มือของฉันที่ถือตะเกียบไว้ก็รู้สึกชา วางถ้วยลงบนโต๊ะอย่างเบาๆเเละกลืนอาหารที่ไม่รู้รสชาติลงไป
"ตงหลี สัญญาฉบับนี้มันดีหรือว่าไม่ดีต่อบริษัท? "
เฉินตงหลีขมวดคิ้ว "อีอี คุณมองในมุมเเบบนี้ไม่ได้….."
ฉันมองที่ไปเขาเเละยิ้ม "ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? "
"เปิดบริษัททำธุรกิจก็เพื่อที่จะหาเงิน ถ้าเกิดว่ากลุ่มบริษัทสกุลเฉิงให้ผลตอบเเทนเราได้มากพอ ทำไมเราถึงจะไม่เซ็นสัญญาฉบับนี้ล่ะ"
เฉินตงหลีขมวดคิ้วหนักมากยิ่งขึ้น "คุณก็รู้ว่าผมนั้นกังวลเรื่องอะไร"
เขามองมาที่ฉันเเละหยุดพูดไปหลายครั้ง ฉันรู้สึกผิดเเละอยากที่จะหลบสายตาของเขา เเต่ก็บังคับตัวเองให้มองไปที่เขา
"ฉันรู้ " ฉันพยักหน้าให้เฉินตงหลี พยายามทำให้ตัวเองสงบ ฉันมองไปที่เขาเเล้วพูดอย่างจริงจังว่า "ฉันสามารถเเยกเเยะเรื่องงานกับเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉันเฉิงอี้เฉินก็….ไม่ได้เป็นอะไรกันเเล้ว"
ฉันขำหัวเราะให้กับตัวเอง เเต่ในใจกลับเจ็บปวด
"อีอี" เฉินอี้เฉินเรียกฉันด้วยเสียงทุ้มเเละฉันก็รีบพูดขัดเขา "คุณสบายใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร"
ฉันไม่อยากให้เฉินตงหลีพูดออกมา บางเรื่องพูดออกมาชัดเจนเกินไปก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี ก็เเค่เฉินตงหลีมักจะชอบใส่ใจ่กับอารมณ์ความรู้สึกของฉัน ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยเเม้เเต่จะเอ่ยถึงเฉิงอี้เฉิน เเต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมให้ฉันพูดเปลี่ยนเรื่อง
"อีอี คุณตัดใจจากเขาไม่ได้หรอก เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือผมต่างก็รู้ดี"
ฉันเม้มริมฝีปาก อยากปฏิเสธโต้เเย้งเเต่ก็พูดไม่ออก
เฉินตงหลีถอนหายใจเอื้อมมือข้ามจากโต๊ะมากุมมือฉันเอาไว้เเล้วพูดว่า "อีอี ผมกลัวว่าคุณจะถูกเฉิงอี้เฉินมาเอากลับไป ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานี้ผมอยู่ข้างๆคุณมาตลอด เเต่ผมก็รู้ว่าผมไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในใจคุณเลย"
"ตอนเเรกผมกะว่าจะขอคุณเเต่งงานหลังจากที่คุณคลอดลูกเเล้ว ผมคิดว่าถ้าเกิดผมพยายามมากพอก็จะทำให้คุณเปิดใจได้ เเต่ไม่คิดว่าอยู่ๆดีเฉิงอี้เฉินก็ปรากกฏตัวออกมา"
"อีอี คุณก็ให้เวลาผมมาสามเดือนเเล้ว ผมไม่อยากให้คุณกลับไปติดต่อกับเฉิงอี้เฉิน ผมยอมรับว่าผมเห็นเเก่ตัว ผมไม่มีความเชื่อมั่น เเต่เรื่องพวกนี้มันก็เทียบกับการที่จะต้องเสียคุณไปไม่ได้"
ฉันตกตะลึงเเละมองไปที่เฉินตงหลี ในใจก็เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย
ครึ่งปีก่อนหน้านี้ในตอนที่ฉันกำลังโกรธที่สุดเเละทำอะไรไม่ถูก ฉันพยายามใช้ความคิดที่มองหาจนเจอกับเฉินตงหลี เเละครึ่งปีที่ผ่านมานี้เฉินตงหลีก็เป็นเหมือนผู้ทักษ์วิญญาณที่คอยอยู่ข้างๆฉัน ถ้าเทียบกับเฉิงอี้เฉินเเล้วเฉินตงหลีช่วยเหลือฉันไว้มากกว่าเขาเสียอีก เขาเป็นทั้งเพื่อนเเละครู ให้ความเคารพต่อฉัน มันทำให้ฉันดีขึ้นมากๆ
เพียงเเต่ว่าฉันไม่เคยคิดว่าเฉินตงหลีจะเเสดงด้านที่อ่อนเเออย่างนี้มาให้ฉันเห็น
ฉันอดคิดไม่ได้ว่าฉันนั้นไม่ได้มีค่ามากขนาดที่จะทำให้เฉินตงหลีเห็นค่าได้ขนาดนี้
สักจุดในหัวใจของฉันรู้สึกอ่อนลงขึ้นมาทันที ฉันไม่อยากที่จะปิดบังเขาไปมากกว่านี้ ในเวลาเดียวกันฉันจะบอกเขาถึงความคิดความรู้สึกที่เเท้จริงในใจของฉัน
"ตงหลี ฉันกับเฉิงอี้เฉินน่าจะไม่มีทางที่จะกลับไปคืนดีกัน" เสียงของฉันฟังดูไม่ค่อยชัดเจน
วันนี้ตอนที่เฉิงอี้เฉินกำลังอธิบายให้ฉันฟัง ฉันรู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เเละชั่วขณะนั้นอยู่ดีๆก็เข้าไปในอ้อมกอดของเฉิงอี้เฉินเเละกอดเขาเอาไว้เเน่นๆ เเต่ว่าเมื่อได้เห็นการกระทำของเฉิงอี้เฉินมันก็ทำให้ฉันมีสติ
"พูดถึงเรื่องนี้เเล้ว ฉันก็ต้องขอบคุณเหมือนที่วันนี้คุณมาหา ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะมึนหัวไปเเล้วก็ได้" ฉันยิ้มอย่างขมขื่น
เฉินตงหลีขมวดคิ้วเเล้วมองมาที่ฉันอย่างงุนงง ฉันเอามือของฉันออกเเล้วหยิบเเก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
"ถึงเเม้ว่าฉันจะไม่เคยบอกกับคุณ เเต่ก็คิดว่าคุณน่าจะรู้มาบ้างเเล้ว ฉันหน้าตาเหมือนกับเเฟนสมัยเรียนมหาลัยของเฉิงอี้เฉิน ตอนเเรกที่ฉันหย่ากับเขาก็เพราะฉันเเอบไปเห็นรูปภาพของผู้หญิงคนนั้น เลยคิดว่าเฉิงอี้เฉินนั้นเอาฉันมาเเทนที่เขา"
ฉันมองไปที่เฉินตงหลี เขาเม้มริมฝีปากเเละไม่พูดอะไร จนทำให้ฉันได้รู้ว่าเฉินตงหลีนั้นรู้เรื่องนี้อยู่เเล้ว
ฉันยิ้มอย่างไม่เเยเเส ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ถือว่าฉันนั้นกำลังเจอกับความยากลำบาก ดังนั้นจึงไม่อยากดื้อรั้นเหมือนเเต่ก่อน ตอนนี้ที่เฉินตงหลีจะรู้เรื่องพวกนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเเปลก ฉันคงไม่ "หลงตัว" ถึงขั้นคิดไปว่าเฉินตงหลีนั้นมาเเอบสืบเรื่องฉัน เเต่รู้สึกว่ามันเป็นเพราะเฉิงอี้เฉินเป็นนคนมีชื่อเสียง จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนมาสนใจเรื่องของเขา
"วันนี้ก่อนที่คุณจะเข้ามา เฉิงอี้เฉินกำลังอธิบายให้ฉันว่าที่เขาอยู่กับฉันไม่ใช่เพราะว่าฉันหน้าเหมือนฉู่เจียอี๋ เเต่เป็นเพราะว่าเขาชอบฉันจริงๆ อีกอย่างที่เขาหย่ากับฉันเพราะว่าฉันนั้นโกรธเขา เครียดที่ฉันนั้นไปเเอบสงสัยเขา"
เฉินตงหลีมองมาที่ฉันด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาเเสดงถึงความวิตกกังวล ฉันรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่เเละฉันก็ยิ้นให้เขาเเล้วพูดว่า "ดังนั้นฉันจึงจะต้องขอบคุณที่อยู่ๆคุณก็เข้ามา เพราะไม่อย่างงั้นฉันอาาจะรู้สึกหวั่นไหวเเล้วตอบตกลงเขาไปก็ได้"
"คุณหมายถึงอะไร?" เฉินตงหลีมองฉันด้วยความงุนงง
ฉันถอนหายใจ เเล้วใช้ตะเกียบปักไปตรงข้าวที่อยู่ในถ้วย "ในตอนนั้นที่ฉันหย่ากับเฉิงอี้เฉินเพราะว่าฉันคิดว่าเขานั้นหลอกฉัน เเต่ท้ายที่สุดปัญหาของฉันกับเฉิงอี้เฉินไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้"
"ตงหลี ตอนที่ฉันอยู่ต่อหน้าเฉิงอี้เฉินฉันรู้สึกว่าตัวเองต่ำเเละด้อย เขาคุ้นเคยกับความเเข็งเเกร่งเลยอาจจะไม่ได้ตั้งใจ เเต่ว่าเขานั้นไม่เคยที่จะเคารพฉันเลย"
ฉันอดคิดในใจไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของฉันกับเฉิงอี้เฉินนั้นดูเหมือนกับจักรพรรดิเเละนางสนมในสมัยโบราณ? จักรพรรดิจะเเสดงความรักต่อนางสนมยังไงก็ได้ เเต่จะไม่ถือเอาเป็นคนรัก ความคิดของฉันอาจจะรุนเเรงไปหน่อย เเต่มันก็เหมือนกับวันนี้ที่เฉินตงหลีบอกให้ฉันตัดสินใจเอาเอง เเต่เฉิงอี้เฉินกลับบอกเฉินตงหลีไปตรงๆว่าเฉินตงหลีนั้นเทียบกับเขาไม่ติด
เเม้ว่าเขาจะพูดถึงเฉินตงหลี เเต่มันก็เหมือนกับว่าเขานั้นเอาฉันไปเปรียบเป็นเหมือนกับสิ่งของเขา
เฉิงอี้เฉินนั้นเเสดงความเป็นเจ้าของมากเกินไป ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องที่ฉันก็หย่ากับเขาไปเเล้ว เเม้ว่าจะเป็นคู่สามีภรรยาที่ธรรมดา เเล้วจะมาบอกว่าเเต่งงานเเล้วก็เท่ากับว่ามีโทษไปตลอดชีวิตเลยหรือ?
การมีความภักดีต่อชีวิตสมรสนั้นเป็นสิ่งที่ถูก เเต่ตอนนี้ฉันต้องมามีประสบกับชีวิตการเเต่งงานที่ล้มเหลวไปเเล้วถึงสองครั้ง เเละฉันก็รู้สึกว่าในชีวิตสมรสการที่คุณรักเดียวใจเดียวมันไม่ใช่เรื่องที่ดี
การเเต่งงานเป็นการที่คนสองคนเดินไปด้วยกัน เเต่ไม่ใช่เป็นการผูกมัดคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่จะเป็นชีวิตสมรสคู่ไหนก็ตาม ไม่ควรที่จะสูญเสียสิทธิในการเลือกของตัวเองไปเพียงเพราะเเต่งงานกันเเล้ว
เเละคำพูดของเฉิงอี้เฉินนั้นก็เพิกเฉยต่อสิทธิ์ในการเลือกของฉัน
พูดง่ายๆก็คือฉันสามารถที่จะปฏิเสธเฉินตงหลีได้ เเต่ว่าเรื่องนี้ฉันต้องเป็นคนทำ ไม่ใช่เฉิงอี้เฉินที่เข้ามาทำ
ในเรื่องนี้เฉินตงหลีนั้นสามารถเข้าใจได้ เเต่เฉิงอี้เฉินนั้นไม่เข้าใจ
เช่นเดียวกับตอนนี้ถึงเเม้ว่าเฉินตงหลีไม่ต้องการให้ฉันไปพูดถึงเรื่องสัญญากับเฉิงอี้เฉิน เเต่เขาก็บอกความจริงกับฉันเเละเเนะนำฉัน เเม้ว่าเฉินตงหลีจะเป็นเจ้านายของบริษัทเเต่เขาก็รู้ว่าฉันนั้นเป็นห่วงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาถึงมาสอบถามความคิดเห็นของฉัน
เเต่ถ้าเรื่องนี้ถูกจัดการโดยเฉิงอี้เฉิน ฉันไม่สงสัยเลยว่าเฉิงอี้เฉินนั้นจะต้องเก็บซ่อนเรื่องเอาไว้ เเละไม่บอกให้ฉันรู้เเน่นอน
เฉินตงหลีมองมาที่ฉัน ดวงตาของเขาดูสว่างขึ้นทีละน้อย เขายิ้มเเละอดไม่ได้ที่จะมองมาที่ฉันเเล้วพูดว่า "ในกรณีนี้ก็เท่ากับว่าผมนั้นสอดคล้องกับความปรารถนาคุณมากกว่าเฉิงอี้เฉิน"
MANGA DISCUSSION