รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 109 ข่าวงานแต่งของเขา
"ลั่วอีอี เธอมันเลว!"
คำพูดสั้นๆ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นจิ้นเหวินเชี่ยน ฉันถอนหายใจและไม่รู้สึกโกรธ ประโยคนี้เป็นวิธีทักทายตามปกติของเขา
เพียงแต่จิ้นเหวินเชี่ยนเป็นมือที่สามที่เข้ามาแทรกแซงการแต่งงานของฉัน ยังกล้าพูดประโยคนี้ด้วยความมั่นใจ?
ฉันบล็อกเขาทันทีเพราะไม่อยากเปลืองน้ำลาย แต่เมื่อนึกถึงแผนของฉัน ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหลังจากที่ฉันพูดกับฉินจวิ้นเฟยไปเมื่อคืน เขาได้ทำอะไรลงไปไหม?
"คุณเป็นใคร?" ฉันส่งไปสามคำและได้รับข้อความหลังจากนั้นไม่นาน แต่มันเป็นข้อความเสียง
"ลั่วอีอี ฉันเตือนเธอไว้ อยู่ให้ห่างจากฉินจวิ้นเฟย"
ฉันรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉันกังวลว่าจิ้นเหวินเชี่ยนจะส่งข้อความเป็นตัวหนังสือมาให้ฉันอีกครั้ง ฉันต้องการให้เขาทิ้งหลักฐานให้ฉินจวิ้นเฟยได้เห็น เธอใช้เบอร์สำรองและถ้ากระบวนการทั้งหมดเป็นการสนทนาด้วยตัวหนังสือ ฉินจวิ้นเฟยอาจจะคิดว่าฉันใช้เบอร์สำรองเพื่อหลอกเขา
ฉันไม่ได้ตอบกลับจิ้นเหวินเชี่ยนอีกเลยเพราะฉินจวิ้นเฟยโทรเข้ามา ฉันรับสายโดยไม่ลังเลก่อนที่ฉินจวิ้นเฟยจะพูดฉันก็พูดออกมาก่อนว่า "จิ้นเหวินเชี่ยนติดต่อมาหาฉัน"
"เขาติดต่อหาคุณเพื่ออะไร?"
"เขาบอกว่าฉันมันเลว ให้ฉันอยู่ห่างจากคุณ" ฉันพูดอย่างเยาะเย้ย "ฉินจวิ้นเฟยฉันว่าฉันเลวมาก เรื่องน่ารังเกียจที่คุณทำลงไป ตอนนี้ฉันยังถูกคุณสร้างภาพลวงตาใส่อีก"
"ฉินจวิ้นเฟย ฉันจะไม่บอกคุณว่าฉันอยู่ที่ไหน ต่อจากนี้เราอย่าติดต่อกันอีกเลย"
ฉันวางสายทันทีและดึงหมายเลขของฉินจวิ้นเฟยเข้าสู่บัญชีที่ถูกบล็อกโดยตรง ฉันทำทั้งหมดนี้ได้อย่างเรียบง่ายโดยไม่ลังเลใด ๆ
ตัวฉันเองไม่มีความคิดอื่นกับฉินจวิ้นเฟย เหตุผลที่ฉันติดต่อกับเขาเพียงเพื่อกวนเขากับจิ้นเหวินเชี่ยนไม่ให้อยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องสนใจว่าฉินจวิ้นเฟยจะคิดอย่างไรกับฉัน
เพียงแค่ฉันไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์ของการกระทำของฉันจะดีขนาดนี้ ฉินจวิ้นเฟยคิดว่าฉันยังรักเขาและทนไม่ได้ที่จะปล่อยเขาไป ดังนั้นเขายิ่งรีบร้อนที่จะหย่ากับจิ้นเหวินเชี่ยน อีกอย่างที่เขาไม่สามารถติดต่อฉันได้เขาก็จะคิดว่าฉันเสียใจเพราะเรื่องนี้ ตอนพเจอกันล่าสุดฉันแสดงท่าทีให้เขาเห็นได้ดีมากเลยด้วย
แต่นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง ฉันบล็อกฉินจวิ้นเฟยในตอนนั้นก็ปิดเสียงโทรศัพท์เลย จากนั้นฉันก็นอนหลับได้อย่างสบาย
คืนนั้นฉันยืนยันแผนการของอีกไม่กี่วันที่กำลังจะมาถึง และตัดสินใจเริ่มต้นกับบริษัทที่ร่วมมือกันมาหลายปีและเริ่มทบทวนการเจรจาประจำปี
หลายวันที่ผ่านมาฉันมัวยุ่งกับการไปๆมาๆอยู่หลายบริษัท และเยี่ยมชมโรงงานหลายแห่ง บริษัทการค้าระหว่างประเทศตงหลีดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการค้านำเข้าและส่งออก และยังรับผิดชอบการนำเข้าสินค้าบางส่วนไปยังกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงอีกด้วย อย่างไรก็ตามในประเทศจีนมีแรงงานราคาถูกจำนวนมากและงานฝีมือของหลายๆอย่างก็ดีกว่าต่างประเทศมาก ดังนั้นปริมาณการส่งออกจึงไม่เคยน้อยลง
หลังจากทำงานยุ่งๆมาหลายวัน ฉันก็เข้าใจสถานการณ์ของบริษัทได้ดีขึ้น ในช่วงนั้นฉันได้โทรศัพท์คุยกับเฉิงอี้เฉินและหลินปิงชิงหลายครั้ง แต่ที่น่าแปลกใจคือเฉิงอี้เฉินไม่เคยติดต่อฉันเลย
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แม้ว่าคนที่จากไปโดยไม่บอกลาคือฉันเอง แต่เฉิงอี้เฉินก็พูดสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวอยู่หลายครั้ง ทำไมฉันจากมานานขนาดนี้เขาถึงไม่ตอบสนองอะไรเลย?
เขาโกรธหรอ? หรือว่าในใจเขาฉันไม่ได้สำคัญอะไรเลย?
ฉันเอาแต่คิดเรื่องนี้ซ้ำๆ จนทำให้ไม่ได้คิดเรื่องงานเลย ฉันนอนคดตัวบนโซฟาแล้วเปิดทีวีไว้ แต่ว่าเสียงจากทีวีทำให้ร่างกายของฉันหยุดนิ่งทันที
"ประธานกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงและผู้อำนวยการสวีเฟยเฟยกำลังจะมีข่าวดี เพราะมีรายงานว่าทั้งสองกำลังเตรียมงานหมั้น … "
หลังจากนั้นฉันไม่ได้ยินอะไรอีกเลย ฉันรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างกาย ฉันมองไปที่หน้าจออย่างว่างเปล่า ชายหญิงในทีวีกำลังเดินเข้าประตูสถานที่จัดงานด้วยกัน
ชายคนนั้นสูงและหล่อเหล่า ไม่ว่าเขาจะยืนอยู่ที่ไหนเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าของเขาปรากฏในความฝันของฉันนับครั้งไม่ถ้วนและมันตราตรึงอยู่ในใจฉันอย่างมาก
เฉิงอี้เฉิน! คือเฉิงอี้เฉินจริงๆ!
ในทีวีนั้นเขาสวมชุดสูทพอดีตัวและไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาจากสีหน้าของเขา แต่แขนของเขาถูกจับไว้โดยผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงรูปร่างผอมเพรียวสวมกระโปรงสีเบจตัวเล็ก กำลังเงยหน้ามองไปที่เฉิงอี้เฉินพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้าของเธอ
หัวใจของฉันรู้สึกเจ็บอย่างกะทันหัน จากนั้นก็มีอาการหายใจไม่ออกอย่างรุนแรงทำให้ฉันหน้ามืดและอยากเป็นลมขึ้นมาทันที
แต่ด้วยเสียง "ตัง" ดังขึ้นกะทันหัน หัวใจฉันก็สะดุ้งและเมื่อฉันหันหน้าไปฉันก็เห็นว่าแม่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน จานผลไม้หล่นลงบนพื้นต่อหน้าเธอ ผลไม้บนจานกลิ้งกระจายไปทั่วพื้น
จู่ๆฉันก็รู้สึกลนขึ้นมา แม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอเห็นทั้งหมดเลยหรอ?
ฉันต้องการปกปิดความจริงเลยปิดทีวีอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปหา "แม่ เป็นอะไรไป?ไม่เป็นไรใช่ไหม?"
"อีอี เกิดอะไรขึ้น?สิ่งที่พูดในทีวีเป็นเรื่องจริงไหม?" แม่กำแขนของฉันแน่น ในดวงตาของเธอมีความวิตกกังวลอยู่ลึกๆ
หัวใจฉันเจ็บขึ้นมาอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนคอฉันกำลังถูกมือขนาดใหญ่บีบไว้แน่นและฉันก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
ไม่รู้จะตอบแม่ยังไงดีเพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทั้งๆที่ไม่นานมานี้เฉิงอี้เฉินบอกฉันว่าเขาต้องการเริ่มต้นใหม่กับฉัน ทั้งๆที่ไม่นานมานี้เฉิงอี้เฉินยังบอกว่าเขารักฉันคนเดียวเท่านั้น จะเรียนรู้ที่จะเคารพฉันและจะไม่ยอมแพ้ให้ฉัน
แต่ทำไมตอนนี้ฉันถึงได้ยินข่าวในทีวีว่าเฉิงอี้เฉินกำลังจะหมั้นกับสวีเฟยเฟย?
ทำไมฉันถึงเห็นภาพที่สวีเฟยเฟยกำลังจับแขนของเฉิงอี้เฉินและกำลังเข้าร่วมงานด้วยกันในทีวี?
นี่คือสิ่งที่เฉิงอี้เฉินเอาแต่พูดว่ารักฉันใช่ไหม? เขากำลังจะแต่งงานกับสวีเฟยเฟยอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาถึงไปต่างประเทศเพื่อบอกฉันแบบนั้น?
ฉันรู้สึกร้อนไปทั่งเบ้าตาและปากฉันรู้สึกถึงความขมอย่างรุนแรง หัวใจของฉันรู้สึกเหมือนมีคนยัดมะนาวเข้าไปทั้งลูก มันทั้งรู้สึกเปรี้ยวและขมในเวลาเดียวกัน ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
"อีอี อย่าร้องไห้ … อย่าร้อง … " น้ำเสียงที่ลุกลี้ลุกลนของแม่ดังขึ้นข้างหูของฉัน ฉันจ้องไปที่เธออย่างว่างเปล่าและได้พบกับดวงตาคู่นั้นที่เป็นห่วงและกังวล
ฉันร้องไห้แล้วหรอ? ฉันรู้สึกงุนงงเลยยกมือขึ้นแตะที่หน้าพบว่าฉันกำลังร้องไห้จริงๆ
หัวใจที่แตกสลายคือความรู้สึกแบบไหนกัน?
ฉันคิดว่าตอนที่ฉันเห็นรูปถ่ายของชูเจียอี้หัวใจฉันได้แตกสลายไปแล้ว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตอนนี้ฉันจะยังรู้สึกปวดใจได้อย่างสาหัสขนาดนี้ น้ำตาฉันไหลอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยความชื้น แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา
"อีอี อย่าทำแบบนี้อย่าทำให้แม่ตกใจ … " แม่กอดฉันอย่างเจ็บปวดและพูดว่า "ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ยังมีแม่อยู่ แม่อยู่ข้างๆลูกเสมอ … "
"ลูกพูดอะไรหน่อย ลูกพูดกับแม่หน่อยอีอี อย่าทำแบบนี้ … "
เสียงลุกลี้ลุกลนของแม่ยังคงดังอยู่ข้างหูของฉัน ฉันกอดร่างของเธอไว้แน่นและตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ในที่สุดก็พูดออกมาว่า "แม่" แต่เมื่อฉันพูดคำนี้ออกมา ท้ายที่สุดฉันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ