รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 9 ตรวจสอบฉันแล้ว
หัวใจของฉันบีบแน่น วันนั้นเขาให้นามบัตรฉัน แล้วบอกให้ฉันคิดให้ดีก่อนว่าต้องการค่าชดเชยอย่างไร หลังจากนั้นให้ติดต่อกลับหาเขา หลายวันมานี้โรงพยาบาลเร่งรัดให้ฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่ จริงๆฉันคิดจะเอาเงินจากเฉิงอี้เฉินอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็อดทนเอาไว้
ฉันเกลียดเขา แต่ฉันไม่ต้องการสิ่งที่เรียกว่าค่าชดเชย อย่างนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังขายร่างกายตัวเอง
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ถือว่าคุณได้ช่วยฉันไว้แล้ว” ฉันมองเขาแล้วพูดไปอย่างยากลำบาก ความรู้สึกในใจแท้จริงแล้วมันซับซ้อนมาก
ก่อนหน้าคืนนี้ ฉันเกลียดเฉิงอี้เฉินจริงๆ เพราะฉันคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเฉิงอี้เฉินที่ทำให้เกิดมันขึ้น
แต่ว่าคืนนี้ฉันได้เพิ่งรู้ว่าตอนที่ฉินจวิ้นเฟยคบกับฉัน เขากับจิ้นเหวินเชี่ยนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนมาโดยตลอด
พูดแล้วมีแค่ความแตกต่างระหว่าง 0 กับ N เท่านั้น ในหนึ่งเดือนนี้ ฉินจวิ้นเฟยพาผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ากลับมาบ้านมากมายขนาดนี้ ผู้หญิงพวกนี้ก็เหมือนจิ้นเหวินเชี่ยนเหรอ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับฉินจวิ้นเฟยมาโดยตลอด
แม้ว่าก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ฉินจวิ้นเฟยจะบอกกับจิ้นเหวินเชี่ยนว่าต้องการตัดความสัมพันธ์ แต่ฉินจวิ้นเฟยบอกตัดความสัมพันธ์ ก็สามารถตัดได้จริงเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นการก้าวถอยหลังหมื่นก้าวแล้วบอกว่า แม้พวกเขาจะขาดการติดต่อกัน งั้นตอนที่ฉินจวิ้นเฟยคบกับฉัน เขาก็เหยียบเรือสองแคม
มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นก่อนแต่งงานคือฉันผิด แต่ฉันก็ยอมรับผิด และก็ต้องทนต่อความโกรธของฉินจวิ้นเฟยและพ่อแม่ของเขา เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์นี้เป็นอุบัติเหตุ ฉินจวิ้นเฟยและพ่อแม่ของเขากลับไม่ฟังฉันอธิบายเลยสักนิด กลับยิ่งกำเริบเสิบสานทำให้ฉันอับอายขายหน้า
และเรื่องแบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับฉินจวิ้นเฟย แต่ฉินจวิ้นเฟยกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองผิด แม้กระทั่งคืนนี้สามารถพูดด้วยความมั่นใจเต็มใจที่ว่าเขาจะตัดการติดต่อกับจินเหวินเฉียนเพื่อฉัน แต่ฉันก็ไม่คู่ควร แต่ฉันไม่เหมาะสม
นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ!
เรื่องนี้ทำให้ฉันเข้าใจได้ทันที ถ้าหากก่อนแต่งงานไม่เกิดเรื่องขึ้น หลังแต่งงาน “ความผิดพลาด” อื่นๆของฉัน ก็จะโดนปฏิบัติแบบนี้เช่นกัน
ความรักของฉินจวิ้นเฟยที่มีต่อฉันเป็นสิ่งที่สูงส่งตลอด แต่นี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันระหว่างความรักและการแต่งงาน
ความรู้สึกของฉันซับซ้อนมาก มองจากมุมนี้ เป็นการ“หิวถึงกินไม่เลือก”ของเฉิงอี้เฉินที่ฉีกหน้ากากของฉินจวิ้นเฟย ทำให้ฉันได้เห็นชัดเจนว่าแท้จริงแล้วฉินจวิ้นเฟยเป็นคนยังไง
เฉิงอี้เฉินมองฉันด้วยสีหน้าเย็นชา ถือโอกาสคว้าซองบุหรี่ขึ้นมา โยนบุหรี่เข้าปากแล้วหยิบไฟแช็กขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ เพียงแค่หยุดการกระทำของเขาครู่หนึ่งตอนที่จะจุดบุหรี่ มองที่ฉันแล้วถาม “ถือสามั๊ย?”
ฉันส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว มองเฉิงอี้เฉินจุดบุหรี่ ทันใดนั้นก็อยากจะลองดูสักหน่อย
ว่ากันว่าการสูบบุหรี่สามารถคลายความกังวลได้ แต่ฉันก็อยากลองดูเช่นกัน
เฉิงอี้เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฉันอย่างเงียบๆและไม่ตอบรับคำพูดของฉัน “ตอนนี้คิดว่าจะทำยังไงต่อ?”
ฉันนิ่งเงียบอีกครั้ง ในใจมีสองคำปรากฏขึ้นในใจ——หย่า
เวลาหนึ่งเดือนนี้ฉันมันหนักเกินที่จะทนได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รู้เรื่องราวของคืนนี้อีก
มีแค่หย่า……
เมื่อนึกถึงค่ารักษาพยาบาลของแม่ฉันที่ค้างชำระอยู่ และยังมีเงินสินสอดที่บ้านของฉินจวิ้นเฟยต้องการ แค่คิดฉันก็รู้สึกปวดหัว
พ่อเลี้ยงไม่ยอมขายบ้านแน่นอน และบ้านนั่นก็ไม่ใช่ชื่อของฉัน หลินปิงชิงบอกว่าฉันสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ เพียงแค่สามารถตรวจสอบได้ว่าที่มาของเงินคือฉัน ฉันก็สามารถครอบครองบ้านนี้ได้
อย่างไรก็ตามถ้าแม่ฉันต้องรู้ว่าฉันดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยง สุขภาพร่างกายของเธอรับเรื่องนี้ไม่ได้แน่ และแม่ของฉันให้กำลังใจฉันตลอดให้อดทนต่อไป รอให้ฉินจวิ้นเฟยหายโกรธฉันและผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี
ถ้าหากฉันบอกเรื่องหย่า แม่ฉันต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน
“ถ้าหากมีปัญหาเรื่องเงิน คุณไม่ต้องกังวลใจ เงินสินสอดของตระกูลฉินฉันให้ได้ ค่าใช่จ่ายในโรงพยาบาลของแม่คุณฉันก็จะรับผิดชอบเอง แบบนี้ คุณก็สามารถหย่ากับเขาได้แล้วล่ะสิ”
ฉันตกใจเล็กน้อย ประหลาดใจที่เขาสามารถเดาความคิดของฉันได้ยังไง
“เรื่องนี้จริงๆแล้วเป็นเพราะฉันทำให้มันเกิดขึ้น ฉันสมควรที่ต้องรับผิดชอบ” เฉิงอี้เฉินสะบัดขี้เถ้า สูดบุหรี่อีกครั้ง และบีบก้นบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่
เขาจ้องมองมาที่ฉัน พูดอย่างไม่อ้อมค้อม “วันนี้ฉันได้ตรวจสอบฉินจวิ้นเฟยแล้ว เขาไม่ใช่สามีที่ดี ไม่เหมาะสมกับคุณเลยสักนิด”
“คุณก็ตรวจสอบฉันแล้วใช่หรือไม่?” ฉันถามเขาด้วยประโยคนี้ออกไป เขาไม่ตรวจสอบฉัน จะรู้ได้ยังไงว่าฉันกับฉินจวิ้นเฟยเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกัน
เฉิงอี้เฉินพยักหน้าให้ฉันเล็กน้อย จู่ๆฉันก็โกรธขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรบอกว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมาหรือไม่ให้เกียรติคนดี ความรู้สึกของคนที่ถูกตรวจสอบมันอึดอัดจริงๆ
“คืนนี้ขอบคุณคุณมาก ขอยืมโทรศัพท์มือถือคุณใช้หน่อยได้ไหม? ฉันอยากคุยกับหลินปิงชิงสักหน่อย”
ดึกป่านนี้ชายหญิงอยู่ด้วยกันมันไม่เหมาะสมจริงๆ ฉันรีบวิ่งออกมา แม้แต่รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ และคงไม่สนใจที่จะหยิบโทศัพท์ เวลานี้หลินปิงชิงคงจะหลับไปแล้ว ฉันจำเป็นต้องคุยกับเธอสักหน่อย
เขามองฉันอย่างลึกซึ้ง หยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้ฉัน ฉันหยิบมาดู เขาก็ได้ต่อสายหาเบอร์ของหลินปิงชิงแล้ว
“ฮัลโหล พี่เฉิง?” น้ำเสียงที่งงงวยดังมาจากโทรศัพท์มือถือ เสียงพื้นหลังยังคงจ้อกแจ้กจอแจอยู่เล็กน้อย
“ปิงชิง นี่ฉันเอง” ฉันพูดออกไป รู้สึกเสียใจในทันทีที่ยืมโทรศัพท์มือถือของเฉิงอี้เฉิน
ใช้โทรศัพท์มือถือของเขาโทรหาหลินปิงชิง หลินปิงชิงต้องรู้สึกประหลาดใจแน่ๆ ฉันยังต้องอธิบายให้หลินปิงชิงฟังอีกว่าทำไมถึงได้มาอยู่กับเฉิงอี้เฉิน
“อีอี?” หลินปิงชิงได้ยินเสียงฉันก็ตกใจ รีบบอกว่า “คุณรีบมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ อาการคุณน้าแย่แล้ว”