ฉันอยู่ที่นี้ไม่มีเพื่อน เวลานี้พอที่จะมาบ้านฉันได้ก็คงแม่แค่เฉินตงหลี
เพียงแต่…..
ฉันได้มองไปหาเฉิงอี้เฉินที่อยู่ข้างฉัน ในเวลานั้นได้รู้สึกผิดจริงๆ ยิ่งคิดยิ่งเศร้า
ก่อนหน้านั้นฉันได้รับปากกับเฉินตงหลีให้เวลาเขาสามเดือน แต่ว่าฉันตอนนี้ไม่ได้ยึดในหลักการคำพูดตัวเองได้คืนดีกับเฉิงอี้เฉินแล้ว เวลานี้ฉันไม่รู้จะอธิบายให้เฉินตงหลีฟังยังไง
เฉิงอี้เฉินเข้ามาในสายตาฉัน ริมฝีปากที่เซ็กซี่ได้เม้มลงเล็กน้อย เหมือนดูออกถึงใจฉันที่กำลังกังวล “ผมจะลงไปกับคุณ”
เสียงทุ้มๆของเขาพูด น้ำเสียงทำให้ฉันฟังไม่ออกถึงความโกรธ ทั้งดูสงบมาก
พูดจริง ฉันเป็นห่วงเฉิงอี้เฉินกับเฉินตงหลีได้เจอกัน ไม่ใช่ฉันอยากจะปกปิดอะไร แต่คือกลัวว่าพวกเขาสองคนจะเกิดมีการปะทะอะไรขึ้นอีก แม้ว่าเฉิงอี้เฉินบอกจะค่อยๆเปลี่ยน แต่ว่าคนอย่างเฉิงอี้เฉินอารมณ์ที่อยู่เหนือผู้อื่นนั้นไม่ใช่วันสองวันจะเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ
ฉันเป็นห่วงมากกลัวว่าเฉิงอี้เฉินจะทำเหมือนครั้งนั้นที่โรงรถใต้ดินความรู้สึกแบบนั้นที่มีคำพูดที่เหน็บแนมกับเขา ไม่ว่าจะพูดยังไง เฉินตงหลีก็ได้ช่วยฉันมาก ถ้าพูดใครเป็นหนี้ใคร ใครเนรคุณใคร ก็เป็นฉันที่เป็นหนี้เฉิงตงหลี
ไม่เพียงแต่เป็นหนี้เขา ยังกลัวว่าชีวิตนี้จะใช้หนี้เขาไม่หมด
“อี้เฉิง คุณกับเขาอย่าปะทะกันนะ ได้ไหม?”ฉันจับแขนเฉิงอี้เฉิน พูดอย่างไม่สบายใจอย่างที่สุด
เฉิงอี้เฉินก็ได้พยักหน้า “วางใจได้ ผมรู้จักบันยะบันยังว่าอะไรควรไม่ควร”
ฉันได้พยักหน้ากับเขาได้เดินลงไปข้างล่าง ถึงแม้ว่าจะได้รับคำตอบจากเฉิงอี้เฉินแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่มีทางที่จะวางใจลง รู้แต่ว่าในใจอยู่ไม่เป็นสุข
พี่จางเห็นฉันกำลังวิตกกังวล ถามฉันเสียงทุ่มต่ำจะเปิดประตูไหม พูดมาแล้วก็อาย พวกเธอก็เป็นเฉินตงหลีหามาให้ ก็รู้ชัดว่าเฉินตงหลีได้ให้ใจกับฉันมากแค่ไหน วันนี้ตอนเช้าตอนที่ฉันกับเฉิงอี้เฉินกลับมาฉันก็รู้สึกเครียด กลัวว่าพวกเธอจะต้องถามอะไรต่อ ยังดีที่พวกเธอไม่พูด
“ฉันไปเปิดเอง”ฉันหายใจเข้าลึกๆ รู้แก่ใจการหลีกเลี่ยงไม่ใช่ทางออกที่ดี ทั้งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ทะเราะกันเร็ว ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดการทำร้ายกันขึ้น
ที่จับประตูเย็นมาก ฉันจับมันก็อดไม่ได้ที่สั่นเล็กน้อย ในที่สุดก็ได้หายใจเข้าลึกๆแล้วเปิดประตู
แสงแดดที่เจิดจ้าจากที่โล่งได้สาดเข้ามาข้างใน เฉินตงหลีก็ได้ยืนอยู่นอกประตู บนใบหน้าเขาเต็มด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อเขาได้เห็นเฉิงอี้เฉิน ฉันเห็นได้ชัดเจนว่ารอยยิ้มของเฉินตงหลีนั้นได้ค้างไว้
ในอกฉันได้อัดอั้นตันใจ ทั้งหมดเป็นที่ใต้จิตสำนึกที่ฉันต้องก้มหน้าไม่กล้าสู้หน้าเฉินตงหลี
เฉินตงหลีคงจะเกลียดฉันมากแน่ เขาดีกับฉันอย่างนี้ แต่ฉันเองที่พูดกลับไปกลับมา ฉันรู้รับปากกับเขาว่าจะให้โอกาสแต่ก็ผิดสัญญา มันโหดร้ายกว่าการที่ไม่ให้โอกาสกับเขาแต่แรก
“เข้ามานั่งก่อน”ฉันก้มหน้าพูด น้ำเสียงสั่นเคลือ มือของเฉิงอี้เฉินกอดเอวฉันไว้ ฉันยิ่งเป็นวัวสันหลังหวะอยากจะหลบหลีก แต่ว่าแรงของเฉิงอี้เฉินเยอะมาก
ใจฉันขยับเล็กน้อย รำคาญเล็กน้อย เขาได้พูดชัดเจนว่าจะเปลี่ยน แต่ตอนนี้ยังไม่สนใจความคิดของฉัน!ฉันเงยหน้ามองเฉิงอี้เฉิน แต่มองเขาจริงจังทั้งสายตาที่แน่วแน่ ความโกรธในใจไม่นานก็ได้หายไป
ตัวฉันแข็งทื่อไม่ดิ่น ก็ได้เข้าใจความหมายของเฉิงอี้เฉินทันที
ฉันได้เลือกแล้วที่จะเริ่มใหม่กับเฉิงอี้เฉิน ก็แน่ชัดว่าตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยลืมเฉิงอี้เฉิน งั้นฉันก็ไม่ควรที่จะมีเหตุผลใดๆรับปากให้เวลากับเฉินตงหลีสามเดือนที่จะลองคบกัน
นี้ไม่ใช่ให้โอกาสกับเฉินตงหลี ก็ไม่ได้เรียกว่าให้โอกาสฉันได้เริ่มต้นใหม่ แต่เป็นการเอาเฉินตงหลีมาล้อเล่น!
เวลาสามเดือนจะทำอะไรได้
เฉิงตงหลีดีกับฉันจนให้ฉันได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิตเขา แต่ฉันไม่มีวิธีที่จะเสรพสุขกับความดีของเฉินตงหลีทีมีต่อฉันได้อย่างสบายใจ เพราะคำสัญญาตัวเองฉันถึงไม่มีวิธีที่จะปฏิเสธหวังดีของเฉินตงหลี คงทำได้เพียงฝืนยิ้ม
สิ้นสุดสามเดือนนี้ ฉันต้องอยู่กับเฉินตงหลีหรอ?
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ เฉินตงหลีดีต่อฉันไม่ใช่แค่วันสองวัน และไม่ใช่สามเดือนนี้ ก่อนหน้านี้ช่วงครึ่งปีกว่า จะบอกว่าเฉินตงหลีไม่ดีกับฉันงั้นหรอ?
อาจเป็นเพราะความดีของเฉินตงหลีทำให้ฉันทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธเขา คงจะใช้ชีวิตอย่างสนุกกับเฉินตงหลี แต่ว่าเฉิงอี้เฉินเป็นหนามที่ยังแทงอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าฉันจะอยู่กับใคร ฉันคงไม่สามารถลืมเขาได้
ตอนนี้ฉันอยู่ต่อหน้าเฉินตงหลีไม่ควรที่จะดิ้น ฉันควรจะเผชิญหน้ากับความจริง ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ตัวเองเลือกไว้
ฉันได้เลือกเฉิงอี้เฉินแล้ว กับเฉิงอี้เฉินมีความใกล้ชิดกันอย่างที่ควรจะเป็น ฉันไม่สามารถเพียงเพราะเฉินตงหลีเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายก็จะหนีการถูกเฉิงอี้เฉินสัมผัส เพราะนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ กลับกันจะทำให้เฉินตงหลีคิดว่าฉันไม่หนักแน่น อาจยังสามารถสั่นคลอนได้
จากวิธีการที่รวดเร็วฉับไวหรือเปลี่ยนเป็นสงครามชักกะเย่อได้ มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเรา
สุดท้ายฉันได้เงยหน้ามองเฉินตงหลี มีทั้งความจริงใจทั้งความตั้งใจมองเขา “ตงหลี ขอโทษนะ ฉันกับอีเฉิน…”
“อย่าพูด….”เฉินตงหลียกมือทันที ใบหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด เขาพยายามยิ้มมุมปาก ในสายตามีความปวดใจยังมีความมุ่งหวังที่จะได้มา
“อีอี เราไม่ใช่ตกลงกันแล้วหรอว่าจะให้เวลาสามเดือน?”เขายิ้มให้ฉัน พูดออกมาด้วยความสุภาพ แต่ในความวุ่นวายในตาไม่อาจจะปิดบังได้
ในอกฉันได้เจ็บขึ้นมาทันที “ขอโทษ….”
“ตงหลี ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงคุณอีกแล้ว สามเดือนนี้เปลียนแปลงอะไรไม่ได้หรอก ก็ทำเป็น เราไม่เคยพูดเรื่องนี้กัน”ฉันกัดปาก ในใจปวดเหมือนมีเข็มทิ่มแทง
ฉันไม่ต้องการที่จะทำร้ายเฉินตงหลี แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงจากการทำร้ายเขาได้
ตัวของเฉินตงหลีได้เซ อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว ฉันตื่นเต้นอยากจะไปพยุงเขาไว้ แต่เห็นเฉิงอี้เฉินได้ยื่นมือไปทางเฉินตงหลี
“ไม่ต้อง!”ฉันอึ้งไป กลัวว่าเฉิงอี้เฉินจะลงมือทำร้าย
แต่ว่า มือของเฉินอี้เฉินก็ได้เข้าจับที่ไหล่ของเฉินตงหลี
เห็นการกระทำนี้ฉันก็อึ้งเล็กน้อย ทั้งอาจเพราะฉันตะโกนขึ้น เฉิงอี้เฉินมองฉัน ใจของฉันเต้นรัว เวลานั้นไม่ได้รู้สึกเคอะเขิน
“เข้ามานั่งก่อน เราคุยกันก่อน”เฉิงอี้เฉินได้หลบสายตามองไปทางเฉินตงหลี
ใจฉันตื่นเต้นเล็กน้อย รู้สึกว่าเฉิงอี้เฉินมองฉันเมื่อกี้ด้วยสายตาที่ซับซ้อน เมื่อกี้ที่พูดออกไปทำให้เฉิงอี้เฉินไม่ลงมือทำ หรือว่าจะทำให้เฉิงอี้เฉินคิดว่าฉันไม่เชื่อใจเขาแล้ว?
เรื่องนี้ไม่มีคำจะอธิบาย เพราะเมื่อกี้ใจฉันกังวลกับเป็นห่วงจริงๆ ฉันได้กลัวว่าเฉิงอี้เฉินจะลงมือทำร้ายเฉินตงหลี
เฉินตงหลีได้เงยหน้ามองเฉิงอี้เฉิน ได้เม้มปากไว้แน่นสีหน้าคล้ำ ก็ยังได้พยักหน้าเข้ามาในบ้าน
MANGA DISCUSSION