พี่จางกับพี่หลิวได้อยู่นอกประตู เห็นเฉิงอี้เฉินออกมาสีหน้าพวกเธอดูตึงเครียด เฉิงอี้เฉินก็ได้ปล่อยพวกเธอลงไปข้างล่าง
“อีอี คุณเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณไม่เป็นอะไรนะ?”
พี่หลิวกับพี่จางรีบวิ่งเข้ามาที่ห้องได้มองฉันอย่างกังวล
ในหัวฉันก็ยังมีแผ่นหลังของเฉิงอี้เฉินอยู่ รู้สึกว่าถูกของบางอย่างมาทับไว้อยู่ ทำให้รู้สึกอัดอั้นหายใจไม่ออก
ฉันมองพวกเธอแล้วส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร….”
ตอนนี้ฉันอายขึ้นทันที บนตัวเหลือแค่เสื้อใน จริงแล้วแต่ก็ไม่มีการได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร
“พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยัง?”ทันใดนั้นฉันได้คิดถึงเรื่องนี้ทันที เมื่อกี้ฉันใจร้อนตะโกนบองพี่จางแจ้งตำรวจ บอกตามตรงฉันแค่อยากจะทำให้เฉิงอี้เฉินตกใจเท่านั้น ไม่ได้อยากให้เรื่องนี้ต้องไปถึงตำรวจ
“ไม่ได้โทร”พี่จางได้ส่ายหน้า ลังเลสักพัก ก็ได้ถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณเฉิงนี้ เป็นพ่อของเด็กๆใช่ไหม?”
ฉันถอนหายใจ มองพวกเธอแล้วพยักหน้า
เรื่องที่เฉิงอี้เฉินเป็นพ่อของเด็กก็ปิดบังพวกเธอไม่ได้ อีกอย่างเมื่อกี้เฉิงอี้เฉินตอนที่คุยโทรศัพท์พวกเธอก็ได้อยู่บ้าน ทั้งเฉิงอี้เฉินมาก็ได้ไปดูลูก ยังมีคำพูดพวกนั้นของหลินปิงชิง พวกเธอคงเดาได้บ่าง
พวกเธอเป็นคนที่อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ฉันก้ไม่จะเป็นที่จะต้องโกหกพวกเธอ
พี่จางกับพี่หลิวก็ได้มองหน้ากัน ไม่ได้ถามอะไรอีก “ไปอาบน้ำเถอะ พวกเราสองคนจะเก็บตรงนี้ก่อน”
“ฮั่นอี้กับซีหย่าไม่เป็นไรนะ?”
“ไม่เป็นไร”
ฉันได้ยินคำตอบนี้ก็ไล่งใจไปมาก ลงเตียงจะไปห้องน้ำอาบน้ำ แต่เห็นว่าขาตัวเองทั้งสองข้างไม่มีแรง
ฉันถูกเฉิงอี้เฉินทำให้เสียขวัญแล้วจริงๆ แต่ตอนนี้ในหัวฉันได้แต่คิดถึงแผ่นหลังที่ดูหงอยเหงาของเฉิงอี้เฉินทิ้งไว้ก่อนไป ยังมีคำที่เขาพูดกับฉัน”ขอโทษ”
สองวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายใจฉันวุ่นวายไปหมด คืนนี้เฉินตงหลีกลับไปแบบไม่มีความสุข เฉิงอี้เฉินออกไปก็ไม่มีความสุข แต่ฉันคิดว่าใจวุ่นวายจนนอนไม่หลับ หรือไม่เป็นเพราะเหนื่อยเกินไป ฉันนอนที่เตียงผ่านไปไม่นานก็หลับไป
หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เจอหน้าเฉิงอี้เฉินอีกเลย ฉันได้ไปทำงานเลิกงานตรงเวลา ก็ก่อนหน้านี้ได้เซ็นสัญญาร่วมมือกับกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงเป็นพนักงานของบริษัทสกุลเฉิงมาทำต่อ
เฉิงอี้เฉินได้มาทันที ก็เหมือนกับทันทีที่ได้สูญหายไปจากชีวิตฉัน และเฉินตงหลี วันที่สองตอนที่เขาเห็นฉันฉลาดมากที่ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านฉัน อีกทั้งฉันกับเฉิงอี้เฉินเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่ได้ถาม ยังคงดูแลฉันอ่อนโยนมากเหมือนเดิม
ใจฉันสับสนวุ่นวายมาก สายตาที่เห็นเฉิงอี้เฉินบาดเจ็บยังวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน
เลิกงานวันนี้ฉันได้ขับรถกลับบ้าน ยังไม่ถึงบ้านฉันได้เห็นรถสีดำSUVคันนั้นมาจอดให้บ้านฉันอีก
ตัวฉันเพิ่มแรงเครียดขึ้นอีก ใจเงียบมาตั้งหลายวันต้องเริ่มกลับมาเต้นเป็นบ้าอีกครั้ง
เฉิงอี้เฉินบอกฉันว่าเป็เพื่อนบ้าน แต่ฉันไม่ได้รู้รายระเอียดว่าเขาพักที่ตึกไหน ตอนนี้รถของเฉิงอี้เฉินได้จอดที่นี้ หรือจะที่นี้เป็นบ้านของเฉิงอี้เฉิน?
ความคิดนึงได้ออกมาจากใจ อีกทั้งยิ่งแข็งแกร่ง ให้พวกเขากินนมแม่ ยุ่งพวกนี้เสร็จก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกหน้าต่า่ง ในใจก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
จากหน้าต่างบ้านฉันมองออกไปข้างนอก ข้างหน้าพอดีกับได้มองเห็นรถของเฉิงอี้เฉิน เวลานี้ก็ได้ดูอีกรอบ SUVสีดำคันนั้นก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว
เฉิงอี้เฉินออกไปข้างนอกแล้วหรอ?
ในมือที่ถือแก้วน้ำก็สั่นขึ้นสักพัก พูดจริงวันนั้นเฉิงอี้เฉินที่หงอยออกไป ช่วงนี้ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา ฉันอยากรู้มากว่ากี่วันนี้เฉิงอี้เฉินเป็นยังไงบ้างแต่ก็บังคับตัวเองไม่ให้โรไปหาเฉิงอี้เฉิน
เวลาผ่านไป ท้องฟ้าก็ได้เงียบลงไปหมด SUVสีดำคันนั้นก็ยังไม่ปรากฏ ฉันก็ยิ่งยับยั้งไม่อยู่แล้ว
“พี่จาง พี่หลิวฉันจะออกไปข้างนอกสักครู่”ฉันได้พูดกับทั้งสองคน ได้หยิบเอาผลไม้ข้างๆแล้วได้เดินออกไป
ยื่นอยู่หน้าบ้านเพื่อนบ้าน ใจฉันก็แต่เร็วมาก
เฉิงอี้เฉินอยู่บ้านไหม ฉันมาหาป้าหวัง
ในใจฉันได้ปลอบตัวเอง หายใจลึกๆ ในที่สุดก็ได้ยื่นมือไปกดกริ่ง
“ติ่งต่อง…ติ่งต่อง….”เสียงกริ่งดังขีั้นเหมือนได้มาอยู่ในใจฉัน เวลานี้ฉันก็อยากจะวิ่งกลับไปที่บ้าน
“คา”เสียงเปิดประตู ประตูได้เปิดออก มองดูคนเปิดประตูฉันได้อึ้ง เฉิงอี้เฉินที่อยู่ข้างก็ได้อึ่งไปเหมือนกัน
เขาอยู่บ้านได้ยังไง?รถไม่ใช่ไม่อยู่หรอ?
ฉันมองไปรอบๆด้วยจิตใต้สำนึก ในสวนไม่มีSUVสีดำคันนั้นแน่ แต่ได้มีปอร์เช่สีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ที่นั้น
คงไม่ใช่…ป้าหวังขับรถคันนั้นออกไปนะ?หรือไม่ทำไม่ถึงเป็นเฉิงอี้เฉินเปิดประตูล่ะ?
“เข้ามาก่อน”เฉิงอี้เฉินได้มองฉันแล้วพูด ได้ทิ้งคำพูดไว้แล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน
ตอนนั้นฉันอึดอัดทันที มองดูเฉิงอี้เฉินเดินเข้าบ้านจะบอกว่าตัวเองเอาผลไม้มาฝากก็ไม่มีโอกาสได้พูด เพียงแต่ได้หายใจลึกๆแล้วตามเขาเข้าไปข้างใน
ในบ้านกว้างขวางมาก ก็เรียบร้อยมาก ดูเหมือนว่าจะเปล่าไปหน่อย
ในห้องรับแขกมีแค่โซฟาหนึ่งชุดกับโต๊ะชาหนึ่งอัน อยู่ข้างฝามีโต๊ะโทรทัศน์กับโทรทัศน์ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่าเหมือนไม่มีคนอยู่ยังไงยังนั้น
“นั่งป่ะ”เฉิงอี้เฉินพูด ได้เดินไปที่ครัว เขาได้เดินไปถึงครึ่งทางแล้วได้กลับมา มองฉันแล้วถามว่า “ดื่มอะไร?น้ำส้มไหม?”
ฉันอึ้งไม่ได้พูดอะไร เฉิงอี้เฉินได้พูดเพิ่ม “ผมจำได้คุณชอบดื่ม”
หัวใจเหมือนโดนอะไรมาชนเข้าจังๆ มีสั่นเล็กน้อย ได้พยักหน้ากับเฉิงอี้เฉิน มีเขินเล็กน้อยว่า “ได้ ขอบคุณ…”
เขาไม่ได้พูดอะไร ได้เดินกลับไปที่ครัวอีกครั้ง ฉันได้ยินเสียงเครื่องคั้นน้ำผลไม้ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอีกที
เฉิงอี้เฉินนี้เป็นเสียงเครื่องคั้นน้ำผลไม้ไหม?
ฉันได้สงสัยเล็กน้อย เพราะในความประทับใจเฉิงอี้เฉินไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้เอง
เสียงเครื่องคั้นน้ำผลไม้ได้หยุดลง ไม่นานเฉิงอี้เฉินได้หยิบเอาน้ำผลไม่เดินออกมา เขาเอาน้ำผลไม่ยื่นมาให้ฉัน ฉันได้พูดขอบคุณพร้อมรับมา ทันทีหลังจากนั้นก็ได้เงียบลง
ฉันรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนไม่มีอะไรจะพูด “แขนของคุณหายดีหรือยัง?
เพียงแค่ได้พูดคำนี้ออกมา ภาพของวันนั้นก็ได้ออกมาในหัวฉัน แก้มของฉันแดงขึ้นช่วยไม่ได้
“ดีแล้ว”เฉิงอี้เฉินมองฉัน คำพูดมีมากแต่ก็หยุด ในที่สุดได้เลียปากเล็กน้อย “ผมคิดไม่ถึงคุณจะมานี้”
“ฉันมาหาป้าหวัง”ฉันรีบตอบ มองย้อนกลับไปรู้สึกว่าคำพูดนี้พูดออกมาเหมือนจะบัดบังแต่ผลลัพธ์ยิ่งเปิดออกมา
เพียงแต่เฉิงอี้เแินได้พยักหน้าเบาๆ “ป้าหวังออกไปซื้อของ รอสักครู่ก็จะกลับมาแล้ว”
เขาเดาออกถึงความคิดของฉัน เฉิงอี้เฉินได้พูด “วันนั้นรถที่ขับไปเจอคุณตอนนี้ เป็นรถที่ป้าหวังมักจะขับ”
เป็นไม่ตามคาด….
เวลานั้นฉันรู้สึกอึดอัดใจ แต่เขาพูดออกมายืนยันที่จะพูดให้มันชัดเจน รู้สึกว่าแก้มฉันก็เริ่มร้อนขึ้น
เฉิงอี้เฉินมองฉัน รอยยิ้มออกมาบนหน้าเขา ได้ลุกขึ้นมานั่งที่ข้างฉันทันที
MANGA DISCUSSION