รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 110 ดื้อดึงกับอะไร
วันนั้นฉันร้องไห้อย่างหนักหน่วง จากนั้นฉันก็ล้มป่วยขึ้นมา
ฉันป่วยครั้งนี้อาหารหนักมาก ฉันเป็นไข้จนไม่สามารถลุกจากเตียงได้เลย พี่จางคอยดูแลฉันอยู่ข้างเตียงเป็นเวลาหลายวัน ส่วนพี่หลิวกับแม่ ฉันไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้ฉันเพราะฉันป่วย แม่สุขภาพไม่ดีฉันกลัวว่าแม่จะติดเชื้อจากฉัน และกลัวจะแพร่ไปถึงฮั่นอี้กับซีหย่า
ฉันอยากถามเฉิงอี้เฉินให้เข้าใจ แต่ฉันก็ไม่เคยโทรหาเฉิงอี้เฉินเลยเพราะฉันไม่รู้ว่าควรถามเขาในสถานะอะไร
ไม่กี่วันต่อมาฉันได้เจอกับเฉินตงหลี พี่จางเป็นคนบอกข่าวเรื่องที่ฉันป่วยให้เขา เฉินตงหลีเลยซื้อตั๋วเครื่องบินมาดูฉันทันที
ฉันรู้สึกงุนงงเมื่อเห็นเฉินตงหลี เขาสวมชุดลำลองและดูเหนื่อยเล็กน้อย แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ยับยู่ยี่ไปหมด เห็นได้ชัดว่าพอลงจากเครื่องบินเขาก็รีบมาที่นี้ทันที
ลำคอของฉันยังรู้สึกเจ็บมาก แม้แต่จะพูดยังรู้สึกลำบาก "คุณมาแล้วหรอ…"
ฉันมองไปที่เฉินตงหลีและยิ้มอย่างอ่อนแรง ยังคงขดตัวนอนห่อผ้าห่มอยู่บนโซฟา
บางทีอาจเป็นเพราะไม่สบาย ฉันรู้สึกไม่อยากขยับตัว อีกทั้งยังไม่มีแรงขยับด้วยซ้ำ ไม่ว่าฉันจะอยู่ในสภาพไหนเฉินตงหลีก็เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเขาฉันยังคงสงบและในใจก็ไม่ได้รู้สึกกดดันใดๆ
เฉินตงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองมาที่ฉัน ดูจากดวงตาของเขาฉันสามารถเห็นถึงความเจ็บปวดและความกังวลอย่างลึกซึ้ง "ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณไม่สบาย ต้องรอให้พี่จางมาบอกผมเอง"
"แค่เป็นไข้เฉยๆ ไม่เห็นจำเป็น…แค่ก…แค่ก" ก่อนที่ฉันจะพูดจบฉันก็ไอขึ้นมาเล็กน้อย อาการไอนี้ทำให้ฉันเจ็บคอมากขึ้น ฉันขมวดคิ้วแน่นเพื่อสงบลมหายใจของตัวเองลง
เฉินตงหลีรีบหยิบแก้วน้ำมาให้ฉันทันที แต่ฉันไม่รู้สึกอยากดื่มเลยสักนิด
ฉันส่ายหัวไปมา ลำคอฉันบวมมากแม้แต่พูดหรือหายใจก็ยังเจ็บ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาดื่มน้ำเลย
เฉินตงหลีวางแก้วน้ำลงและยังคงมองมาที่ฉัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กระซิบ "คุณเศร้าเพราะเรื่องเฉิงอี้เฉินใช่ไหม?"
ทันใดนั้นหัวใจของฉันก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ฉันกดริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไร ฉันกำลังคิดว่าที่ฉันไม่อยากพูดเพราะเจ็บคอมากเกินไป ไม่ใช่เพราะฉันรู้สึกเสียงใจหรือต้องการหลีกเลี่ยงคำถาม
ภาพของเฉิงอี้เฉินที่ไปร่วมงานกับสวีเฟยเฟยกลับเข้ามาในความคิดของฉันอีกครั้ง ครึ่งปีก่อนพวกเขาสองคนเป็นคู่หูกันแบบนี้และครึ่งปีต่อมาก็เช่นกัน ไม่ว่าฉันจะเป็นภรรยาของเฉิงอี้เฉินในตอนนั้นหรือฉันที่คลอดลูกของเฉิงอี้เฉินในตอนนี้ สุดท้ายคนที่อยู่ข้างเฉิงอี้เฉินกลับไม่ใช่ฉัน
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกไม่ว่าฉันจะพยายามแค่ไหนก็ดูเหมือนฉันกับเฉิงอี้เฉินก็ไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน เมื่อเห็นภาพที่เฉิงอี้เฉินกับสวีเฟยเฟยอยู่กันเป็นคู่ ฉันรู้สึกมึนงงราวกับว่าฉันเป็นคนนอก
ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น
"เรื่องนี้อาจจะมีอะไรบางอย่างที่เข้าใจผิด … " เฉินตงหลีเลียริมฝีปากของเขา
ฉันรู้สึกอยากหัวเราะเล็กน้อย แต่ตาของฉันกลับรู้สึกร้อนและจมูกก็รู้สึกเมื่อย
ถึงตอนนี้แล้วเฉินตงหลีก็ยังคงปลอบฉัน ทั้งๆที่เขาชอบฉันแล้วมาปลอบฉันด้วยความพูดแบบนี้เขาก็คงรู้สึกเสียใจ?
ฉันเลียริมฝีปากที่แห้ง "ฉันทำงานที่นี่เกือบจะเสร็จหมดแล้ว เตรียมตัวจะกลับไปแล้ว"
ฉันไม่อยากพูดเรื่องของเฉิงอี้เฉินกับเฉินตงหลี นับตั้งแต่วันที่ฉันรู้ข่าวก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ฉันไม่รู้ว่าสรุปแล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า แต่ในวันนี้เฉิงอี้เฉินก็ยังไม่ติดต่อมาหาฉันแถมเขาไม่ได้อธิบายอะไรให้ฉันฟังเกี่ยวกับข่าวงานแต่งนี้แม้แต่คำเดียว
ข่าวนั้นออกอากาศผ่านทีวี ฉันไม่เชื่อว่าเฉิงอี้เฉินจะไม่รู้ หากนี่เป็นความเข้าใจผิด เฉิงอี้เฉินเองก็ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าฉันจะรู้และเข้าใจผิดยังไง ถ้าอย่างนั้นนี่อาจไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดจริงๆก็ได้
"ทะเบียนบ้านของฮั่นอี้กับซีหย่าเสร็จหรือยัง?" เฉินตงหลีมองมาที่ฉันอย่างทุกข์ใจและเปลี่ยนเรื่องตามคำพูดของฉัน
ฉันไม่ชอบสายตาที่เขามองฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าตัวเองน่าสงสารมาก ฉันส่ายหัวและหลบสายตาเฉินตงหลี"ยังทำไม่ได้"
ช่วงนี้ฉันมัวยุ่งกับงานและไม่ได้ไปทำเรื่องทะเบียนบ้านของฮั่นอี้กับซีหย่า จริงๆไม่ใช่ว่าฉันไม่มีเวลาไปทำ แต่เป็นเพราะฉันจงใจผัดวันประกันพรุ่ง
ฉันบอกเฉินตงหลีและเฉิงอี้เฉินว่าเด็กสองคนนี้ต้องใช้นามสกุลของฉัน แต่เมื่อถึงเวลาฉันก็ยังรู้สึกลังเล
นี่คือลูกของฉันกับเฉิงอี้เฉิน ฉันยังคงมีความคาดหวังเล็กๆอยู่ในใจ ฉันหวังว่าเฉิงอี้เฉินจะมาจัดการเรื่องทะเบียนบ้านของทั้งสองคนพร้อมฉัน
หลังจากนั้นฉันกับเฉิงอี้เฉินบอกไว้ว่าเราจะเริ่มต้นใหม่กันไม่ใช่หรอ?
แต่ตอนนี้เฉิงอี้เฉินกลับกำลังจะหมั้นกับสวีเฟยเฟย ฉันไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไรในตอนนี้
ผิดหวัง? เจ็บใจ? โกรธ?
ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองขี้เกียจและไม่อยากทำอะไรเลย ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาฉันทำงานหนักอย่างเคร่งคัด แต่ตอนนี้พลังงานของฉันดูเหมือนจะใช้ไปจนหมดแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกว่าทำอะไรลงไปก็ไม่มีความหมายเลย
"คุณต้องการให้ผมช่วยไหม?" เฉินตงลี่พูดเบา ๆ
ฉันมองเขาและตาของฉันก็เปียกอีกครั้ง ฉันแสร้งทำเป็นจัดผมแล้วยกมือขึ้นเช็ดที่หางตาเบา ๆ แล้วพูดด้วยเสียงแหบว่า "ดีเลย"
หลังจากทำเรื่องทะเบียนบ้านของฮั่นอี้กับซีหย่าเสร็จ ฉันก็สามารถพาแม่ไปจากที่นี่ได้ เด็กๆใช้ตามนามสกุลของฉัน ฉันควรตัดเรื่องเพ้อฝันที่ไม่เป็นจริงของฉันออกไปด้วย
เฉินตงหลีพยักหน้า "คุณพักผ่อนดีดี ผมจะเริ่มทำเรื่องในวันพรุ่งนี้"
ฉันพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็หลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ฉันกลัวว่าถ้าพูดอะไรมากกว่านี้ฉันอาจจะอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
เฉินตงหลีคลุมผ้าห่มให้ฉัน ฉันยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้มากขึ้น ดังนั้นฉันจึงพลิกตัวเพื่อนอนหันหลังให้เฉินตงหลี
บางทีเฉินตงหลีอาจเป็นอัศวินขี้ม้าขาวที่พระเจ้าส่งมาเพื่อช่วยชีวิตฉัน เขามักจะปรากฏตัวยามที่ฉันอ่อนแอที่สุด แต่ฉันก็รู้ดีว่าฉันไม่ใช่เจ้าหญิงในเทพนิยาย
วันนี้ฉันเสียใจมากกับการหมั้นของเฉิงอี้เฉินและสวีเฟยเฟย ซึ่งพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าคนที่ฉันชอบคือเฉิงอี้เฉิน ไม่ใช่เฉินตงหลี
แม้ว่าฉันจะชอบในความอบอุ่นของเฉินตงหลี แต่ในใจฉันก็รู้ดีว่าฉันไม่สามารถครอบครองเฉินตงหลีได้ตลอดชีวิต แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับเขา
นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย…
ฉันเตือนตัวเองในใจ ฉันกัดผ้าห่มแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกเสียง เฉินตงหลีนั่งอยู่ข้างหลังฉันอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆแล้วจากไปอย่างแผ่วเบา
เสียงปิดประตูดังขึ้นและในที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้จนออกเสียงออกมา
จิ้นเหวินเชี่ยนพูดถูก ฉันเป็นคนเลวจริงๆและเลวมากด้วย!
เฉิงอี้เฉินกำลังจะหมั้นกับสวีเฟยเฟย แต่ฉันก็ยังคิดถึงเขา เฉินตงหลีดีกับฉันขนาดนี้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถปล่อยวางทุกอย่างและเลือกที่จะอยู่กับเขาได้
ฉันไม่ได้เกลียดเฉินตงหลี แม้ว่าฉันจะพึ่งพาเขาและชอบเขา พูดตามตรง ผู้ชายที่อ่อนโยนและมีความสามารถเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน เอาใจใส่ เข้าใจและอดทนกับฉัน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นๆไม่มีใครไม่ชอบหรอก
ฉันไม่รู้ว่าตกลงแล้วฉันกำลังดื้อดึงกับอะไร