ฉันหายใจด้วยความเจ็บปวด ตั้งใจยกเข่าขึ้นยันไปที่ส่วนล่างของฉินจวิ้นเฟยอย่างรุนแรง
เสียงร้องดังขึ้นอย่างน่าสงสาร ฉินจวิ้นเฟยหลีกไปจากตัวฉันทันที
ฉันลุกขึ้นจากเตียงด้วยความตื่นตระหนก ฉินจวิ้นเฟยตอนนี้กุมส่วนล่างของตัวเองเอาไว้แล้วร้องอย่างเจ็บปวด มองเห็นตาแดงฉานของฉินจวิ้นเฟย ฉันตกใจสั่นไปทั้งตัว เป็นครั้งแรกที่หวาดกลัวฉินจวิ้นเฟยมากกว่าห่วงใยเขา
วิ่ง! ต้องวิ่ง!
ฉันตั้งใจแน่วแน่ เมื่อเห็นประตูห้องเปิดกว้างอยู่ จึงใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดวิ่งออกไปทันที
ใต้ฝ่าเท้าของฉันรู้สึกหนาวเย็นและแสบร้อนเหมือนโดนของแหลมคมทิ่มแทง ด้วยความรีบร้อนฉันจึงไม่ได้สนใจที่จะใส่รองเท้า
แต่ฉันยังมีตัวเลือกอะไร? ฉินจวิ้นเฟยเป็นบ้าไปแล้ว จิ้นเหวินเชี่ยนก็บ้าไปแล้ว ถ้าหากฉันอยู่ที่นี่อีกต่อไป ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นอีก
“นางแพศยา หยุดเดี๋ยวนี้นะ……” เสียงฉินจวิ้นเฟยที่กำลังโมโหดังมาจากด้านหลัง
เขาตามมาแล้ว!
ฉันตกใจจนเซ เกือบจะล้มลงบนพื้น หัวใจเต้นรัวเหมือนตีกลอง แทบจะกระโดดออกมาจากปากของฉัน
ฟังเสียงดุด่าที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ในใจก็รู้สึกหมดหวัง
ฝั่งนี้คือเขตบ้านพักจากอากาศ ถ้าอยากจะเรียกรถก็ต้องวิ่งไปที่ถนนถึงจะเรียกได้ ฉันจะถูกเขาจับกลับมาหรือเปล่า?
ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างก็ส่องมา ฉันเหมือนเห็นฟางที่จะช่วยชีวิตทันที รีบวิ่งไปโดยไม่ลังเลสักนิด
เสียงเบรกอันแหลมคมเสียดแทงไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน หัวใจของฉันก็หยุดเต้น ตกใจจนร่างกายแข็งทื่อ
“อีอี!” เสียงของฉินจวิ้นเฟยดังขึ้น
ฉันแยกไม่ออกว่าเขาร้อนใจหรือโมโห แต่สติก็กลับมาในฉับพลัน
เมื่อมองไปที่รถที่จอดอยู่ตรงหน้า ฉันรู้สึกดีใจ พุ่งเข้าไปนั่งที่ตำแหน่งข้างๆคนขับโดยไม่ลังเลสักนิด
“ได้โปรดพาฉันไปที่ฉันที่อพาร์ทเม้นท์หลานซาน ของร้องคุณล่ะ……” ฉันเปิดประตูโดยไม่ระวังตัว
แต่เมื่อมองเห็นคนที่อยู่ในรถ ฉันกลับนิ่งอึ้งไป
ไม่คิดว่าจะเป็นเขา! ฉันคิดไม่ถึงว่ารถที่ตัวเองรีบร้อนโบกให้หยุด จะกลายเป็นรถของเฉิงอี้เฉิน
“ลั่วอีอี หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงของฉินจวิ้นเฟยดังขึ้นอีกครั้ง
ร่างกายของฉันแข็งทื่อ ขณะเดียวกันฉันก็อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉิงอี้เฉินกลับมีสายตายที่เย็นชา และมองไปที่ฉินจวิ้นเฟย
“ขึ้นรถ” น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกและน่าดึงดูดลอยมาอย่างแผ่วเบา
ฉันตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉินจวิ้นเฟยตามมาแล้ว ก็จำใจเข้าไปในรถ
“เร็ว……ไปเร็ว……” ฉันรีบเร่ง มือก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยมารัด เมื่อเห็นว่าฉินจวิ้นเฟยรีบวิ่งไปที่หน้ารถก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง
ในวินาทีถัดมา เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้น รถของเฉิงอี้เฉินเกือบจะเฉี่ยวตัวของฉินจวิ้นเฟย และกระโดดออกไป
“นางแพศยา ลงมาเดี๋ยวนี้……”
ฟังเสียดุด่าที่มาจากด้านหลัง ฉันขดตัวอยู่บนที่นั่งข้างๆคนขับ ร่างกายสั่นเหมือนตอนร่อนแกลบ
หนีพ้นแล้วเหรอ?
ฉันตกใจเล็กน้อย กล้ามเนื้อทั้งตัวยืดตึง มือจับที่จับประตูรถโดยไม่รู้ตัวราวกับว่ามันจะปลอดภัยกว่า
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้หัวใจของฉันหวาดผวา
เวลาหนึ่งเดือนนี้ ฉันทนต่อการอัปยศอดสูและการเหน็บแนมของฉินจวิ้นเฟย รอคอยให้เขาระบายความโกรธออกไปแล้วมันก็จะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะว่าฉันคิดมาโดยตลอด เรื่องนี้เป็นฉันที่ผิดต่อฉินจวิ้นเฟย ความโกรธแค้นของเขาฉันสมควรได้รับแล้ว
แต่คำพูดของจิ้นเหวินเชี่ยนตบหน้าฉันอย่างแรง ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าฉินจวิ้นเฟยจะเป็นชู้กับจิ้นเหวินเชี่ยนมาโดยตลอด แม้กระทั่งช่วงเวลาที่คบหากับฉัน พวกเขาก็ยังติดต่อกันอยู่
แล้วเย็นนี้ คิดไม่ถึงว่าฉินจวิ้นเฟยจะทำเรื่องแบบนี้ออกมา เขาต้องการให้ฉันกับจิ้นเหวินเชี่ยน ทำทรีซั่มพร้อมกันเขา
ใครๆก็บอกว่าฉันแต่งงานกับสามีที่รวยและหล่อ บอกว่าฉันเป็นซินเดอเรลล่าที่แต่งงานกับตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล แต่ใครจะรู้ สามีคนนี้กลับกลายเป็นคนเจ้าชู้ตัวพ่อไปได้อย่างไร? น่าขำเสียจริง แม้แต่ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้
ฉันปวดใจมาก น่าแปลกที่กลับไม่ร้องไห้ออกมา ความรู้สึกนี้เหมือนมีหลุมอยู่ในใจ แม้แต่จะหายใจยังลำบาก
จนกระทั่งได้ยินเฉิงอี้เฉินบอกให้ฉันลงจากรถ ฉันถึงได้สติกลับมา แต่ว่าฉันเพิ่งจะรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่อพาร์ทเม้นท์หลานซาน แต่เป็นประตูของโรงแรมแห่งหนึ่ง
ฉันตกใจ มองเฉิงอี้เฉินอย่างเคร่งเครียด “คุณจะทำอะไร?”
ฉันอยากไปหาหลินปิงชิงที่อพาร์ทเม้นท์หลานซาน เธอคือเพื่อนร่วมงานของฉัน และยังเป็นเพื่อนแค่คนเดียวของฉันในเมืองไห่ หลังจากหนีออกมาจากบ้านของฉินจวิ้นเฟย คนแรกที่ฉันคิดถึงก็คือเธอ
แต่ว่า เฉิงอี้เฉินพาฉันมาที่โรงแรม เขาคิดจะทำอะไรกันนะ?
ภาพเมื่อคืนก่อนงานแต่งก็ปรากฏขึ้นในความคิดของฉัน เมื่อมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าฉันก็รู้สึกหวาดกลัวในทันที
“หาที่ให้คุณเปลี่ยนเสื้อผ้า” เฉิงอี้เฉินสีหน้าไม่แยแส กวาดสายตามามองที่ร่างกายของฉัน “คุณไปหาปิงชิงแบบนี้ อยากให้เธอเป็นห่วงหรือไง?”
ได้ยินเขาพูดถึงหลินปิงชิงการเรียกชื่ออย่างสนิทสนมคุ้นเคย หัวใจของฉันก็บีบแน่น และนิ่งเงียบไปในขณะเดียวกัน
ได้ยินเขาเรียกชื่อถึงหลินปิงชิงอย่างสนิทสนม หัวใจของฉันก็บีบแน่น และนิ่งเงียบไปในขณะเดียวกัน
ฉันเคยถามหลินปิงชิงแล้วว่ามีความสัมพันธ์ยังไงกับเฉิงอี้เฉิน หลินปิงชิงบอกว่า พวกเขาทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนกันมาหลายชั่วคนแล้ว ตอนเด็กๆได้พบกับเฉิงอี้เฉินหลายครั้ง ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้พบกัน
ฉันรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองจนมุมแค่ไหน และก็รู้ว่าไปหาหลินปิงชิงแบบนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ แต่ที่นี่คือโรงแรม ฉันก็เลยอดคิดไม่ได้
“วางใจเถอะ วันนี้ฉันไม่ได้ถูกคนคิดร้าย ไม่เหมือนกับวันนั้นที่หิวจนกินไม่เลือก” เฉิงอี้เฉินเม้มริมฝีปากและพูดเบา ๆ ก่อนจะลงจากรถ
MANGA DISCUSSION