รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 25 งานอื่น
"รถมาแล้วครับท่าน"บอดี้การ์ดรับโทรศัพท์แล้วบอกฉัน
ฉันพยักหน้า ยิ้มมุมปากให้จิ้นเหวินเชี่ยน "มีแฟนตั้งหลายคน เด็กคนนี้ใช่ลูกฉินจวิ้นเฟยจริงหรอ?อย่าจำผิดคนล่ะ"
จิ้นเหวินเชี่ยนสะดุ้ง คงไม่คิดว่าฉันจะพูดแบบนี้ออกมา แล้วได้หันไปที่จางเหม่ยเอ๋อ
"คุณป้าคะ แฟนของฉินจวิ้นเฟยไม่ได้มีจิ้นเหวินเชี่ยนเพียงคนเดียว คุณอย่าลืมไปดูว่ายังมีใครท้องหรือป่าวนะ"
เสียงของฉันดัง ทำให้คนรอบๆนี้ได้ยิน จากนั้นฉันได้ยิ้มสวยๆให้จางเหม่ยเอ๋อ ฉันกับบอดี้การ์ดก็ขึ้นรถออกไป
นั่งอยู่ในรถ ฉันก็ได้ถอนหายใจเฮื้อกใหญ่ แผ่นหลังก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
ผ่านไปไม่นานก็รู้สึกตัวว่ามือเจ็บ แบมืออกพบว่าใจมือเต็มไปด้วยรอยเล็บ
สองประโยคหลังนั้นฉันตั้งใจพูดมันออกมาก ฉันชี้ให้เห็นชีวิตส่วนตัวที่วุ่นวายของเขา คนที่อยู่รอบข้างที่ไม่ท้องก็อาจเป็นเพราะเขามีการป้องกันแน่
ฉันรู้จักนิสัยของจางเหม่ยเอ๋อ คงจะทำให้จางเหม่ยเอ๋อมีความสงสัยในตัวของจิ้นเหวินเชี่ยน
อย่างน้อยจิ้นเหวินเชี่ยน รอบตัวเธอก็มีผู้ชายเข้ามาไม่ขาด จางเหม่ยเอ๋อไปสืบเพื่อมีเบาะแสอะไรบ้าง และอีกอย่างก็จะช่วยให้ฉันไม่มีมลทินกับฉินจวิ้นเฟย
ไม่สนว่าเด็กคนนี้จะใช่ลูกของฉินจวิ้นเฟยหรือไม่ก็ตาม ก็อยากจะเพิ่มความยุ่งยากให้เขาสักหน่อย
แล้วรถก็ได้มาหยุดที่หน้าร้านกาแฟ ฉันเดินเข้าไปก็เห็นหลินปิงชิงนั่งที่ข้างหน้าต่างได้ยกมือเรียก
อารมณ์ได้ดีขึ้นมามาก ก็ได้รับเดินไปหาเขา
"อีอี เธอได้แต่งงานกับพี่เฉิงจริงๆหรอ"ฉันพึ่งจะหยิบแก้วน้ำหลินปิงชิงก็ได้ถามฉันขึ้นมา
อีกนิดเกือบจะพ่นน้ำออกมา ฉันอึกอักได้แต่พยักหน้าตอบ
หลินปิงชิงได้จับมือฉันอย่างตื่นเต้นว่า"ยินดีด้วยนะ"
"มีอะไรน่ายินดี…"ฉันยิ้มแบบฝืดๆ ฉันได้เอาสัญญาที่มีกับเฉงอี้เฉินออกมา
เรื่องนี้ฉันเก็บไว้ในใจคนเดียวมันอึดอัด ฉันก็ได้บอกให้หลินปิงชิงได้รู้
"แล้วเธอจะทำอย่างไงต่อไปล่ะ?"หลินปิงชิงขมวดคิ้วไม่มีความตื่นเต้นแบบเมื่อกี้
ฉันได้คนหน้ากาแฟ ในใจรู้สึกแย่มาก "ฉันก็ไม่รู้ คงจะดูไปที่ล่ะขั้นมั้ง"
ถึงแม่ว่าฉันเซ็นสัญญากับเขาแล้ว ก็ไปจดทะเบียนสมรสแล้ว ใจฉันก็ยังรู้สึกเป็นกังวล เพราะว่าไม่รู้ว่าเขาจะถีบส่งฉันออกตอนไหน
ตามที่มีในสัญญา แม้ว่าฉันกับเฉิงอี้เฉินอย่ากันแล้วยังดีที่มีหลักประกันให้อยู่ แต่ฉันคิดถึงที่จะต้องแยกกับลูก ฉันคงร้องให้เสียใจมาก
"ปิงชิง เฉิงอี้เฉินคงจะดีกับเด็กคนนี้ใช่ไหม…."ไม่กี่วันนี้ ฉันรู้สึกเริ่มให้ความสนใจเด็กคนนี้แล้ว
"เธอไม่ต้องคิดมากนะ"หลินปิงชิงจับมือฉัน "เธอต้องปฏิบัติตัวดีๆกับพี่เฉิง ไม่แน่เขาอาจจะเป็นสามีของเธอก็ได้?"
"พี่เฉิงคนนี้หน้านิ่งใจร้อน แต่เป็นคนมีหลักการ ฉันคิดว่าเขาคงชอบเธอแน่ ไม่งั้นเขาไม่แต่งงานกับเธอหรอก"
"จริงหรอ?"ใจฉันอึ้งไปสักพัก มีแต่ความรอคอยอย่างบอกไม่ถูก
หลินปิงชิงก็ได้พยักหน้า "แน่นอนอยู่แล้ว เธอก็รู้ ถ้าเขาจะหาแฟนมันง่ายนิดเดียว คงไม่จำเป็นต้องเป็นเธอ"
คำนี้อาจจะบาดใจคนฟัง หลินปิงชิงอายและได้แลบลิ้นออกมา ใจฉันก็รู้สึกสดใสขึ้นมาก
ไม่ได้บอกหลินปิงชิงว่าเฉิงอี้เฉินชอบผู้ชาย ถึงจะชอบผู้ชาย แต่เขาก็ได้เลือกฉันให้มาเป็นภรรยาก็พอแล้ว ฉันได้แอบคิดในต้องแสดงออกให้เฉิงอี้เฉินพอใจ ถึงจะได้อยู่กับลูก
"เธอว่ามีเรื่องจะบอกฉัน เรื่องอะไรหรอ?"
"อ๋า~เกือบลืมเลย"หลินปิงชิงเคาะมาที่ฉัน ฉันได้เอาเอกสารออกมาจากกระเป๋า
"เธอดูนี้ โรงพยาบาลเปิดรับสมัครงานแล้ว"
ฉันเปิดเอกสารดูเนื้อหาข้างบน จริงๆมีรับไม่กี่ตำแหน่ง
ฉันตื่นเต้น การรับสมัครงานครั้งนี้มีความหมายกับฉันมาก ฉันต้องการหางานทำ แม้ว่าเฉิงอี้เฉินสัญญาจะให้เงินเดือนฉัน แต่ฉันคิดว่าตัวเองเหมือนถูกเลี้ยงไปด้วย ทำให้ฉันอึดอัด
"การเรียนเธอดี สอบเขียนคงไม่มีปัญหาหรอก"ผู้อาวุโสที่โรงพยาบาลก็ประทับใจเธอ คงจะเสียดายแทนเธอ เพียงแค่เธอผ่านข้อเขียน ตอนสัมภาษณ์ก็ไม่มีปัญหาแน่"
หลินปิงชิงพูดด้วความแค้น"พูดจริงนะ ถ้าครั้งนี้เธอยังถูกปฏิเสธคงเป็นครั้งเลือกสุดท้ายแล้ว วันนั้นก็ทำเรื่องมากเกินไป คนของตระกูลฉินยังจะบีบบังคับทางโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นโรงพยาบาลคงไม่ทำกับเธอแบบนี้หรอก"
"ฉันเดาออกแล้ว"ฉันฝืนยิ้ม ไล่ฉันออกแต่ไม่ได้ไล่จิ้นเหวินเชี่ยน คงจะเป็นตระกูลฉินจัดการแน่
"ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่น่าสงสัย จิ้นเหวินเชี่ยนลาออกแล้ว ฉันพึ่งรู้วันนี้เอง"
"จิ้นเหวินเชี่ยนท้อง สงสัยจะออกมาแต่งงานกับฉินจวิ้นเฟยมั้ง"ฉันพูดกับหลินปิงชิง ที่เห็นยังอยู่ในเอกสารนั้นยังไม่ได้ย้ายออก
"ท้องแล้ว? นังสารเลวนั่นนะ!"หลินปิงชิงด่าด้วยความเกลียด
หรืออาจเป็นเพราะชินกับนิสัยเธอ เทียบกับความโกรธของหลินปิงชิงตอนนี้ถือได้ว่าฉันไม่ได้โกรธอะไรมากเลย
ฉันได้เล่าเรื่องที่ฉันเจอที่โรงพยาบาลเอกชนวันนี้ให้เธอฟัง หลินปิงชิงตบโต๊ะอย่างเจ็บใจ ว่าฉันอ่อนแอเกินไป มีบอดี้การ์ดตั้งสี่คนทำไมไม่ให้เดินเข้าไปตบระบายความแค้นล่ะ แต่ก็ได้แค่พูดเท่านั้น
ฉันได้หัวเราะกับท่าทางของเธอ "ฉันไม่อยากมีปัญหา"
แท้จริงคือไม่อยากให้เฉิงอี้เฉินมีปัญหา ได้แต่เพิ่มคำพูดอยู่ในใจ
ฉันรู้แก่ใจว่ากำลังอาศัยอิทธิพลของเฉิงอี้เฉิน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีโอกาสต่อปาต่อคำกับจางเหม่ยเอ๋อและจิ้นเหวินเชี่ยนหรอก บอดี้การ์ดก็เป็นคนของเฉิงอี้เฉิน ถ้าไปทำร้ายจางเหม่ยเอ๋อแล้ว ตระกูลฉินคงไม่ยอมแน่
หลังทานข้าวเที่ยงกับหลินปิงชิงเสร็จ ก็ได้ไปซื้อหนังสือมาตั้งมากมายค่อยกลับบ้าน พอกลับถึงคฤหาสน์ก็รีบเข้าห้องเพื่ออ่านหนังสือ
เลือกสาขาดี ถึงปลายปีเหมือนการสอบเข้ามหาลัย สาขาการแพทย์แค่นั้นแหละ
ถึงการเรียนจะดี แต่ระยะเวลารับสมัครแค่ครึ่งเดือนเอง ฉันก็ยังมีความกดดันสูงอยู่
"กำลังทำอะไร?"ฉันตกใจเสียงของเฉิงอี้เฉินที่เข้ามาข้างหลัง
มันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันลุกขึ้น เห็นสายตาที่เขามองไปที่หนังสือที่วางบนโต๊ะ ในใจไม่ตื่นเต้นไม่ได้
"ฉันกำลังดูหนังสือวิชาชีพ โรงพยาบาลรัฐกำลังจะเปิดรับสมัครภายในครึ่งเดือน ฉัน…ฉันอยากเข้าร่วม"
ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อย ถึงแม้เรามีความสัมพนธ์เป็นการร่วมือกัน ในสัญญาไม่ได้เขียนไม่ให้ออกไปทำงาน แต่ถ้าเขาไม่ปฏิเสธ ฉันคงต้องยอม ยังไงค่ายาแม่ฉันก็ยังพึ่งเขาอยู่
"คุณชอบอาชีพหมอจริงๆหรอ?"เฉิงอี้เฉินมองมาที่ฉัน
ฉันถึงกับอึ้งไปสักพัก ไม่ได้ตอบเขาในทันที
ฉันมีสองเหตุผลที่เลือกเรียนวิชาแพทย์ หนึ่งคือแม่ฉันป่วยเป็นโรคหัวใจ เหตุผลที่สองคือคิดว่าแพทย์เป็นอาชีพที่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าชอบหรือไม่ชอบ ฉันก็ไม่เคยคิดถึงตัวนี้เลย
คนรวยชอบคุยเรื่องงาน ส่วนฉันได้แต่คิดถึงเรื่องเสื้อผ้าอาหาร
เฉิงอี้เฉินขมวดคิ้วนิดๆ "ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปลำบากแบบนั้น ถ้าอยากทำงานก็หางานอื่นทำ"