อนมผงมาตั้งสองโถ?เราเอามาก็ยังมีตั้งเยอะ”
ตอนนี้แม่บ้านก็ซื้อนมผงที่นำเข้ามา ถึงแม้ฉันไม่ได้คิดว่านมผงที่นำเขามันจะดีเท่าไหร่ แต่ว่าฮั่นอี้กับซีหย่าคลอดที่ต่างประเทศ พวกเขากินของแบร์นต่างประเทศตลอด ฉันกลัวว่าเปลี่ยนรสให้พวกเขาอาจจะปรับตัวไม่ได้ ก็ก่อนที่จะขึ้นเครื่องก้ได้ขอร้องให้ร้านค้าส่งมาให้หนึ่งลัง
ตอนนี้ฉันซื้อมาอีกสองโถก็ซื้อมาเยอะจริงๆ
“เห็นกำลังจัดกิจกรรม ก็ซื้อมา”ฉันหัวเราะ โกหกไปมั่ว
พี่จางไม่ได้ถามมาก ก็ได้จัดเก็บของเงียบๆ ฉันนั่งไปที่เตียงของแม่ “แม่ ฉันได้เช่าบ้านไว้หลังหนึ่ง ไม่กี่วันจัดระเบียบเสร็จแล้วฉันจะมารับไปอยู่ด้วยนะ”
ก่อนหน้านี้ก็ได้เช้าบ้านไว้รอให้แม่ฉันหายป่วยก็อยู่ด้วยกันกับเขา ภายหลังแม่ฉันยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเฉิงอี้เฉินก็พาฉันไปเมื่องไห่ ตอนนี้นับมาแล้วเวลาก็ผ่านไปปีกว่าแล้ว ฉันก็ได้ทิ้งแม่ฉันไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียว ก็ได้รู้สึกผิดกับแม่ฉันมากจริงๆ
“แม่ แม่มาอยู่กับฉันนะ” แม่ฉันก็รับปากอย่างมีความสุข ฉันก็ได้ยิ้มขึ้นมา
แต่ว่าแม่ฉันยังคิดถึงเฉิงอี้เฉิน “อีอี ลูกกับอี้เฉินจะแต่งงานกันตอนไหน?ลูกก็คลอดออกมาแล้ว ไม่จัดงานแต่งสำมะโนครัวจะทำยังไง?
ฉันอึ้งไปสักพัก แต่ก็ได้นึกถึงสำมะโนครัวของลูกๆก็เป็นปัญหาจริงๆ
ครั้งนี้กลับมาก็ต้องการที่จะทำสำมะโนครัวให้ลูกทั้งสอง แต่หลักๆจะต้องทำยังไง ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ดูว่าฉันต้องถามกับแผนกที่เกี่ยวข้องดีๆ
“เรื่องนี้ไม่รีบ เฉิงอี้เฉินเขามีวิธีของเขา”ฉันพูดปลอบใจแม่ฉันไป คำพูดนี้ที่พูดออกไปทำให้คิดได้ในใจแม่ฉันฉันกับเฉิงอี้เฉินน่าจะได้จดทะเบียนกันไปแล้วถึงจะถูก แต่ว่าทำไมเขาถึงได้ถามแบบนี้ล่ะ?
ฉันได้รีบพูดต่อ “ไม่ต้องพูดเกี่ยวกับงานแต่งแล้ว ฉันกับอีเฉิงถึงไม่ได้จัดงานแต่ง แต่ก็ได้จดทะเบียนกันแล้ว”
ฉันรู้สึกผิด คำพูดก็เร็วขึ้นมาก ได้ตรวจสอบสีหน้าของแม่ฉันอย่างตื่นเต่น
เขาถามฉันเมื่อกี้ไม่ใช่เพื่อทดสอบฉันนะ?เขาได้รู้สึกถึงอะไรที่ไม่ปกติหรอ?
สถานการณ์นี้แม่ฉันเป็นคนที่อนุรักษ์นิยมมาตลอด ถ้าฉันไม่ได้จัดงานแต่งก็ได้พาลูกสองคนกลับมา อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้บอกเรื่องที่ฉันท้อง เขามีข้อสังสัยมากมายแน่
“ซีหย่ากับฮั่นอี้เกิดที่ต่างประเทศ แจ้งเข้าสำมะโนครัวต้องยุ่งยากหน่อย ฉันกับอี้เฉิงต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อน” ฉันได้บอกแม่ฉัน
“ยุ่งมากหรอ?จะเอาเข้าได้ไหม?”เวลานี้แม่ฉันอึ้งไป
ฉันก็ได้เอ่ยปลอบ “ไม่ ไม่ ฉันก็บอกแล้วว่าอี้เฉิงเขามีวิธีของเขา ธุระกิจเขาใหญ่ขนาดนี้ ทุกๆลู่ทางต้องมีคนรู้จักบ้าง”
แม่ฉันอึ้งเบาๆก็ได้พยักหน้า เหมือนจะมีความเชื่อมั่นในความสามารถของอี้เฉิงมาก เพียงแค่ฉันเห็นท่าทางแม่ฉันเชื่อมั่นเฉิงอี้เฉินอย่างนั้น ใจฉันก็ไม่รับรสอะไรมาก