เมื่อออกจากโรงพยาบาลฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว อารมณ์ฉันดีขึ้นไม่น้อย
พอแม่ฟังฉันเล่าเสร็จ ก็บอกให้ฉันไปล่าหาความสุขที่หวังอย่างกล้าหาญ และเขาก็รู้สึกดีต่อเฉิงอี้เฉินตั้งแต่แวบแรกเจอ และยังบอกว่าเหตุการณ์วันนั้นอาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อให้เราเจอกัน และทำให้ฉันเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉินจวิ้นเฟย
ไม่งั้นฉันคงถูกฉินจวิ้นเฟยหลอกไปตลอดชีวิต
แต่อารมณ์ที่ดีของฉันไม่ได้ยาวนานนัก ระหว่างทางกลับบ้านโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น รายชื่อที่เด้งออกทำให้ฉัน ชาไปทั้งตัว
“สวัสดีค่ะ ปะ ป้า…..”ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วรับโทรศัพท์ คนที่โทรมาคือ ซ่งเสวี่ยเหมย มันคงไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
"ลั่วยียี เธออยู่ไหน มาหาฉันที่บ้านหลังเก่า "ซ่งเสวี่ยเหมยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉันไม่อยากเจอเขาหรอกนะ "อยู่ระหว่างทางกลับเมืองไห่คะ "
"ตรงมาที่บ้านหลังเก่า"ซ่งเสวี่ยเหมยพูดจบก็กดว่างทิ้งเลย
ฉันมองโทรจอศัพท์ที่ดับไป ใจยุ่งเหยิงไปหมด สุดท้ายซ่งเสวี่ยเหมยก็อดใจไม่ไหวที่จะไม่เจอฉัน ถึงแม้ยังไม่เจอกัน ฉันก็เดาออกว่าเขาจะพูดอะไรกับฉันบ้าง ฉับเข้าใจเต็มปอดแล้วบอกให้ตัวเองใจเย็น คนขับรถกลับได้รับสายจากซ่งเสวี่ยเหมยโทรมา เขาสั่งให้คนขับรถตรงมาที่บ้านเก่า
ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้วจริงๆ
แต่ก็ช่างมัน ในเมื่อฉันอยากจะคบกับเฉิงอี้เฉิน ฉันก็ต้องผ่านด่านซ่งเสวี่ยเหมยไปก่อน
ระหว่างทางฉันโทรหาเฉิงอี้เฉิน ว่าฉันจะไปบ้านเก่า แต่ฉันโทรยังไงก็โทรไม่ติด ฉันก็เลยส่งข้อความไปแทน
ถึงแม้ว่าฉันจะบอกตัวเองให้ใจเย็นลง แต่บ้านเก่าสกุลเฉินทำให้ฉันตื่นเต้นเป็นบ้า คนใช้พาฉันเข้าไปยังข้างในบ้าน ซ่งเสวี่ยเหมยนั่งอยู่กลางห้องโถง และข้างกายก็คือคนที่ไปตักเตือนฉัน สวีเฟยเฟย
ส่วนผู้ที่ยื่นอยู่พรรคฉันยายของเฉิงอี้เฉิน เหมือนว่าท่านจะไม่อยู่บ้าน ซ่งเสวี่ยเหมยคงเลือกวันที่เฉิงอี้เฉินกับเซียวฉวนฟางไม่อยู่มาเจอฉัน
ฉันก้มหน้าแล้วพยายามไปข้างหน้า "คุณป้าสวัสดี……. "
"ใครป้าเธอ! "ซ่งเสวี่ยเหมย ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ฉันเงียบและมองมาที่ฉันด้วยความรังเกียจ
สวีเฟยเฟยแบปากหัวเราะอยู่ข้างหลัง มันทำให้ฉันโกรธจนหน้าแดงไปหมด ฉันสูดหายใจแล้วแล้วพูดอย่างยิ้มๆ “ขอโทษคะ ความจริง หนูควรเรียกว่า แม่ ”
ฉันกับเฉิงอี้เฉินเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ตามหลักแล้วฉันควรเปลี่ยนคำที่เรียกตั้งนานแล้วนิ แต่ฉันรู้ว่าซ่งเสวี่ยเหมยเกลียดฉัน ฉันเลยเรียกเขาว่า “ป้า”มาตลอด
การยอมถอยหลังก้าวหนึ่งของฉันไม่ได้ทำให้ซ่งเสวี่ยเหมยรู้สึกดีกับฉันขึ้น ระหว่างทางฉันคิดมามากมายแล้ว ฉันตัดสินใจแน่จะเป็นฝ่ายรุกบ้าง
ซ่งเสวี่ยเหมยตกใจเล็กน้อย สวีเฟยเฟยสีหน้ากำลังจะระเบิด
“ลั่วอีอี อีหน้าไม่อาย เรียกอะไรของเธอเนี่ย”
“ฉันไม่ได้เรียกผิดนะ ตามหลักแล้ว ฉันกับเฉิงอี้เฉินเป็นสามีภรรยากัน ฉันก็ต้องเรียกแม่ตามเขาสิ ”ฉันตอบยิ้มๆเหมือนเดิม ใจเต้นเหมือนตีกลองกลางใจ
“ต่อไปจะไม่เรียกชื่อผิดอีกแล้วคะแม่ แม่อย่าโกรธเลยนะ”
ซ่งเสวี่ยเหมยขมวดคิ้วแล้วมองมาที่ฉัน ทำเสียงในลำคอเล็กน้อยแล้วบอกกับฉันว่า “นั่งสิ”
ฉันนั่งลงตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่มีพิรุธใดๆ แต่บรรยากาศทำให้อึดอัดแทบบ้า
คนเเก่เล่าว่า เอื้อมมือไม่ตอบคนหน้ายิ้ม ฉันตัดสินใจแล้ววันนี้ไม่ว่าซ่งเสวี่ยเหมยและสวีเฟยเฟยแกล้งฉันแค่ไหน ฉันก็จะยิ้มสู้ต่อไป ทำให้พวกเขาหมดนิสัยแบบนี้ไปเลย
แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ฉันเองที่ไร้เดียงสาเกินไป
ซ่งเสวี่ยเหมยไม่ได้เอยปากอะไร สวีเฟยเฟยมองฉันด้วยหางตา ส่งจานที่ดูสวยสุดๆมาวางไว้ข้างหน้าฉัน”ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม กินของว่างหน่อยสิ”
ในจานมีคับเค้กเล็กๆ ตกแต่ได้น่ารักปุกปิ๊กมากๆ
ฉันไม่รู้ว่าซ่งเสวี่ยเหมยกับสวีเฟยเฟยกำลังว่างแผนจะแกล้งอะไรฉัน แต่ฉันก็ขอบคุณไปด้วยรอยยิ้ม เอาซ้อมแล้วก็เริ่มกินเลย ใจคิดพวกเขาคงไม่ว่างยาให้ฉันตายไปหรอก
คับเค้กนุ่นอร่อยสุดๆ วิบคลีมละลายในปากทันที กลิ่นนมที่หอมหวานปนกับรสชาติผลไม้เล็กน้อย
ฉันยังไม่เคยกินเค้กที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย อยากจะกินคำเดียวให้หมดสะเลยจริงๆ แต่ว่า ฉันไม่ให้โอกาสพวกเขาตำหนิฉันหรอก เลยกินคำเล็กๆ
“อร่อยไหม?”สวีเฟยเฟยเอ่ยปาก
ฉันพยักหัว ตอบด้วยรอบยิ้ม “อร่อยมาก ขอบคุณ”
สวีเฟยเฟยหัวเราะในลำคอ “มันก็ต้องอร่อยสิ นี้เป็นคับเค้กของอาจารย์ที่มีฝีมือ วันนึ่งทำแค่10ชิ้นเท่านั้น และยังขายให้กับลูกค้า vip และยังต้องสั่งก่อนวันหนึ่งด้วยนะ ”
“อ้อ ลืมบอกไป นี้มันเป็นเค้กที่ต้องผ่านการรับรองว่าเป็นvipเท่านั้น กฏฏการรับรองคือเสียค่าใช้จ่าย1เหมืนหยวนต่อปี”
ร่างกายฉันแข็งทื่อไปเลย ตาเบิกกว้างทันที สายตาสวีเฟยเฟยแฝงไปด้วยความร้าย
”หนึ่งแสนเยอะไปเหรอ ความจริงถ้าใช้ก็ไม่เยอะนะ เค้กที่เธอกินอยู่ตอนนี้ก้อนละสองร้อยกว่าหยาวเลยนะ ”
เค้กที่หอมนุ่มมันหวานในปากกลายเป็นขมเลยทีเดียว ฉันมองก้อนเค้กที่ว่างข้างหน้า ซ้อมที่ถือไว้กลับไม่กล้าตักกินอีก
เค้กก้อนนี้อร่อยมาก แต่ปริมาณมันน้อยมาก กินไปทั้งก้อนคงยังไม่อิ่ม แต่กลับสองร้อยกว่าหยวน
“อย่ามั่วแต่กินเค้กสิ ดื่มชาสักนิด แก้เลี่ยนพอดี”สวีเฟยเฟยเทชาใส่แก้วมาให้ฉัน
ชาถูกเทลงไปแก้วที่แกะสลักอย่างสวยงาม น้ำชาค่อยๆเพิ่มขึ้น กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก
รอยยิ้มบนหน้าฉันจางลงเล็กน้อย ว่างซ้อมแล้วหยิบชาขึ้นมา ปากกำลังโดนแก้ว สวีเฟยเฟยก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“นี่เป็นชาแดงกับชาผูเอ่อร์ผสมด้วยกัน คุณป้าบอกว่าแบบนี้อร่อยที่สุด ในตระกูลชา ชานผูเอ่อร์เป็นชาที่ดีที่สุด นี้คือชาที่คุณยายให้คนในไร่ชาเก็บไว้ให้ ชานี้ผลผลิตน้อยมาก บางคนใช้ทุกหนทางหาซื้อมาจากไร่ชา ราคาที่ตกลง สามแสนสองหนึ่งกิโล”
มือฉันสั่นเบาเบา น้ำชาสาดออกมาเล็กน้อย ชาแบบนี้ราคาตั้งสามแสนสองเลยเหรอ? หูของฉันไม่มีปัญหาในการฟังใช่ไหม
อาจเป็นเพราะไอร้อนโดนตา ตาฉันรู้สึกร้อนนิดนิด
“รสชาติดีมาก ”ฉันบอกไปด้วยรอยยิ้ม ฉันว่างแก้วชาลง
“เธอชิมออกเหรอ ว่ามันรสชาติดี อย่าว่าแต่หนึ่งกิโลสามแสนสอง หนึ่งกิโลสามหมื่น สามพันเธอก็ยังไม่เคยดื่มมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ”สวีเฟยเฟยประชดอย่างไม่เกรงใจ
ฉันสูดลมหายใจแล้วมองหน้าเขา “ใช่ ฉันไม่เคยดื่มมาก่อน”
“แม่มีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะคะ ในเมื่อเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว มีเรื่องอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้คนเดียวหรอกคะ”ฉันมองหน้าแล้วบอกกับซ่งเสวี่ยเหมย.
ฉันเตรียมพร้อมที่จะถูกเขาด่าและดูถูกแล้ว แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าซ่งเสวี่ยเหมยใช้วิธีนี้ให้ฉันเห็นถึงความแตกต่างของฉันกับเฉิงอี้เฉิน
สีหน้าสวีเฟยเฟยเปลี่ยนไปทันที “ลั่วอีอี เธอมันน่าไม่อาย ยังจะมาเรียกแม่อีกเรอะ!”
ซ่งเสวี่ยเหมยจับมือสวีเฟยเฟยไว้ สวีเฟยเฟยเงียบลงทันที แต่ยังโกรธอยู่เหมือนเดิม
MANGA DISCUSSION