ฉันเดินตามหลังผู้รับผิดชอบโครงการกวางหมิงติ้ง. สายตาเหลือบไปเห็นสีหน้าของฉินจุนเฟยดำเป็นก้นหม้อ สะใจสุดๆเลย.
ฉินจวิ้นเฟยกัดฟันมองมาทางฉัน พอผู้รับผิดชอบโครงการกวางหมิงติ้งจากไป เขาก็คว้าแขนฉันไว้ พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่โกรธ
“ลั่วอีอี เธอต้องการอะไรกันแน่ !”
แรงของเขาเยอะมาก ฉันเจ็บจนขมวดคิ้ว. แต่ฉันมองกลับด้วยสายตาเย็นชา พร้อมพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ”ฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าฉันจะเอาชนะนายด้วยตัวฉันเอง ”
ฉินจวิ้นเฟยละสายตาจากฉันพร้อมแรงบนมือที่เบาลง ฉันสะบัดมือเขาออกแล้วก้าวเดินไปด้วยความสง่า เลือดในกายฉันสูบฉีดอย่างเร้าร้อน
แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงประตูฉันก็ฉุดนึกขึ้นได้ “ฉินจวิ้นเฟยฉันมีของขวัญจะให้นาย ”ฉันหันไปมองเขา
ฉินจวิ้นเฟยขมวดคิ้วพร้อมมองฉันอย่างระแวงแล้วพูดว่า
”อะไร”
ฉันไม่ได้พูดอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอ หยิบเอาปากกาบันทึกเสียงออกจากกระเป๋าแล้วโยนให้ฉินจวิ้นเฟย เขารับไปตามสัญชาตญาณ
“นี้มันอะไรกัน”
“ลองฟังดูสิ ข้อมูลในนั้น อาจจะน่าสนใจสำหรับนายก็ได้”ฉันยิ้มอย่างได้ใจ. แต่คิ้วของฉินจุนเฟยยิ่งย่นไปกว่าเดิม
ในนั้นเป็นคลิปเสียงที่ฉันคุยกับจิ้นเหวินเชี่ยน. ก่อนหน้านั้นฉันอยากจะรอจนกว่าจะชนะโปรเจ็กต์นี้แล้วบอกเรื่องนี้กับฉินจวิ้นเฟย การที่ไม่ได้ดั่งใจทั้งเรื่องการงานและเรื่องความรัก ความรู้สึกตอนนั้นของฉินจุนเฟยต้องดีมากแน่ๆ!
แต่ฉินจวิ้นเฟยกลับจับปากกานั้นไว้ ไม่ได้เปิดฟัง และก็ไม่ได้โยนคืนให้ฉัน ฉันไหวไหล่เล็กน้อย ถึงจะรู้สึกผิดหวังไปนิด แต่ฉันก็รู้ว่าฉินจวิ้นเฟยเริ่มระวังฉันมากขึ้น ตามนิสัยของเขาแล้วไม่มีทางเปิดฟังคลิปเสียงตอนนี้แน่
“ฉันหวังว่านายจะฟังมันอย่างมีความสุขนะ”ฉันส่งยิ้มไปให้ แล้วเดินไปอย่างไม่รีรอ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากเดินออกมาจาก ก็เจอรถของเฉิงอี้เฉิน จอดอยู่หน้าตึกเลย
“นายมาได้อย่างไร?”ฉันรีบเดินเข้าไปหาและหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
เฉินยีเฉินนั่งอยู่ในรถ ลดกระจกรถลงแล้วเอาแขนข้างหนึ่งพาดไว้ตรงกระจกรถ ในดวงตาดำของเขาเห็นถึงความเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงสีหน้าฉันในตอนนี้
”เดี่ยวพาเธอไปฉลอง. ขึ้นรถสิ”ฉันพยักอย่างตื่นเต้น โบกมือลาเพื่อนร่วมงานสองสามคนแล้วขึ้นรถของเฉิงอี้เฉิน.
การกลับมาครั้งนี้เฉิงอี้เฉินยืนยันที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขา และยังประกาศวันแต่งานอีกด้วย คนทั้งบริษัทก็ต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเขาก็เห็นหัวฉันมากขึ้น รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในตอนแรก แต่พอตอนนี้ก็เริ่มคิดได้แล้วแหละ
เฉินยีเฉินรักฉันอย่างจริงใจ ฉันก็ต้องรักษาไว้ไม่ให้หลุดมือสิ
เดิมทีฉันคิดว่าคนที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งเพอร์เฟกอย่างเฉิงอี้เฉินต้องพาฉันไปฉลองที่ภัตตาคารหรูๆ แต่ที่ไหนได้ ขับรถเข้าซอยนู้นซอยนี้หยุดอยู่ที่ร้านอาหาร
ที่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้สดที่สวยงาม เข้าไปในร้านพนักงานก็ทักทายทันที”ท่านประทานเฉิง”ฉันพึ่งรู้ว่าร้านอาหารนี้อยู่ใต้กลุ่มบริษัทสกุลเฉิง
เขาไม่ได้พาฉันไปที่ห้องส่วนตัว แต่พาฉันมานั่งข้างล็อบบี้พร้อมวิวสวยๆ ฉันคิดว่าจะสั่งอาหารดีไหม แต่กลับเขามองไปที่ประตูราวกับรอใครบางคน
”มีใครจะมาอีกหรือ?”ฉันถามไปด้วยความสงสัย ดูท่าทางเขาแล้วฉันก็อดไม่ได้ที่จะมองตามสายตาของเขา เห็นหลินปิงชิงมาพอดี
“แสดงความยินดีด้วยนะ อีอี ”หลินปิงชิงพูดด้วยรอยยิ้มแล้วนั่งลงข้างฉันอย่างไม่เกรงใจ
“ขอบคุณ”ฉันตอบกลับแบบยิ้มๆ เหล่มองเฉินยีเฉินโดยไม่รู้ตัว คงจะเป็นเขาที่เรียกหลินปิงชิงมา
เขาเอามือข้างหนึ่งรองคางของเขาไว้ “รู้ว่าเธอสนิทกับหลินปิงชิง วันสำคัญแบบนี้ก็ต้องแชร์ให้เพื่อนรู้ด้วยสิ”
ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วพยักหน้าไปด้วย แต่กลับคิดไม่ถึง คำที่เฉินยีเฉินพูดมันแฝงความหมายอีกอย่างไว้
อาหารที่สั่งได้อย่างรวดเร็ว เราสามคนกินอย่าเต็มที่ หลินปิงชิงให้ฉันพาเธอไปห้องน้ำ ฉันก็ไม่ได้คิดมาก พอไปถึงห้องน้ำ นางก็เอาเครื่องสำอางขึ้นมาจะแต่งหน้าให้ฉัน
ฉันถูกหล่อนบังคับไปอย่าง งงๆ แต่ก็ปล่อยให้หล่อนทำตามใจ ก็ไม่เข้าใจทำไมหล่อนถึงได้เคร่งนักเคร่งหนา จนกระทั้งฉันเดินออกจากห้องน้ำ
ในเพียงเวลา10นาที เดิมทางที่ว่างเปล่า ตอนนี้มันเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ ฉันยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง หลินชิงปิงผลักฉันไปข้างหน้าอย่าตื่นเต้น ฉันมองจากระยะไกลๆเห็นเฉินยีเฉินยืนถือช่อดอกไม้ใหญ่ๆช่อหนึ่งยืนอยู่กลางห้องโถง
ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มจางๆ สายตาที่มีเสน่ห์เต็มไปด้วยความอบอุ่น ปล่อยให้ฉันหลงเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ
หัวใจฉันเต้นเร็วมาก หัวสมองจินตนาการความคิดนับไม่ถ้วน เขาจะทำอะไรของเขาเนี่ย? เขาจะขอฉันแต่งงานเหรอ?
หน้าของฉันแดงขึ้นมาทันที หัวสมองขาวโพลนไปหมด อีกนิดเดียวใจก็จะเต้นออกจากปากแล้ว ไม่นานฉันก็ถูกหลินปิงชิงดันมาถึงหน้าเฉิงอี้เฉิน ฉันไม่สามารถสบตาที่อ่อนโยนและน่าหลงใหลของเขาได้ เลยหลบสายตาเขาโดยไม่รู้ตัวเขินจนสองมือจับชายเสื้อจนจะขาด
เฉิงอี้เฉินเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้ ส่งมอบความอบอุ่นมาทางมือ. สายตาจ้องมองไปเขาที่ค่อยๆคุกเข่าลง
“อีอี แม้ว่าเราจะจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ฉันยังไม่มีโอกาสขอเธอแต่งงาน ฉันไม่อยากให้มันเป็นความหลังที่เสียใจในอนาคตของเธอและฉัน.”
เขาเงยหน้ามองฉันด้วยสายตาที่ร่าเริงเสมือนรอยยิ้ม เสียงทุ้มของเขาก็เต็มไปด้วยความดึงดูด
“อีอี แต่งงานกับฉันนะ” ระหว่างพูดเขาก็ยื่นดอกมาให้ฉัน. กลางช่อดอกกุหลาบมีแหวนเพชรเม็ดโตๆว่างอยู่ วิบวับจนเมาหัว
ฉันยืนมองเขาโดยไม่รู้จะพูดอะไร
ความหล่อของเขาเหมือนเจ้าชายที่หลุดมาจากเทพนิยายกำลังคุกเข่าขอฉันแต่งงาน ผู้หญิงทั่วโลกก็ปฏิเสธคำขอเขาไม่ได้ เพียงแต่ฉันยืนมองเขาแล้วใจสับสนแปลกๆ พอรู้ตัวฉันก็ถอยหลังเล็กน้อย
รอยยิ้มบนหน้าเฉิงอี้เฉินเจือจางเล็กน้อย.เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แรงที่มือก็หลวมลงช้าๆ ใจฉันกลับรู้สึกกังวลแปลก “ขอโทษ”
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน พูดจบฉับก็วิ่งหนีออกมา
เสียงวิจารณ์รอบข้างดังก้องข้างหูตลอดทาง ฉันไม่คิดจะหยุดวิ่งแม้เสียงตะโกนหลินปิงชิงตามหลังมาก็ตาม วิ่งออกจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
แดดที่ร้อนแรงเหมือนกำลังแผดเผ่าฉันให้ไหม้ ฉันใช้แรงทั้งหมดเพื่อวิ่งไปข้างหน้า ส้นสูงกัดเท้าจนวิ่งค่อยๆวิ่งช้าลง
หลินปิงชิงวิ่งมาจับแขนเสื้อฉันไว้ “อีอี เธอเป็นอะไรของเธอ” เขาขมวดคิ้วแล้วมองฉันด้วยสีหน้ากังวล
ฉันหายใจเข้าออกแบบสุดๆจ้องหน้าเธอแล้วพูดอะไรไม่ออก
ใช่ เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ ทำไมฉันต้องวิ่งหนีทั้งทั้งที่ฉันชอบเขาและเขาก็กำลังขอฉันแต่งงาน. ฉันกำลังคบกับเฉิงอี้เฉินอยู่ไม่ใช่หรอ และการได้แต่งงานกับเขาเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโลกโหยหาไม่ใช่เหรอ.
ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ในใจก็สั่นไหวตลอดเวลา
MANGA DISCUSSION