รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 66 ฟ้าลิขิตไว้แล้ว
เฉิงอี้เฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไกลจากเรา ริมฝีปากบางทำให้เห็นส่วนโค้งขอบปากที่เซ็กซี่ของเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เฉินตงหลีตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเห็นเฉิงอี้เฉิน เขาลุกขึ้นและปังฉันไว้ดันหลังเขาทันที แต่เฉิงอี้เฉินลุกขึ้นและเดินมาหาฉันกับเฉินตงหลี
"ลั่วอีอีคุณไม่ได้ทิ้งผมเพื่อไปหาเฉินตงหลีเหรอ? ทำไมนานขนาดนี้พวกคุณยังไม่ได้แต่งงานกันอีก?" เฉิงอี้เฉินเลิกคิ้วและมีความเย็นชาในน้ำเสียงที่เงียบงัน
ลำคอของฉันดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างติดอยู่ทำให้ฉันพูดไม่ออก ทำได้แค่จ้องเขาด้วยความงุนงง
ฉันจินตนาการถึงฉากการพบกันระหว่างฉันกับเฉิงอี้เฉินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ฉันคิดว่าถ้าถึงตอนนั้นฉันคงเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งแล้ว อาจจะเจอกันอีกครั้งที่โต๊ะเจรจาในชุดสูท หรืออาจจะสวมชุดราตรีและพบเขาในงานเลี้ยงอาหารค่ำ
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไหน ฉันก็สามารถบอกให้เฉิงอี้เฉินรู้ได้ว่าฉันเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้วและฉันไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนกับชูเจียอี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามฉันไม่เคยคิดว่าฉันกับเฉิงอี้เฉินจะพบกันที่ร้านอาหารในต่างประเทศและเฉินตงหลีก็กำลังขอฉันแต่งงาน …
ดูเหมือนเขาจะถอนหายใจ "ใบหน้าของคุณหายดีแล้ว … "
หัวใจของฉันบีบแน่น ฉันยกมือขึ้นแตะแก้มโดยไม่รู้ตัว ภายในใจที่รู้สึกเหมือนโดนเข็มกำลังทิ่มแทง
ตอนนั้นแรงกระตุ้นทำให้ฉันเอากรรไกรข่วนหน้าตัวเอง หมอที่เฉิงอี้เฉินหาให้ฉันมีความชำนาญมากทำให้มีรอยเย็บน้อยมากเช่นกัน ต่อมาเฉินตงหลีซื้อยาลดรอยแผลเป็นต่างๆให้ฉันทา ทำให้ตอนนี้แทบไม่มีร่องรอยของแผลเป็น เพียงแค่ทารองพื้นก็ไม่เห็นรอยแผลนั้นแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนที่เฉิงอี้เฉินพูดถึงใบหน้าของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ อดคิดไม่ได้ว่าเขาใส่ใจกับรูปลักษณ์ของฉันมากที่สุด
ฉันกระพริบตาเพื่อปกปิดน้ำตา หายใจเข้าลึกๆแล้วยิ้มให้เฉิงอี้เฉิน "ใช่ ตงลี่หายาลดแผลเป็นหลายชนิดให้ฉันเลยแหละ โชคดีที่ไม่มีแผลเป็น"
“ตงลี่ ฉันรับปากกับคุณ”
ฉันพูดอย่างกะทันหันและมองไปที่เฉินตงหลีด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่หางตาของฉันกลับมองไปในทิศทางของเฉิงอี้เฉินโดยไม่รู้ตัว
เฉินตงหลีดูเหมือนจะจมไปพักหนึ่ง เขานิ่งไปสองสามวินาทีค่อยหยิบแหวนออกมาจากกล่องและสวมมันลงบนมือของฉัน
“ อีอีผมจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง”
เมื่อฟังคำพูดที่เคร่งขรึมของเฉินตงหลี ร่างกายของฉันสั่นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ฉันพยายามรักษารอยยิ้มและปล่อยให้แหวนเย็นๆกักขังฉันเอาไว้ ทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างมาก
ต่อมาฉันพึ่งนึกได้ว่าการกระทำของตัวเองในตอนนั้นมันไร้เดียงสาจริงๆ เหมือนเด็กที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ดีและพยายามหาทางพิสูจน์ว่าตัวเองดีมากๆ เพราะฉันได้ยินเฉิงอี้เฉินพูดว่าฉันกับเฉินตงหลียังไม่ได้แต่งงานกัน ฉันหุนหันพลันแล่นตอบตกลงที่จะให้โอกาสซึ่งกันและกันอีกครั้ง
"ประธานเฉิง ไม่เจอตั้งนาน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?" ฉันจับแขนของเฉินตงลี่และยิ้มให้เฉิงอี้เฉินในขณะที่เขาพูด
ความโค้งของริมฝีปากเฉิงอี้เฉินหายไป ริมฝีปากบางเซ็กซี่แทบจะกดเป็นเส้นตรง ดวงตาลึกของเขาพลุ่งพล่านราวกับกระแสคลื่นใต้ทะแล
ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาอารมณ์แปรปรวนเพราะฉันหรือเปล่า?
ไม่มีใครให้คำตอบฉันได้และฉันก็ไม่มีทางถามคำตอบนั้นออกไป
"มาคุยเรื่องงาน" เขาพูดเบาๆและเขาก็ละสายตาที่นิ่งสงบจากฉันไป "ประธานเฉิน การค้านำเข้าและส่งออกของบริษัทคุณไม่เลวนะ ผมคิดว่าเราอาจมีโอกาสได้ร่วมมือกัน"
เฉินตงหลียิ้มเล็กน้อย "เป็นเกียรติอย่างยิ่ง"
ฉันกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกอยากคุยกับเฉิงอี้เฉินอีกครั้งและเอาแต่ด่าตัวเองในใจว่าแย่จริงๆ
“ไม่รบกวนมื้ออาหารของพวกคุณแล้ว ผมหวังว่าพวกคุณจะพบแต่สิ่งดีๆและอย่าลืมเชิญผมไปดื่มไวน์สักแก้วที่งานแต่งละ” เฉิงอี้เฉินยิ้มมุมปากและหันหลังกลับไปโดยไม่ลังเล
หัวใจของฉันรู้สึกเหมือนถูกตีเข้าอย่างแรง ฉันกัดริมฝีปากแน่น มุมมองของเฉิงอี้เฉินที่มีต่อฉันในตอนนี้เหมือนการปฏิบัติต่อคนทั่วไปที่ไม่ได้เจอกันนานเท่านั้น จำเป็นต้องยอมรับมัน ในใจฉันเหมือนสูญเสียบางอย่างที่ไม่สามารอธิบายได้
เขาพูดออกมาได้ยังไงว่าอย่าลืมเชิญเขาไปดื่มไวน์ในงานแต่ง? เขาไม่กังวลใจที่ฉันแต่งงานกับเฉินตงลี่เลยหรอ?
ในตอนนี้ฉันเริ่มคิดถึงผู้ชายที่หึงฉัน เริ่มคิดถึงผู้ชายที่เอาแต่ใจคอยตามตรวจสอบฉันเพราะเรื่องเฉินตงลี่ “ไม่มีเหตุผลเลย”
ดวงตาของฉันมองตามหลังของเฉิงอี้เฉินโดยไม่รู้ตัว ไหล่ของเขายังคงกว้างเหมือนเดิม แต่มันไม่ได้เป็นของฉันอีกต่อไป
เบ้าตาของฉันร้อนขึ้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้และฉันก็รีบก้มศีรษะลงเพื่อปกปิดอารมณ์ในเวลานี้
"อีอี … " เฉินตงลี่พูดอย่างกะทันหัน
ใจสั่นฉันไปสักพัก แสร้งทำเป็นจัดทรงผมและเช็ดตา "เป็นอะไรไป?"
ฉันมองเขาด้วยรอยยิ้ม ฉันหลบสายตาเขาและขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“ คุณยังลืมเขาไม่ได้ใช่ไหม?”
ฉันกัดริมฝีปากและพูดเสียงแข็ง: "คุณพูดอะไรมั่วๆ มันจะเป็นไปได้ไง … "
เขาเหลือบมองมาที่ฉัน "คุณจับผมได้เจ็บมาก"
ฉันปล่อยแขนของเฉินตงหลี ออกราวกับว่ากำลังถูกไฟฟ้าช็อต ในขณะเดียวกันก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ทำได้เพียงขอโทษเขาครั้งแล้วครั้งเล่า "ฉันขอโทษ … ฉัน..ฉันไม่ได้ตั้งใจ … "
"ผมรู้"
“ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ แค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แค่นั้น” เขาถอนหายใจหลายครั้ง
ฉันไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยกดริมฝีปากไม่พูด แหวนในมือของฉันกำลังส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงไฟ เพชรเม็ดนั้นใหญ่จริงๆ ความใหญ่ทำให้ฉันรู้สึกหนักจนแทบยกมือไม่ขึ้น
เฉินตงหลีพูดแบบนี้แสดงว่าเขาเห็นหมดแล้ว แต่เมื่อกี้เขาก็ให้ร่วมมือกับฉันเหมือนกัน
ฉันยิ่งโทษตัวเองมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองยิ่งติดหนี้บุญคุณเฉินตงหลีมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามฉันจะปล่อยให้ตัวเองผิดอีกต่อไปไม่ได้
ฉันกำลังคิดจะเอื้อมมือไปถอดแหวนและส่งคืนให้เฉินตงหลี ลังเลว่าจะพูดอย่างไรดี ขณะที่นิ้วอีกข้างสัมผัสแหวน เฉินตงหลีก็จับมือฉันและพาฉันกลับไปนั่งที่เก้าอี้
"ผมรู้ว่าคุณจงใจทำให้เฉิงอี้เฉินเห็น ถ้าเขาไม่พูดคุณคงจะไม่รับแหวนของผม"
เฉินตงลี่ไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย ประโยคที่ตรงไปตรงมาทำให้ความคิดที่ระมัดระวังของฉันไม่สามารถซ่อนได้ สักพักฉันก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
ในสายตาของเขาดูถูกตัวเองเล็กน้อย“ ผมรู้ว่าคุณไม่เคยลืมเฉิงอี้เฉิน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคุณแอบดูรูปของเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…”
ฉันมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ฉันอ้าปากค้างโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
รอยยิ้มของเฉินตงหลีอ่อนโยนขึ้น แต่ฉันยังคงทำอะไรไม่ถูก "ผมเข้าใจคุณ เพราะผมก็ลืมคุณไม่ได้"
“ ตงลี่ … ”
"นี่น่าจะเป็นโชคชะตาเช่นกัน" เฉินตงหลีพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ผมเชื่อ"
“ถ้าไม่ใช่เพราะเฉิงอี้เฉินปรากฏตัวอย่างกะทันหันคุณคงไม่ยอมรับแหวนของผม ถ้าอย่างนั้นผมเข้าใจได้ไหมว่าฟ้าลิขิตไว้แล้วว่าให้เฉิงอี้เฉินมา”
“ อีอี คุณใส่แหวนวงนี้ไปแล้ว ผมจะไม่ยอมให้คุณถอดมันง่ายๆ อีกสามเดือน! แค่สามเดือนได้ไหม? อย่าปฏิเสธผมอีก ให้โอกาสเราสองคนสักครั้ง บางทีคุณอาจจะพบว่าจริงๆแล้วการอยู่กับผมก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน?”