ฉันทำกฏที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจากการอยู่ไฟอย่างเคร่ง แต่ว่าแม่นมนี้ไม่ใช่เฉิงอี้เฉินหามาใช้ฉัน แต่เป็นเฉินตงหลีหามา
คิดถึงจุดนี้ ความคิดฉันก็เริ่มวุ่นวายขึ้นอีก รู้สึกว่าที่จากไปครั้งนี้ไม่พูดสักคำมันเกินไปหน่อย
ทั้งเฉินตงหลีดีต่อฉันแบบนี้ เขาไม่เคยค้างอะไรฉันเลย เพียงเขาชอบฉัน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเหลิง
ฉันใช้การไปซื้อแพมเพิสเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะออกไป ยืนอยู่ที่ทางเดินฉันได้โทรไปหาเฉินตงหลี
โทรศัพท์พึงดังขึ้น สายก็ได้รับแล้ว
“อีอี คุณถึงแล้วใช่ไหม?” เสียงที่อบอุ่นของเฉินตงหลีออกมาจากสายโทรศัพท์ เพียงฟังแล้วมีมีหอบเบาๆ ทั้งรอบข้างมีเสียงอึกทึกครึกโครมเล็กน้อย
ฉันแปลกใจเฉินตงหลีอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่ได้ถาม
“อึม ฉันมาถึงโรงพยาบาลที่แม่ฉันอยู่แล้ว ขอโทษนะ ที่มาโดยไม่ได้บอกคุณ…..”
เฉินตงหลีเงียบลง น้ำเสียงก็จริงจังขึ้น “อีอี คุณหลบผมใช่ไหม?
ฉันตกใจเบาๆ ลังเลไประยะนึง ในที่สุดก็ได้พูดออกมาคำเดียว “อึม….”
“หัวฉันกำลังวุ่นวาย ฉันอยากจะออกมาสักพักเผื่อจะดีขึ้น หรือให้ฉันได้ชัดเจนว่าตัวเองจะต้องทำอะไร ควรจะทำอะไร” ฉันหายใจเข้าลึกๆพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ จริงๆก็เป็นเหตุผลที่ฉันจะออกมา
พูดคือจะหลบเฉินตงหลีกับเฉิงอี้เฉิน หรือไม่ก็บอกว่าฉันอยากให้ตัวเองได้ใช้ความคิดอยู่เงียบๆคนเดียว
ก่อนที่ฉันกับฉินจวิ้นเฟยจะแต่งงานกัน เฉิงอี้เฉินได้มาปรากฏอยู่ที่ในห้องของฉัน ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปไม่ได้ถูกควบคุมอีกต่อไป
เวลาปีกว่าๆฉันได้ทำตัวเลือกอะไรมากมาย แต่ล่ะตัวเลือกเกือบจะเป็นถูกสถานการณ์บังคับ ทั้งหมดฉันได้ถูกเรื่องต่างๆบังคับให้ทำ จากนั้นต้องได้ตัดสินใจทำ
ฉันหย่ากับฉินจวิ้นเฟยคือแบบนี้ รับปากเซ็นสัญญากับเฉิงอี้เฉินก็แบบนี้ ส่วนหลังจากนั้นหย่ากับเฉิงอี้เฉิน ได้รีบเลือกที่จะไปต่างประเทศกับเฉินตงหลี ทุกอย่างของทุกอย่างพังทลายคือตัดสินใจทำลงไปด้วยอารมณ์ทั้งหมด
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดีกว่าเมื่อปีก่อน ปีกว่านี้ฉันได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ฉันเคนคิดว่าจะเป็นหมอไปตลอดชีวิต พยายามผ่านพ้นการฝึกงาน หลังจากนั้นก็ค่อยๆประเมินไป วันเวลาอาจเลี้ยงตัวเองได้ แต่ไม่อาจจะเปลี่ยนสถานการณ์ชีวิตของครอบครัวได้
แต่วันนี้ฉันได้กลายเป็นนักธุรกิจ ส่วนคนที่อยู่ข้างกายดูเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ฉันไม่สามารถตัดสินชีวิตแบบนี้ว่าจะดีหรือไม่ดีกันแน่ ฉันมีเงินมีทองใช้อย่างสุขสบาย แต่ในใจฉันกลับกลายเป็นความว่างเปล่า
เฉินตงหลีก็ได้เงียบลง ทันทีก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “ได้ ผมรู้แล้ว”
“อีอี คุณรู้ไหม?ถ้าคุณไม่ได้โทรมาหาผม พรุ่งนี้ผมอาจจะไปอยู่ตรงหน้าคน”
ฉันอึ้งไปสักพัก ก็ได้คิดทันทีที่เฉินตงหลีมีความอึกทึกครึกโครมทั้งเสียงที่หอบตอนนั้น “คุณอยู่ที่สนามบิน?” เครื่องไม่ถึงอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะออก แต่….”
เขาหยุดไป “ตอนนี้ผมเคารพกราตัดสินใจของคุณ ผมไม่ไปหาคุณ ให้คุณได้ใช้เวลาอยู่เงียบๆ แต่ ช่วงนี้ไม่นับอยู่ในสามเดือนนะ”
เฉินตงหลีก็ได้พูดล้อเล่น แต่ฉันฟังคำพวกนี้เวลานี้จะร้องหัวเราะก็ไม่ออก ความซาบซึ้งก็กระจายในหัวใจ ฉันพูดด้วยความจริงใจ “ขอบคุณนะ”
ฉันรู้สึกขอบคุณเฉินตงหลีจริงๆ ขอบคุณความช่วยเหลือจากเขา ขอบคุณที่เขาเคารพฉัน นอกจากนี้ขอบคุณที่เขาเอาใจใส่ฉัน
“ไม่ต้องขอบคุณผม ผมไม่ชอบคำพูดที่ดูเป็นคนนอก”
ฉันเม้มปาก ฟังแล้วเหมือนมีคำใบ้ในคำพูดเฉินตงหลี ในใจโล่งขึ้นมาก “ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์อะไร ก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี”
“ได้ ขอบคุณก็ขอบคุณ ทำเรื่องที่คุณพอใจยังดีกว่าทำให้คุณเกลียด” เฉินตงหลีหัวเราะ “แต่ว่า คุณได้ติดต่อกับเฉิงอี้เฉินไหม?ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาก็อาจจะกลับไป”
ฉันอึ้งไปเวลานั้นก็ปวดหัวเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ติดต่อเขา”
“ถึงแม้ว่าไม่อยากให้คุณติดต่อเขา แต่คุณก็ต้องติดต่อดีที่สุด ได้ยินว่าวันนี้เขาได้หลอกประธานบริษัทหนึ่งไว้ ไม่แน่เขาอาจจะกลับประเทศ ถ้าเขาไป คุณว่าผมจะไปไม่ไปล่ะ?”
เสียงของเฉินตงหลีพร้อมด้วยหัวเราะ ใจฉันวุ่นวานอย่าทัวร์ลง “ฉันวางก่อนนะ”
แต่ไม่ได้รอให้เฉินตงหลีตอบกลับฉันก็ได้วางสายไป ก็ได้รีบโทรไปหาเฉิงอี้เฉิน
แต่ว่าสายโทรไม่ติด ฉันก็วางสาย
ก็ได้หายใจลึกๆค่อยๆปล่อยออกมา บังคับให้ตัวเองใจเย็นๆ
ฉันต้องไม่โทรไปหาเฉิงอี้เฉิน โทรหาเขาจะพูดอะไร?ถามเขาได้กลับประเทศไหม?หรือว่าบอกเขาไม่ให้กลับมา?
ฉันว่าเขาไม่เคารพฉันตลอด แต่ถ้าหากฉันตั้งใจโทรไปบอกเขาไม่ให้กลับมา งั้นฉันเคารพเขาตรงไหน?
เฉิงอี้เฉินกับเฉินตงหลีนั้งไม่เหมือนกัน เสียงของเฉินตงหลีทั้งหมดอยู่ที่ต่างประเทศ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับประเทศ แต่ไม่เหมือนเฉิงอี้เฉิน กลุ่มบริษัทสกุลเฉิงก็อยู่ที่เมืองไห่ เขาอยากจะกลับมาก็มีเหตุผลพอที่จะมาปิดปากฉัน
ถึงยังไงเขากลับมาแล้วฉันก็แค่ไม่พบเขาแค่นั้น
ฉันได้ถอนหายใจได้กำโทรศัพท์แน่นๆแล้วบอกกับตัวเอง ก็ได้หายใจเข้าลึกจัดการกับอารมณ์ตัวเอง หันหน้าไปทางออกแล้วเดินไป
ฉันพูดแล้วว่าออกมาซื้อแพมเพิส จะกลับไปมือเปล่าไม่ได้
อำเภอเล่อก็ยังคงเหมือนฤดูใบไม้ผลิ ครึ่งปีกว่าที่จากไป ทิวทัศน์ที่นี้เกือบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ฉันไม่อยากให้แม่ฉันรอนาน ได้รีบเดิน แต่พึ่งเดินมาถึงประตูโรงพยาบาลก็ได้ยินเสียงแปลกๆที่คุณเคย
“ลั่วอีอี?”น้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่แน่ใจ ทั้งยังออกมาด้วนความตกใจ
เท้าฉันก็ได้หยุดมองไปทางเสียงที่มา เมื่อฉันได้มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เลือดในตัวฉันก็เริ่มที่จะเดือด
ตรงหน้าฉันไม่ใช่ใคร แต่เป็นฉินจวิ้นเฟยคนที่ฉันเกลียดเข้าในกระดูก!
ตัวเขาก็ยังสูงใหญ่ ผมก็ได้จัดเป็นระเบียบ หนวดโกนอย่างสะอาดสะอ้าน แต่ยังมองเห็นเป็นรูปเคราเข้ม ได้สวมใส่สูทยังมีนาฬิกาทองที่แสดงให้เห็นถึงฐานะของเขา
เพียงแต่ หน้าท้องที่นูนน้อยๆออกมากับใบหน้าที่อวบเล็กน้อยทำให้เขาค่อยๆห่างไกลกับคำว่าหล่อเหล่า ทั้งยัง ฉันก็ได้เห็นเขาท่าทีเหมือนได้รวยขึ้นมาทันที
ครึ่งกว่าปีไม่ได้เจอ ฉินจวิ้นเฟยทำไมอ้วนขึ้นอย่างนี้?ฉันอยากจะหัวเราะขึ้นมา ไม่รู้หัวเราะฉินจวิ้นเฟย หรือจะหัวเราะฉันในปีนั้นฉันตาบอด หรือบางทีฉันอาจโชคดีที่ฉินจวิ้นเฟยไม่ลังเลที่ทิ้งฉัน?
MANGA DISCUSSION