รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 62 คลอดธรรมชาติ
"ฉันหวังว่าเราจะร่วมมือกันได้ราบรื่น"
"ด้วยความยินดี!"
เมื่อมองไปที่ด้านหน้าสัญญา ฉันลุกขึ้นยืนและจับมือกับเขา ในที่สุดก็รู้สึกโล่งใจ
นี่เป็นสัญญาสุดท้ายของฉันก่อนจะลาคลอด ฉันส่งพาร์ทเนอร์ออกไป และโทรไปที่เบอร์ของ เฉินตงหลี
"เสร็จแล้วเหรอ?" เฉินตงหลีพูดด้วยน้ำเสียงราวกับทำอะไรไม่ถูก
ฉันตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย "อืม ฉันจะกลับบ้านเลย แวะมาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยละกัน"
ช่วงนี้ฉันกับเฉินตงหลีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาจะดูแลฉันเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยคำว่าเพื่อน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ความกังวลในใจฉันลดลง ฉันว่าเขาอาจจะจำช่วงเวลามิตรภาพตอนต้นที่ฉันดูแลเขาได้ ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงดูแลฉันอย่างดี
"โอเค ฉันเตรียมเลิกงานเลย"
"โอเค โอ้ย… อ๊า … " ฉันเพิ่งสตาร์ทรถก็ปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
เฉินตงหลีชะงักไปชั่วขณะ "คุณเป็นอะไรไป?"
"ฉันปวดท้อง……"
ฉันเอะใจว่าคงไม่คลอดก่อนกำหนดหรอกมั้ง? แต่ไม่นานฉันก็รู้สึกถึงความเปียกบริเวณขาทั้งสองข้าง "ดูเหมือนน้ำคร่ำน่าจะแตก"
"คุณอยู่ที่ประตูบริษัทใช่ไหม? อย่าขยับฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
เฉินตงหลีพูดอย่างกระวนกระวาย ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบผ่านหูฟังของฉัน อีกทั้งยังได้ยินเขาบอกให้คนเรียกรถพยาบาล ตามด้วยยินเสียงสตาร์ทรถยนต์
"อีอีไม่ต้องกลัวเดียวฉันก็ถึงแล้ว คุณจำวิธีการรับมือที่เคยเรียนมาได้ไหม?"
เสียงของเฉินตงหลีก้องอยู่ข้าวๆหูของฉัน จิตใจที่สับสนของฉันจู่ๆก็นึกขึ้นได้
"จำได้!" ฉันพูดด้วยความแน่นอน
เฉินตงหลีเคยพาฉันไปเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำก่อนคลอด ร่วมทั้งฉันเองก็เรียนจบด้านแพทยศาสตร์ สำหรับเรื่องนี้ฉันมีความรู้และเข้าใจอยู่บ้าง
"เอาล่ะ ทำตามสิ่งที่คุณเรียนมา อี้อี้คุณเป็นหมอมาก่อนดังนั้นคุณควรใจเย็นกว่าคุณแม่คนอื่น ๆ ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย"
ในน้ำเสียงของเฉินตงหลีมีรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ฉันยังคงได้ยินเสียงประหม่าและสั่นเล็กน้อยของเขา
เสียงคำรามของรถดังเข้ามาในหู ฉันคิดว่าเขาต้องขับรถเร็วมากแน่ ๆ
"ฉันไม่เป็นไร … คุณขับรถช้าๆ ปลอดภัย… ไว้ก่อน… " ฉันหอบหายใจเฮือกใหญ่เพื่อพยายามจะบรรเทาความเจ็บปวด แต่ก็พยายามนึกถึงมาตรการรับมือ
เฉินตงหลีเรียกรถพยาบาลแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือรักษาเสถียรภาพของตัวเองให้คงที่แล้วรอให้แพทย์มาก็พอแล้ว
"โอเค ฉันจะขับช้าๆ" เฉินตงหลีตอบ
ฉันไม่มีกะจิตกะใจพอที่จะฟังเสียงความเร็วของรถยนต์ ความเจ็บปวดค่อยๆหลั่งเข้ามาในร่างกายฉันและมันก็เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
"อ๊า……"
ในที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ฉันเกาะเบาะที่นั่งคนขับแน่น
เฉินตงหลีรู้สึกกังวล "อีอี คุณนอนลงหรือยัง? วางเบาะให้ราบและนอนลงไปก่อน"
ฉันพูดด้วยความยากลำบาก "ฉัน … นอนลงแล้ว … "
เนื่องจากน้ำคร่ำของฉันแตกเร็ว หลังจากที่เฉินตงหลีเตือนฉัน ฉันก็เอนเบาะคนขับตามคำแนะนำของแพทย์ทันที วิธีนี้ฉันสามารถนอนราบเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำคร่ำไหลเร็วเกินไป
"โอเค ไม่ต้องตะโกนเก็บแรงเอาไว้ ในรถมีของกินไหม? ลองดูสิว่าพอกินอะไรได้บ้าง"
เสียงของเฉินตงหลีฟังดูกังวลอย่างชัดเจน เขาจำเนื้อหาในคาบเรียนได้อย่างแม่นยำ แต่ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงเฉิงอี้เฉินขึ้นมา
ใบหน้าหล่อเหลานั่นปรากฏขึ้นในความคิดของฉัน ตอนนี้จิตใจฉันอ้อยอิ่งไปชั่วขณะ นี่คือลูกของเขาถ้าเขาอยู่เคียงข้างฉันตอนฉันคลอด เขาจะทำยังไงนะ?
“อีอี? อีอีได้ยินไหม”
เสียงของเฉินตงหลีเข้ามาขัดจังหวะในความคิดของฉัน และฉันตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
"ใช่ … "
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดอะไรบ้าๆบอ ๆ ฉันรู้ดีว่าความเจ็บปวดนั้นยังคงรุนแรงและรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินตงหลีพูดถูกฉันต้องหาอะไรกินเพื่อรักษาความสมดุลในร่างกายของฉัน
ไม่อย่างนั้นตอนฉันคลอดอาจจะไม่ค่อยมีแรง ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังท้องลูกแฝด ในระหว่างคลอดน่าจะลำบากกว่าคนอื่น ๆ
สายตาของฉันมองหาของกินและเอื้อมมือไปเปิดล็อกเกอร์ภายในรถ "ฉันมีของกินอยู่"
ฉันหายใจเข้าลึกๆพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด เนื่องจากฉันยุ่งกับงานเลยมักจะกินข้าวไม่ตรงเวลา ดังนั้นฉันจึงเก็บของกินบางอย่างไว้ในรถเสมอ
ในระหว่างนี้จะมีช่วงการหดตัวของมดลูกและหลังจากความเจ็บปวดนั้นจะมีช่วงให้ฉันได้พักสั้น ๆ ฉันใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ฉีกช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกแล้วยัดเข้าไปในปากทันที
เสียงของรถพยาบาลดังมาแต่ไกล ฉันดีใจมากอย่างบอกไม่ถูก เส้นทางลับนั้นประสิทธิภาพสูงจริงๆ ฉันรีบพูดกับเฉินตงหลีว่า"ฉันได้ยินเสียงรถพยาบาลแล้ว … "
ในปากฉันเต็มไปด้วยของกินทำให้คำพูดของฉันคลุมเครือเล็กน้อย เฉินตงหลีดูเหมือนจะโล่งใจขึ้น "ฉันจะถึงละ ผ่อนคลายลง … "
เฉินตงหลีและรถพยาบาลมาถึงในเวลาเดียวกัน ฉันไม่รู้ว่าเฉินตงหลีขับเร็วแค่ไหน แต่เมื่อมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของเขา หัวใจของฉันก็รู้สึกมั่นคงขึ้นมาเล็กน้อย
ในประเทศที่ไม่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง เฉินตงหลีเป็นคนเดียวที่ฉันรู้จักเท่านั้น เขาเป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน เพื่อนของฉันและรวมถึงเป็นญาติของฉันด้วย
ฉันถูกหมอเข็นเข้าไปในห้องคลอดเฉินตงหลีจองโรงพยาบาลเอกชนให้ฉัน จากนั้นเขาก็เข้ามาด้านในพร้อมกับฉัน
อาการปวดท้องรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บปวด เฉินตงลี่จับมือฉันแน่นแล้วยืนแขนมาที่ปากของฉัน "อย่ากัดริมฝีปาก ถ้าเจ็บกัดก็ฉัน … "
เมื่อได้ยินคำพูดที่แสดงถึงความห่วงใยของเขา ฉันก็ยิ้มทั้งน้ำตา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดหรือหวั่นไหวกันแน่ น้ำตาของฉันไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ภายในใจฉันก็ยิ่งคิดถึงเฉิงอี้เฉินมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรคิดถึงเขา แต่ตอนนี้ฉันยิ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
เฉิงอี้เฉินคิดว่าฉันเอาเด็กออกแล้ว ถ้าในอนาคตเขาเห็นเด็กสองคนนี้จะเกิดอะไรขึ้น? เขาจะยอมรับเด็กสองคนนี้ไหม?
จริงๆในตอนแรกฉันไม่ได้คิดมากเลย ฉันแค่ทำใจไม่ได้ที่จะเอาเด็กออก แต่ในตอนนี้เด็กสองคนนี้กำลังจะลืมตาดูโลกใบนี้ ฉันก็เริ่มกังวลอย่างอธิบายไม่ถูก
แค่ว่าไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันได้คิดเพ้อเจ้อในเรื่องนี้
"โอ้ย … " ตัวฉันสั่นด้วยความเจ็บปวดและหอบหายใจเฮือกใหญ่ๆ ราวกับปลาที่หลุดออกมาจากน้ำแล้วหายใจไม่ออก
“ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจเข้าลึก ๆ แล้วออกแรง!”
"ใช่ ออกแรงอีก! สู้ๆ… "
…
หมอคอยเชียร์ฉันไม่หยุด ฉันเจ็บจนรู้สึกอยากไปชนกับกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด แต่ร่างกายของฉันไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง ทำได้เพียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
"หรือไม่ก็ผ่าคลอดเถอะ!" เฉินตงหลีขมวดคิ้ว เขาปล่อยให้ฉันจับแขนของเขา หลังจากนั้นฉันเห็นแขนของเขานั้นมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด แสดงให้เห็นว่าตอนนั้นฉันออกแรงมากแค่ไหน
ฉันส่ายหัวอย่างดิ้นรน "ไม่ … ฉัน … ฉันไหว … "
ในฐานะนักเรียนแพทย์ฉันรู้ดีว่าการคลอดแบบธรรมชาติดีกว่าการผ่าคลอด ฉันเคยถามหมออย่างละเอียดแล้วว่าหากใช้วิธีคลอดธรรมชาติไม่มีอันตรายใดๆ ตอนนี้เพียงแค่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น ฉันสามารถทนได้
ท้ายที่สุดแล้วความเจ็บปวดทางร่างกายยังสู้ความเจ็บปวดทางจิตใจไม่ได้เลย
แม้ว่าเฉินตงหลีจะกังวลมากแค่ไหน ก็ทำได้แค่ทำตามความคิดของฉัน
เขาคอยเชียร์ฉันไม่หยุด ค่อยสนับสนุนและให้ความอบอุ่นกับฉันอย่างดี ฉันตะโกนตั้งแต่ช่วงตอนเย็นยันเช้าตรู่ในที่สุดเด็กทั้งสองก็คลอดจนสำเร็จ