รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 113 สติฟั่นเฟือง
หลินปิงชิงที่ยู่ในอีกฝั่งของสายก็อึ้งไปสักพัก เเล้วรีบเรียกสติตื่นขึ้นมา “พี่อี้เฉินติดต่อกับเธอเเล้วหรอ?”
เสียงที่ออกมาเต็มไปด้วยความประหลาใจ เเต่เเค่ตอนนั้นฉันกำลังกังวลใจเลยไม่ได้สังเกตเห็น
“ใช่ เขาโทรมาให้ฉันเเละเรียกชื่ออยู่ตลอด เเต่ว่าพอฉันพูดออกไปเขาก็ตัดสายไปเลย….ปิงชิงเธอรู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกันเเน่? เขาดูเหมือนจะเมาด้วย เเต่ว่าตอนนี้ป้าหวังก็ไม่รับโทรศัพท์ฉัน….”
น้ำตาของฉันไหลออกมาไม่หยุด เป็นเพราะว่าฉันกังวลเกินไปคอของฉันเริ่มเจ็บอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ใจของฉันรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ทำให้รู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น
“เธออย่ากังวล เดี๋ยวฉันจะไปดูบ้านพี่อี้เฉินให้ตอนนี้เลย ” หลินปิงชิงพูดออกมา ฉันที่ได้ยินกำลังได้ยินเสียง
กุกๆกักๆ เห็นได้ชัดว่าหลินปิงชิงกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฉันพยักหน้า ไม่สนหลินปิงชิงที่ไม่เห็นตั้งเเต่เเรกยู่เล้ว “งั้นเธอไปดู ฉันรอฟังข่าวจากเธอนะ ถ้าเธอเจอป้าหวังให้ป้าเขาโทรหาฉันด้วย….”
“โอเค ฉันวางสายก่อนนะ อีกสักพักจะติดต่อเธอไป” หลินปิงชิงพูดเสร็จก็วางสายเลย
ฉันถือโทรศัพท์ไว้เเน่นๆเเละเดินไปมาในห้องโดยไม่คิดที่จะนั่งลง ฉันพยายามโทรหาเฉิงอี้เฉินกับป้าหวัง เเต่โทรศัพท์ของพวกเขาก็ปิดเครื่องไปเเล้ว ทุกๆครั้งที่ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่ตอบกลับอัตโนมัติก็ทำให้ฉังกังวลมากยิ่งขึ้น เเทบจะทำโทรศัพท์ตก
เเสงสลัวในยามค่ำคืน ฉั้นไม่รู้สึกง่วงสักนิดทำอะไรไม่ลงสักอย่าง ฉันมองไปที่โทรศัพท์ซ้ำเเล้วซ้ำเล่าเเละในที่สุดก็ได้รับสายจากหลินปิงชิง
“ปิงชิง เป็นยังไงบ้าง?” ไม่รอหลินปิงชิงพูดฉันก็รีบถามออกไปก่อน
“ไม่มีอะไร พี่เฉินเมาเหล้า เมื่อกี้เพิ่งอาละวาดไป โทรศัพท์ของป้าหวังถูกพี่อี้เฉินโยนจนพัง ดันนั้นจึง…..” หลินปิงชิงไม่ได้พูดอะไรต่อ หัวใจของฉันที่มันวุ่นวายกระสับกระส่ายมาทั้งคืน ตอนนี้ก็ค่อยๆลดลง
เฉิงอี้เฉินเมาเเล้วเลยโทรหาฉัน ดังนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ได้สติใช่ไหม? เขาได้ยินเสียงของฉันก็วางสายเเละปิดเครื่องทันที เขาไม่อยากจะติดต่อกับฉันสินะ…..
ส่วนโทรศัพท์ของป้าหวังถูกเฉิงอี้เฉินทำจนพัง เป็นเพราะเฉิงอี้เฉินเห็นว่าฉันโทรหาป้าหวังหรือเปล่า?
ปากของฉันรู้สึกขมอยู่พักหนึ่ง การคาดเดานี้ทำให้ใจของฉันไม่สบายเเละทรมานมาก ทันใดนั้นก็รู้สึกที่ฉันกังวลเป็นห่วงไปขนาดนั้น มันกลับกลายดูเป็นเรื่องตลก
เฉิงอี้ฉินไม่อยากคุยกับฉันขนาดนั้น เเต่ฉันกลับรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเขาโทรมาหาฉัน ในสมองยิ่งมโนไปว่าเฉิงอี้เฉินนั้นยังรักฉันอยู่ ดังนั้นเขาเมาเเล้วจึงติดต่อมาหาฉัน
ลั่วอีอี เธอนี่หลงตัวเองจริงๆ หลงยิ่งกว่าฉินจวิ้นเฟยเสียอีก
ฉันหัวเราะตัวเองเเละหัวใจของฉันก็ขมขื่นเเละทรมานมากยิ่งขึ้น “ขอโทษด้วยนะปิงชิง ที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ”
“จะเกรงใจกันขนาดนี้ทำไม ถือสะว่ามาออกกำลังกาย ระยะทางมันก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น” ถึงเเม้ว่าหลินปิงชิงจะกำลังหัวเราะอยู่ เเต่ว่าฉันฟังออกว่าในคำพูดของเธอเเสดงออกถึงความไม่พอใจ
ฉันตำหนิตัวเองยิ่งกว่าเดิม อาชีพหมอยิ่งเป็นอาชีพที่เหนื่อยมากๆ คนไข้ผู้ป่วยต้องมาก่อนเสมอ ยากมากที่จะมีเวลางานตายตัว วันนี้ตั้งเเต่เช้ามืดฉันก็มารบกวนหลินปิงชิงจนตื่น บางทีเธอเมื่อคืนอาจจะทำกะกลางคืนก็ได้
“เธอรีบไปพักผ่อนเถอะ อย่ากระทบงานของเธอ….” ฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เเต่ยังดีที่ว่าทันทีที่พูดจบคำนี้หลินปิงชิงก็ตอบว่า “โอเค” ฉันจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลงอย่างว่างเปล่าเเละยังคงมีคำถามมากมายอยู่ภายในใจ เช่น ทำไมเฉิงอี้เฉินถึงเมาเหล้า? เฉิงอี้เฉินจะหมั้นกับสวีเฟยเฟยจริงๆหรือเปล่า?
เเต่ว่าคำถามพวกนี้ฉันไม่วิธีที่จะไปถามเเละไม่รู้ว่าควรจะไปถามใคร
อันที่จริงเฉิงอี้เฉินได้ยินเสียงฉันก็วางสายไปทันที อีกอย่างเขาเห็นว่าฉันโทรหาป้าหวังก็โยนโทรศัพท์ป้าหวังทิ้งไป ฉันดูออกว่าเฉิงอี้คงเกลีดยชังฉันเเล้ว
ฉันยิ้มอย่างขมขื่น ไม่รู้ว่าทำไมทัศนคติของเฉิงอี้เฉินที่มีต่อฉันถึงได้เปลี่ยนไปเยอะมากขนาดนี้ เเต่ว่าฉันก็คิดว่าฉันพอเดาคำตอบได้
ฉันยังจากลาไปโดยไม่บอกกล่าวเฉิงอี้เฉิน คนนิสัยอย่างเฉิงอี้เฉินมีหรือจะไม่โกรธ?
หรืออาจจะเป็นฉันที่หยิ่งยะโสโอหัง?
ฉันไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายการกระทำของตัวเองอย่างไร เเต่ว่าไม่ทำก็ทำไปเเล้วเเละฉันก็ไม่เสียใจเลยที่ทำลงไป อันที่จริงก่อนหน้านี้ฉันได้ทำเรื่องที่่มีความสุขให้ตัวเองไปหนึ่งอย่างคือ “การเอาเเต่ใจ”
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงเเละไม่อยากขยับตัว โทรศัพท์ก็ถูกฉันทิ้งไว้ฝั่งนึง ภาพต่างๆทำให้จิตใจของฉันปันป่วน การที่ได้พบกับเฉิงอี้เฉิน ได้รู้จักเฉิงอี้เฉิน ได้รักเเละทะเลาะกับเฉิงอี้เฉิน….
อาจเป็นเพราะยาที่กินเข้าไปมีส่วนผสมที่ช่วยทำให้นอนหลับ ถึงเเม้ว่าฉันจะเสียอารมเเละหงุดหงิดอยู่เเต่ก็หลับไป
คืนนี้ฉันหลับไปอย่างเหนื่อยมาก เเต่ตอนเช้าก็ถูกเสียงโทรศัพท์ทำให้ตื่น รู้สึกเเค่ว่าหัวของฉันเต้นตุบๆเหมือนกับว่าจะระเบิดออกมา
ฉันขมวดคิ้วเเลล้วจับโทรศัพท์ เเต่สายที่โทรเข้ามานั้นเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น
โดยปกติฉันจะกดวางสายกับเบอร์ที่ไม่คุ้น เเต่ว่าวันนี้สมองของฉันมึนๆงงๆจึงไปกดรับสาย
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ…..”
“อีอี ผมหย่าเเล้ว! ”
เสียงที่ดูตื่นเต้นผ่านออกมาจากโทรศัพท์ ฉันกระตุกจนขนลุกเเละหายง่วงไป ทันใดนั้นฉันก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
มันคือฉินจวิ้นเฟย! เขาหย่าเเล้วจริงๆ!
“เธออยู่ไหน? เรามาเจอกันหน่อย” ฉินจวิ้นเฟยพูดมาอีกครั้ง หัวใของฉันก็บีบตัวขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้ฉันบอกกับฉินจวิ้นเฟยก่อนที่จะหย่าว่าไม่ต้องติดต่อฉันมาอีก นั่นก็เพราะว่าอยากกดดันให้เขาหย่า เพื่อที่จะให้ตัวเองได้อยู่เเบบสงบๆ อันที่จริงไม่ได้อยากจะยุ่งเกี่ยวกับฉินจวิ้นเฟยเลย
เเต่ฉันคิดไม่ถึงว่าฉินจวิ้นเฟยจะหย่าเร็วขนาดนี้ จิ้นเหวินเซี่ยนยอมหย่าได้ง่ายๆเเบบนี้เลยหรอ? ไม่มีเรื่องพัวพันเลยหรอ?
“ลั่วอีอี เธอพูดสิ” เสียงของฉินจวิ้นเฟยเย็นชาขึ้น ฉันพยายามปรับอารมณ์ “หย่าเเล้วจริงหรอ?”
“หย่าเเล้ว” ฉินจวิ้นเฟยตอบมา
ฉันขมวดคิ้ว “‘งั้นเธอส่งใบหย่ามาให้ฉันดู”
ฉันพูดจบเเล้วก็วางสายเลย จากนั้นรีบเปิดวีเเชทเพื่อไปยืนยันกับจิ้วเหวินเซี่ยน
จิ้วเหวินเซี่ยนใช้หลายๆเบอร์เพิ่มฉันมา ฉันไม่รู้ว่าเบอร์ไหนที่เขากำลังใช้อยู่ ส่งข้อความไปสองสามข้อความก็เห็นว่าไม่มีการตอบกลับ ฉันจึงไปดูที่บัญชีดำเเล้วดึงชื่อบัญชีของเธอที่เพิ่มฉันมาตั้งเเต่เเรกออกจากบัญชีดำ เเล้วส่งคำขอเป็นเพื่่อนใหม่
เเต่เรื่องที่น่าเเปลกใจก็คือส่งคำขอเป็นเพื่อนไม่สำเร็จ อีกอย่างหลังจากที่ฉันวางสายเเล้วฉินจิ้นเฟยก็ไม่ได้ส่งใบหย่ามาให้ฉันดู
ฉันขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ในใจคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง เเต่สุดท้ายข่าวที่ฉันได้รู้ก็ทำให้ฉันตกใจ ก่อนหน้าฉันรู้ว่าฉินจวิ้นเฟยหน้าด้าน เเต่ไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นคนสติฟั่นเฟืองเเละเสียสติขนาดนี้