รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 86 บีบบีงคับไปทีละก้าว
เฉิงอี้เฉินได้ฟังก็อดหัวเราะไม่ได้ ฉันก็รู้สึกดี แต่ก็รู้สึกแปลก คิดไม่ถึงว่าจิ้นเหวินเชี่ยนคลอดลูกออกมาจริงๆ
ฉันได้คิดใหม่อีกรอบทำให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ฉินจวิ้นเฟยกับจางเหม่ยเอ๋อเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด ในวันจัดพิธีแต่งงานเฉิงอี้เฉินพูดพวกนั้น จากนั้นฉันก็ได้เอาเสียงที่บันทึกที่คุยกับจิ้นเหวินเชี่ยนไปให้ฉินจวิ้นเฟย แม้ว่าจิ้นเหวินเชี่ยนจะเหนือชั้นแค่ไหนฉินจวิ้นเฟยก็ไม่มีทางที่เชื่อถือเธอได้
สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้ทำก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะรอให้จิ้นเหวินเชี่ยนคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อน หลังจากนั้นก็เอาเด็กคนนี้มาเป็นหลักฐานว่าเธอนอกใจ จิ้นเหวินเชี่ยนจะได้ไม่สามารถเรียกร้องเอาอะไรได้
ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าฉินจวิ้นเฟยจะใจดำอำมหิตจริงๆ เขาได้ไปพูดเรื่องพวกนี้กับแม่ฉัน คิดว่าตอนนี้จิ้นเหวินเชี่ยนคงใช่ชีวิตที่เลวร้ายมากแน่ๆ ตอนนี้จิ้นเหวินเชี่ยนได้เยาะเย้ยฉันที่ถูกเฉิงอี้เฉินทิ้งจะคิดไหมว่าตัวเองจะมีวันนี่?
ทางโทรศัพท์แม่ฉันพูดเสร็จแล้วก็นิ่งไปสักพัก เหมือนคิดว่าคำพูดตัวเองมีบางอย่าที่ไม่เหมาะ “อี้เฉิง คำพูดฉันไม่มีความหมายอื่นนะ เธอกับอีอียังปกติดีอยู่”
“อีอีเป็นเด็กซื่อๆตรงๆ เขาไม่ได้คิดอะไร ฉันเป็นห่วงว่าจะถูกฉินจวิ้นเฟยหลอกอีกครั้ง ยังถูกคุณ…อ๊าย…”
“แม่ ผมเข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวล” เฉิงอี้เฉินพูดขรึม ดึงฉันไว้อ้อมกอด
เขาได้พูดเอาใจแม่ฉันอีก รับปากกับเขาว่าจะรีบพาฉันกลับไปเยี่ยมเขา ได้พูดกล่อมจนดีอกดีใจสุดท้ายได้กำชับกับฉันแค่สองประโยคก็วางสายไป
บรรยากาศในห้องเริ่มแปลกๆ เฉิงอี้เฉินขมวดคิ้วมองฉัน สายตาที่ซ่อนถึงความสะใจไม่ได้ “แม่อยากให้พวกเรารีบกลับไป”
ฉันจ้องเขา ถ้าสายตาทำให้เฉิงอี้เฉินได้รับบาดเจ็บได้ฉันกลัวว่าจะถูกฉันจ้องเป็นรูใหญ่แน่”นั่นแม่ฉัน ไม่ใช่แม่คุณ”
ฉันแก้คำพูดเขาอย่างไม่ใยดี เฉิงอี้เฉินก็ไม่แคร์ ก็ยังเอาโทรศัพท์ฉันไปเปิดกล้อง “ได้ถ่ายรูป ส่งให้แม่ฉันกลัวว่ายังจะเป็นห่วง”
เขาพูดอย่างไม่ยอมใคร จับฉันอย่างแรง อีกด้านสีหน้าเฉินตงหลีก็ได้ดำกล่ำเหมือนก้นหม้อแล้ว เขาก็ได้เม้มปากแน่นหน้าอกกระเพื่อมอย่างแรง ดูเหมือนกำลังพยายามอดกลั่น
ใจฉันรู้สึกเป็นห่วง ไม่อยากถ่ายรูปกับเฉิงอี้เฉิน ได้ดิ้นออกอย่างแรง “ปล่อยฉัน”
“อีอี ผมกลับก่อนนะ”เฉินตงหลีพูดขรึมๆ ในใจจองมองเขา เขาออกไปแบบไม่หันกลับมา
เสียงปิดประตูก็ดังขึ้น ใจฉันก็เหมือนเขาอัดมาใส่หนึ่งหมัด เกือบจะเวลาเดียวกัน เฉิงอี้เฉินก็ได้ปล่อยแขนฉัน บนหน้าก็ไม่ได้ยิ้มเหมือนก่อนหน้านี้
เขาทิ้งโทรศัพท์ของฉันอย่างแรง เสียงโทรศัพท์ดัง”เปิ้ง”เหมือนเสียงลูกกระสุนยิงใส่บนโซฟา
ฉันได้เงยหน้ามองเฉิงอี้เฉินช้าๆ ใบหน้าเขาคล้ำได้หยิบกล่องบุหรีเอาออกมาหนึ่งมวลแล้วจุดไฟ
“คุณแคร์เขามาก”เขาพูดเสียงขรึม
ฉันเม้มปาก สูดหายใจลึกเงยหน้ามองเขาพูดตรงไปตรงมา “ใช่!”
ลูกตาเฉิงอี้เฉินก็ได้หดลง บุหรีที่อยู่ในมือถูกเขาบีบจนงอ เขาได้กัดฟันมองมาที่ฉัน ได้ดูดบุหรี่เข้าแรงๆ “ลั่วอีอี เธอตั้งใจทำฉันโกรธ” เขามองออกจริงๆ
ก็ถูก เฉิงอี้เฉินฉลากอย่างนี้ ทำไมเขาจะดูเกมส์เล็กของฉันไม่ออก
“อย่าคิดว่าเกมส์ของคุณจะทำให้ผมปล่อยวางไป แม่ให้เรากลับไป คุณเตรียมตัวจะกลับตอนไหน?”
ฉันขมวดคิ้ว ในใจได้ถูดคลื่นพายุพัดเข้าใส่ ตอนนี้สีหน้าเฉิงอี้เฉินได้มืดลง คำที่พูดออกมาก็ได้กัดฟันพูด เยือกเย็นทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัว
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเฉิงอี้เฉินต้องให้ฉันกลับไป ถ้าเขาชอบฉัน ทำไมต้องใช้ความคิดที่บีบบังคับล่ะ?อีกอย่างฉันก็ได้ตั้งใจทำให้เขาโกรธ เฉิงอี้เฉินก็แสดงออกโดยไม่พอใจฉันมาก ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมถึงอนนี้แล้วเฉิงอี้เฉินถึงยังแน่วแน่อย่างนี้
“เฉิงอี้เฉิน เราคุยกันได้ไหม?”ฉันมองเขา อยากถามให้แน่ชัด
“ว่ามา อยากคุยอะไร?”เขาก็ได้สูดลมเขาไป พ่นควันขาวๆออกมา ภายใต้ควันบุหรี่สีหน้าของเขาก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่เสื่อมโทรม เหมือนเคยผ่านความผันผวนมาก่อน
“จะให้ทำยังไงคุณถึงจะปล่อยฉันไป?”
“ชั่วชีวิตนี้อย่าคิดเลย”เขาเหล่มองฉัน บุหรีในมือก็ได้ไหม้ถึงก้นมวนแล้ว เฉิงอีเฉินเดินไปข้างหน้าหยิบเอาแก้วน้ำมาดับไฟบุหรี่ แล้วได้โยนมันลงไปในถังขยะแรงๆ
“คุณทรมานฉันอย่างนี้มันดีนักหรอ?”ฉันตะโกนไปที่เขา “ฉันรู้ว่าคุณมีความสามารถ ไม่มีใครกล้าตอบโต้คุณ หรือคุณคิดว่าถูกฉันปฏิเสธแล้วขายหน้า ดังนั้งอยากจะแสดงให้เห็นถึงตัวคุณเอง?”
“ได้!ผมยอมรับ ผมชอบคุณ หลักๆแล้วผมไม่มีแรงที่จะต่อต้านคุณ ผมรักคุณมากรักจะตายอยู่แล้ว แต่ผมก็ยอมที่จะตาย!”
“คุณปล่อยฉันได้ไหม?ฉันไม่อยากถูกคนพูดไม่เหมาะกับคุณ ไม่อยากให้ให้ครอบครัวเพื่อนคุณหัวเราะเยาะฉัน ไม่อยาครอบครองรักที่อยู่สูงของคุณ!ฉันก็แค่คนธรรมดา ฉันแค่อยากได้ความรักที่มีความเสมอภาคของสามี คุณปล่อยฉันได้ไหม?”
น้ำตาฉันไหลออกมาไม่หยุด เกือบจะขู่ใส่เฉิงอี้เฉิน
ฉันไม่อยากเอาความรู้สึกที่อ่อนแอที่สุดในใจบอกับเขา แต่เฉิงอี้เฉินกดดันหนักขึ้น อีกทั้งคืนนี้เขาได้พูดเรื่องพวกนั้นกับแม่ฉัน ทำให้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี
ได้พบเจอกับเฉิงอี้เฉินเป็นความโชคดีของชีวิต หรือไม่ก็อาจจะเป็นหายนะของชีวิตนี้
ฉันไม่สามารถที่จะต่อต้านเขาได้ ก่อนหน้าเป็นจินตนาการหวังว่าจะสามารถพูดคุยกับเฉิงอี้เฉินในฐานะนักธุรกิจได้ ในความจริงได้เห็นเฉิงอี้เฉินฉันก็รนราน ทั้งตัวก็ได้พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
เขาก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ เดินไปที่ไหนก็เต็มไปด้วยแสงสว่าง ยังทำให้คนรอบข้างถูกบดบังไป
ฉันไม่มีวิธีตามติดเฉิงอี้เฉิน ยิ่งกว่านั้นไม่มีวิธีที่จะยับยั้งอารมณ์ตัวเองได้ ฉันคิดว่าฉันคงป่วยแล้วจริงๆ ความน้อยเนื้อต่ำใจก็ลึงไปในกระดูกแล้ว ไม่ใช้พูดแค่สองประโยคก็จะแก้ปัญหาได้
เฉิงอี้เฉินถูกฉันตะโกนใสก็สงบนิ่งไป อึ้งไปสักพักก็ได้เดินเข้ามากอดฉันไว้ในอ้อมกอดแน่น
ฉันร้องไห้หนัก ดิ้นแรงเพื่อจะให้ออกจากอ้อมกอดของเฉิงอี้เฉิน แต่ก็อาลัยอาวรณ์ไม่อยากออกจากความอบอุ่นของเฉิงอี้เฉิน เขาได้กอดฉันแน่นๆไม่ปล่อย อารมณ์ทุกอย่างที่อยู่ในใจทำให้ฉันรื้อฟื้นความเจ็บปวด ปากก็ได้กัดไปที่แขนของเฉิงอี้เฉิน
“ซี….”เฉิงอี้เฉินเจ็บจนลมหายใจเย็นยะเยือก คิ้วขมวดแน่น แต่ก็ไม่ได้ขืน
นานไปก็ปวดเมื่่อยขึ้น ใจฉันก็ทดไม่ได้ ก็ได้ปล่อยออก
“ปล่อยฉัน ฮือๆๆๆ….”ฉันได้ดิ้นอีกที ในอ้อมแขนเขาก็ได้ทั้งตีทั้งเตะ
“พูดง่ายๆหน่อย”เฉิงอี้เฉินขมวดคิ้ว เสียงขรึมพูด “ถ้ายังดิ้นอยู่ผมก็จะขื่นใจคุณ”
ฉันสะดุ้งไปทั้งตั้ว ทั้งยังได้ดินขึ้นอีกทีอย่างแรง “ปล่อยฉัน!นายออกไป ออกไปสิ…”
“แม่งเอ๊ย!”เสียงต่ำได้ดังขึ้นข้างหูฉัน
หรือว่านี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเฉิงอี้เฉินพูดคำหยาบ?สติฉันยังไม่กลับมาแต่ทันใดก็ได้ถูกเฉิงอี้เฉินอุ้มขึ้น