รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 34 ภัยมาถึงตัวแล้ว
“ลั่วอีอี ในที่สุดแกก็มาอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว”
ฉันรู้สึกตื่นตระหนกคิดอยากจะวิ่งหนี ตรงหน้าฉันเป็นคนที่ฉันรู้จัก พวกเขาทั้งสองคนคือพี่ชายของพ่อเลี้ยงฉัน ถ้าจะถูกต้องก็ต้องเรียกพวกเขาว่า ลุงใหญ่กับลุงรอง
พอฉันหันหลังไป ก็พบว่ามีอีกสองถึงสามคนล้อมอยู่ที่ด้านหลัง ลูกๆ ของพวกเขาก็มาด้วยหรือนี่!
ฉันสะดุ้งตกใจ พวกเขาไม่ทันได้ให้โอกาสฉันพูด ก็ยึดไหล่ฉันแล้วจับขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ด้านข้าง
“ลั่วอีอี นังสารเลว ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเอาพ่อของแกเข้าโรงพัก” ลุงใหญ่จ้องฉันอย่างโหดเหี้ยม
ฉันถูกอัดอยู่ที่เบาะรถด้านหลัง ไม่กล้าพ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ฉันพยายามจับถุงช้อปปิ้งให้แน่นตัวสั่นไม่หยุด
“แม่แกอยู่ที่ไหน? นังกะหรี่นั่นกล้าที่จะหย่าหรือ ถ้าปีนั้นไม่ได้พ่อแกรับพวกแกสองแม่ลูกเอาไว้ พวกแกก็คงโดนแทงตายไปแล้ว!”
“อย่ามาว่าแม่ฉันแบบนั้นนะ!” ฉันจ้องพวกเขาด้วยความโกรธ วินาทีต่อมาฉันก็โดนตบหน้าอย่างแรง
“ทำไมฉันจะไม่กล้าพูด? แม่แกเป็นกะหรี่ ตอนนี้แกก็เป็นเหมือนกัน แกเพิ่งหย่ามาหยกๆ แล้วไปเกาะผู้ชายคนไหนแล้วล่ะ? ดูท่าจะเก่งกว่าแม่แกเสียอีกนะเนี่ย! หรือแกกับแม่แกสมรู้ร่วมคิดทำกันทำเรื่องชั่วๆ กัน กล้าที่จะขอหย่า แล้วยังเอาพ่อและพี่ชายแกจับเข้าคุกได้ พวกแกนี่มันฝีมือจริงๆ”
ลุงรองพูดอย่างดุเดือดจนน้ำลายกระเด็นออกมาด้วยความตื่นเต้น
ฉันโมโหและกลัวมาก แต่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเขาอีก พวกเขามีชายร่างใหญ่อยู่ 5 คน ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาแม้แต่น้อย
“พวกคุณต้องการจะทำอะไรกันแน่? พวกเขาถูกจับเข้าคุกในข้อหาลักพาตัวต่างหากล่ะ และตอนนี้พวกคุณก็กำลังลักพาตัวฉันอยู่นะคะ!” ฉันแสร้งพูดจาด้วยความสงบเยือกเย็น
“ถุย! บิดามาพบลูกสาวสุดที่รักยังจะใช่การลักพาตัวอีกหรือ?” ลุงใหญ่ถุยน้ำลายลงไปเต็มแรง
“ลั่วอีอี ฉันจะไม่เสวนาให้มากความ รีบปล่อยพ่อของแกและพี่ใหญ่ออกมาโดยเร็ว ไม่งั้นแกกับแม่แกไม่รอดแน่”
ฉันทั้งกระวนกระวายใจทั้งโมโห “ศาลเป็นผู้ตัดสินคดีของพวกเขา ฉันจะปล่อยพวกเขาออกมาได้อย่างไรกันคะ?”
ในบ้านพ่อเลี้ยงมีเพียงไม่กี่คนที่ทำงานจริงๆ จังๆ ปีนั้นเนื่องจากแม่ของฉันถูกพวกเขาทำให้ตกใจกลัวจึงยอมจดทะเบียนสมรสกับพ่อเลี้ยง ถ้าจะคุยด้วยเหตุผลกับพวกเขาดูท่าจะไม่เข้าใจกันแน่
“ก็แกเป็นคนทำให้พวกเขาเข้าไปนิ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ แกไปหาผู้ชายร้ายกาจซักคนให้มาช่วยใช่มั้ยละ? อย่าได้คิดดูถูกกันเลยดีกว่า ถ้าแกไม่หาวิธีเอาพวกเขาออกมาล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องเน่าๆของพวกแกสองแม่ลูกออกไปโพนทะนาให้รู้กันไปทั่ว เอาให้พวกแกอยู่ไม่เป็นผู้เป็นคนเลย!”
“แล้วยังมีคุณยายของแกและวงศาคณาญาติฝั่งพ่อที่ตายไปแล้วของแกอีก พวกเขาคงอยู่กันไม่เป็นสุขแน่ๆ แกคอยดูแล้วกัน!”
แล้วบรรยากาศก็หยุดนิ่งลงชั่วขณะ ฉันกอดร่างกายตัวเองไว้อย่างตื่นกลัว ด้วยไม่รู้ว่ารถคันนี้จะวิ่งไปที่ไหน พวกเขากดตัวฉันแล้วหยิบโทรศัพท์ของฉันออกมา ฉันกอดท้องตัวเองสุดกำลังอย่างหวาดกลัว กลัวพวกเขาจะทำร้ายลูกของฉัน
“โทรหาผู้ชายคนนั้นซะ” ลุงใหญ่ยัดโทรศัพท์มาให้ฉัน “ฉันสืบมาแล้ว ผู้ชายของแกร้ายกาจมาก เขาจะต้องช่วยพ่อและพี่ชายของแกออกมาได้แน่”
ลูกชายของลุงรองดึงแขนลุงใหญ่ “ลุงใหญ่ให้มันเอาเงินของผู้ชายคนนั้นมาด้วย อย่าให้คุณลุงกับน้องชายต้องเข้าไปอยู่ในนั้นนานๆ อย่างเปล่าประโยชน์ พวกเราเองก็ได้ไม่เสียเที่ยวด้วย”
เห็นท่าทางเจ้าแผนการของเขาฉันก็รู้สึกสะอิดสะเอียน ลุงใหญ่จ้องหน้าฉัน สีหน้าบึ้งตึงแล้วพูดว่า “รีบโทรเดี๋ยวนี้”
ฉันหยิบโทรศัพท์ ลังเลว่าจะขอความช่วยเหลืออย่างไรดี แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันใด
ฉันตกใจเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ ใจฉันก็เหมือนจมลงไปชั่วขณะ คนที่โทรมาคือ เฉิงอี้เฉิน
“โอ้โฮ สามีเลยหรือนี่? แกนี่มันไร้ยางอายจริงๆ เพิ่งหย่าได้สองสามวันก็มีสามีแล้วหรือ?”
ลุงรองกล่าวเย้ยหยันไม่ยอมหยุด จากนั้นก็เอาหยิบโทรศัพท์ไปกดเป็นระบบแฮนด์ฟรี
“อีอี เธออยู่ไหน ทำไมถึงยังไม่กลับมา?”
น้ำเสียงของเฉิงอี้เฉินดูเป็นห่วงและร้อนใจอยู่หลายส่วน ฉันนึกภาพเขาที่กำลังขมวดคิ้วน้อยๆ ขึ้นมาได้
“นายเป็นผู้ชายของลั่วอีอีซินะ?” ลุงรองไอทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ลั่วอีอีอยู่ในกำมือของพวกเรา ถ้านายอยากเจอเธอก็……ก็……”
เขา “ก็” อยู่นานก็ยังพูดไม่ออกอีก ลุงใหญ่จึงพูดต่อทันที “ก็เอาเงินมาด้วยตัวเอง!”
“พวกนายเป็นใคร?” เสียงที่พูดออกมาเย็นราวกับน้ำแข็ง
ใบหน้าลุงรองฉายอาการลุกลี้ลุกลนอยู่หลายส่วน แล้วก็เอาโทรศัพท์มายัดใส่ฉัน
หัวใจฉันเต้นแรงมาก ฉันค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “พวกเขาเป็นญาติฝั่งพ่อเลี้ยงของฉันค่ะ พอฉันออกมาจากห้างฯ พวกเขาก็มาขวางฉันไว้”
“เธออยู่ที่ไหน?”
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ ฉันถูกพวกเขาจับขึ้นรถตู้……” ฉันพูดอย่างร้อนรน และคอยมองสีหน้าพวกเขาไปด้วย ฉันกลัวพวกเขาอยู่ดีๆ ก็วู่วามทำอะไรรุนแรงขึ้นมา
อย่าพูดเลยว่าตอนนี้มีอยู่ห้าคน แค่คนเดียวฉันก็สู้ไม่ได้แล้ว ยิ่งกว่านั้นฉันตั้งครรภ์อยู่จึงไม่กล้าจะแข็งชนแข็งกับพวกเขา
ที่ปลายสายเฉิงอี้เฉินไตร่ตรองก่อนจะพูดว่า “อีอี ส่งโทรศัพท์ให้พวกเขาซิ”
“เปิดแฮนด์ฟรีอยู่ แกพูดมาได้เลย” ลุงรองพูดอย่างเร่งรีบ
“ผมไม่รู้ว่าพวกคุณจับอีอีไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร แต่ถ้าทำให้เธอเจ็บแม้เพียงนิดเดียวแล้วล่ะก็ พวกคุณไม่รอดแน่” น้ำเสียงของเฉิงอี้เฉินเย็นยะเยือก แม้จะพูดผ่านโทรศัพท์ฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังในคำพูดของเขา
สีหน้าของคนในรถเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ลุงใหญ่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าดูดุร้ายขึ้นมา ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากก็มีเสียงเฉิงอี้เฉินพูดออกมาอีก
“ตอนนี้พวกคุณบอกวัตถุประสงค์ออกมาได้เลย”
“เชี่ย!” ลุงใหญ่อดไม่ได้ด่าขึ้นมาหนึ่งคำ “ข้อเสนอของพวกเราง่ายมาก แค่ปล่อยพ่อของอีอีและพี่ชายเขาออกมา พร้อมจ่ายค่าเสียเวลาให้พวกเราก็โอเคแล้ว”
“พวกเขาถูกศาลตัดสินคดีลักพาตัวไปแล้ว ผมช่วยออกมาไม่ได้”
“ไอ้หมอนี่……”
“จะเอาเงินเท่าไหร่บอกราคามา” พอคำนี้ออกมาก็หยุดคำด่าของพวกเขาได้ในพริบตา ฉันจับโทรศัพท์ด้วยความกระวนกระวาย มองไปเห็นพวกเขารวมตัวกันนับตัวเลขตาเป็นมัน
“ห้าแสนต่อคน!” ลุงรองตะโกน
มีเสียงดัง “ผึง” ออกมาจากในสมองของฉัน พวกเขาช่างโลภมากจริงๆ บอกคนละห้าแสน ตอนนี้มีอยู่ห้าคนไม่เท่ากับสองล้านห้าเลยเชียวหรือ?
ประเด็นคือ พ่อเลี้ยงของฉันและหวังต้าจ้วงต้องโทษแล้ว เงินก้อนนี้คงไปไม่ถึงพวกเขาแน่
พวกเขาคงใช้เหตุผลนี้เพื่อจะไถเงินจากเฉิงอี้เฉินเท่านั้นเอง!
พอสังเกตเห็นแผนการของพวกเขาในใจฉันก็รู้สึกสะอิดสะเอียน และอับอายจนเหงื่อออก ฉันรู้สึกวุ่นวายใจมาก ไม่รู้ว่าเฉิงอี้เฉินจะจ่ายเงินก้อนนี้มั้ย และไม่รู้ว่าหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้วฉันจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี
แน่นอนว่าสิ่งที่ฉันกังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือปัญหาในด้านความปลอดภัยของฉัน ตอนนี้พวกเขาห้าคนจ้องโทรศัพท์ในมือฉันราวกับเสือละโมบที่เตรียมจะตะครุบเหยื่อ ฉันรู้สึกว่าหากเฉิงอี้เฉินปฏิเสธ พวกเขาจะต้องโยนฉันออกจากรถเป็นแน่
“ได้” เฉิงอี้เฉินตอบอย่างฉับไว “อีอีอยู่ไหน? เธอปลอดภัยกลับมาผมถึงจะให้เงิน”
ซักพักหนึ่งภายในรถก็เกิดความวุ่นวาย สีหน้าเปรมปรีดิ์มีความสุขกันทั่วหน้า
ลุงใหญ่หยิบโทรศัพท์มา สีหน้าฉายแววไม่แน่ใจอยู่หลายส่วน “ฉันไม่ได้บอกว่าลั่วอีอีมีค่าตัวอยู่ห้าแสน แต่หมายถึงพวกเราทุกคนจะต้องได้คนละห้าแสน”
อีกสี่คนที่เหลือพยักหน้า ดวงตาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
“อืม พวกคุณมีกี่คนล่ะ?” น้ำเสียงของเฉิงอี้เฉินสงบเงียบมาก ฉันกลับตื่นเต้นกว่าเดิม
“ห้าคน” ลูกพี่ลูกน้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นจนถูกลุงใหญ่จ้องใส่หน้า “เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปให้ นายนำเงินมาด้วยตัวเอง ยื่นหมูยื่นแมวกัน หากนายกล้าแจ้งความ ก็อย่าหาว่าพวกเราไม่แคร์ต่อสายสัมพันธ์ฉันเครือญาติก็แล้วกัน”