รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 108 ย้ายบ้านทันที
พอถึงตอนนั้นจะอธิบายเรื่องนี้ให้แม่ฟังยังไง?
ดูเหมือนจะเห็นฉันที่ไม่พูดอะไร แม่เลยเตือนด้วยความกังวลว่า "คนแบบฉินจวิ้นเฟยใช้ไม่ได้ นิสัยคนเรานั้นเปลี่ยนยาก คนพูดเสมอว่าสำหรับคนเจ้าชู้แตกต่างกันเพียงไม่เคยกับตลอดไป ลูกอย่าถูกคำพูดเขาหลอกจนเปลี่ยนใจนะ”
ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ แม่มองมาที่ฉันที่กำลังหัวเราะจนอธิบายไม่ถูกเล็กน้อย แต่ยิ่งฉันหัวเราะมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งอดไม่ได้“ แม่มีสไตล์ตะวันตกตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้แต่คำพูดแบบนี้ก็รู้จัก? "
ฉันยิ้มและมองไปที่แม่ คำนี้กำลังเป็นที่นิยมในอินเทอร์เน็ตไม่ใช่หรอ? แม่รู้ได้อย่างไร?
แม่ชำเลืองมองฉัน "คนหนุ่มสาวเล่นออนไลน์ได้ แต่ฉันเล่นบ้างไม่ได้หรือไง? ปีนี้พยาบาลในโรงพยาบาลสอนฉันมาไม่ใช่น้อยๆนะ"
เมื่อได้ฟังคำพูดของแม่ หัวใจฉันก็รู้สึกเจ็บปวด ฉันอดไม่ได้ที่จะกอดแม่ไว้แล้วกระซิบว่า "แม่ขอโทษ … "
ช่วงเวลาปีกว่าแล้วที่แม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากเกินไปเพราะฉัน แต่ฉันในฐานะที่เป็นลูกสาวกลับไม่สามารถอยู่เคียงข้างแม่ได้ ฉันไปต่างประเทศเป็นเวลาหกเดือน แม่ต้องอยู่อย่างยากลำบากและต้องรู้สึกโดดเดี่ยวมากๆ
แม่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วกอดฉันกลับพร้อมกับตบหลังฉันเบาๆและพูดว่า "ขอโทษอะไรกัน รีบดื่มซุปขิงเร็วๆ เดี๋ยวก็เย็นหมด"
ฉันพยักหน้าแล้วปล่อยมือจากแม่ ค่อยๆจิบซุปขิงทีละเล็กทีละน้อย พี่จางใส่น้ำตาลทรายแดงลงในซุปขิงด้วยดังนั้นจึงไม่รู้สึกดื่มยากมากเกินไป หลังจากดื่มซุปขิงร่างกายของฉันก็อบอุ่นและมีเหงื่อออกเล็กน้อย
"แม่ พี่จาง พี่หลิว เราอาจต้องย้ายบ้านแล้วแหละ" ฉันมองทั้งสามขณะที่พูด
พวกเขาทั้งสามคนผงะไปชั่วครู่และฉันก็ไม่ได้ปิดบังพวกเขา "วันนี้ฉันทิ้งที่อยู่ไว้ตอนเช่ารถ ปรากฏว่าฉินจวิ้นเฟยตรวจเจอ วันนี้เขามาหาถึงบ้าน ฉันกลัวว่าหลังจากนี้เขาจะมาก่อกวนพวกเรา ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนบ้าน"
“ พี่หลิว ฉันเตรียมจะเช่าบ้านในนามของพี่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะไม่ถูกหาเจอได้ง่ายๆ โอเคไหม?”
"ได้ค่ะ ฉันต้องหาเอเจนซี่ไหม?" พี่หลิวตอบรับอย่างรวดเร็ว เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ความไว้ใจซึ่งกันและกันนั้นมีมากพอแล้ว
ฉันพยักหน้า "อืมหา ทางที่ดีย้ายไปพรุ่งนี้ดีกว่า แค่อ้างอิงตามแบบบ้านหลังนี้ก็พอหรือเลือกประเภทห้องหรือตำแหน่งที่ดีกว่านี้ก็ได้"
เรื่องนี้ควรรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ถ้าทำได้ฉันอยากจะย้ายออกตอนนี้เลย
พี่จางขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองมาที่ฉันแล้วพูดว่า "อีอี คุณยังวางแผนที่จะเช่าในอำเภอเล่อไหม? หรือจะไปที่อื่น?คุณกลับมาคราวนี้ก็ต้องทำงานด้วย หรือไม่ก็หาที่ที่สะดวกสำหรับการทำงานของคุณด้วยไหม? "
ตาฉันสว่างขึ้นมาทันที ทันใดนั้นฉันก็มีแผน
ฉันมาอำเภอเล่อเพื่อจะได้สะดวกในการเจอแม่ อีกอย่างฉันไม่คิดว่าจะพาแม่ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ด้วยเร็วขนาดนี้ เป็นเพราะการปรากฏตัวของฉินจวิ้นเฟยและจิ้นเหวินเชี่ยนทำให้แผนของฉันขัดข้อง
ตอนนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนบ้าน จริงๆทำตามที่พี่จางพูดก็ดูจะเหมาะสมกว่า ยิ่งไปกว่านั้นฉันออกจากอำเภอเล่อเลย โอกาสที่ฉินจวิ้นเฟยจะหาฉันเจอก็ยากมากขึ้น
ฉันรีบหาบ้านกับพี่หลิวทันที โชคดีที่หน่วยงานอสังหาริมทรัพย์มีความแข็งแกร่งมากพอ และกลายเป็นว่าพวกเขายังทำโอทีอยู่ เราเลยรีบติดต่อเอเจนซี่และเช่าอพาร์ทเมนต์ในเมืองไห่
ใช่แล้ว ฉันจะกลับไปที่เมืองไห่อีกครั้ง ที่นี้เคยทำให้ฉันมีความสุขมากและเจ็บปวดมากเช่นกัน
สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงอยู่ในเมืองไห่ เนื่องจากบริษัทการค้าระหว่างประเทศตงหลีร่วมมือกับกลุ่มบริษัทสกุลเฉิง ฉันจึงต้องไปเมืองไห่ประจำอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีองค์กรความร่วมมือหลายแห่งในบริษัทการค้าระหว่างประเทศตงหลีตามแนวชายฝั่งของเมืองไห่ ฉันจำเป็นต้องไปตรวจสอบที่องค์กรเหล่านั้น ดังนั้นการกลับไปที่เมืองไห่จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมาก
นอนหลับฝันดีมาทั้งคืน เราก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็กินมื้อเช้าและเก็บกระเป๋าแล้วขับรถตรงไปที่เมืองไห่
เนื่องจากเราเพิ่งย้ายมาที่นี่วันเดียว เราไม่มีของมากนัก การย้ายจึงเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าฉันจะโกรธมากที่บริษัทรถเช่ารั่วไหลที่อยู่ของฉัน แต่ตอนนี้ฉันย้ายบ้านแล้ว ฉันก็ขี้เกียจไปรบกวนบริษัทรถเช่ามิฉะนั้นฉันก็ต้องไปเช่ารถใหม่อีกคัน
หลังจากขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเมืองไห่ พี่หลิวก็รีบติดต่อเอเจนซี่ ฉันพาพี่หลิวไปดูบ้านเป็นเพื่อน ที่ตั้งของบ้านดีมากและมีพื้นที่กว้างขวางกว่าที่เดิม สไตล์การตกแต่งก็ชอบมากและน่าจะอยู่อย่างสบาย
ฉันส่งสัญญาณให้พี่หลิวสามารถเซ็นสัญญาได้และได้ข้อสรุปของบ้านทันที จากนั้นฉันก็ไปรับแม่ พี่จางและลูกอีกสองคนเข้ามา
หลังจากที่ทุกอย่างสงบฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย อีกทั้งยังมีข้อความแจ้งเตือนการข้อเป็นเพื่อนในวีแชทอีกมากมาย
สายที่โทรเข้าเป็นสายจากฉินจวิ้นเฟย ฉันคิดไปคิดมาจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ไปที่ระเบียง นั่งบนเก้าอี้หวายที่ระเบียงท่ามกลางแสงแดดด้วยความรู้สึกอึดอัด จากนั้นฉันก็โทรกลับไปหาฉินจวิ้นเฟย
ทันทีที่โทนออก ฉินจวิ้นเฟยก็รับสายทันทีและประโยคแรกที่เขาพูดคือ "อีอี ในบ้านไม่มีใครอยู่หรอ? ผมเคาะประตูตั้งนานคุณก็ไม่มาเปิด"
ฉันแอบดีใจที่ตัวเองยังมีไหวพริบรวดเร็วและรีบเปลี่ยนบ้าน ไม่เช่นนั้นฉันคงถูกฉินจวิ้นเฟยตามรังควานไม่หยุด
"ฉันย้ายบ้านแล้ว" ฉันพูดเบาๆ พลางจ้องไปที่กระถางต้นไม้ริมหน้าต่างระเบียง
ฉันชอบบ้านหลังนี้มาก มีกลิ่นไอราวกับอยู่บ้านจริงๆ
"ย้ายบ้านแล้ว?" ฉินจวิ้นเฟยตกตะลึงชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง "ลั่วอีอี เธอหลอกผมงั้นหรอ?"
มีเสียงดัง "ปัง" และฉันรีบถือโทรศัพท์ให้ห่างจากหู ฉันนึกภาพออกว่าฉินจวิ้นเฟยต้องกำลังโกรธมากจนทำให้เขาแทบพังประตู
ฉันรู้สึกรังเกียจพฤติกรรมของเขามาก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอดทนของฉันแข็งแกร่งขึ้นหรือเปล่า ฉันว่าฉินจวิ้นเฟยตอนนี้ดูเหมือนยิ่งอยู่ยิ่งโกรธง่ายจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
"คุณอยู่ไหน? เมื่อวานคุณจงใจพูดเรื่องพวกนั้นเพื่อหลอกผมใช่ไหม?"
ฉินจวิ้นเฟยที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์พูดด้วยความโกรธและเอาแต่ตะโกนด่าฉัน ฉันเม้มริมฝีปากและปล่อยให้เขาตะโกนแบบนั้นจนเขาหยุดและฉันก็ถามอย่างเฉยเมยว่า "คุณหย่าแล้วหรอ?"
เสียงด่าในโทรศัพท์หยุดลงทันทีและฉันพูดต่อ: "ฉันเคยพูดแล้ว ฉันไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการแต่งงานของพวกคุณ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือมือที่สาม ดังนั้นฉันจะไม่มีวันเป็นคนแบบนั้น!"
"ฉินจวิ้นเฟย ฉันบอกคุณชัดเจนมากแล้ว ถ้าคุณหย่ากับจิ้นเหวินเชี่ยนเราค่อยติดต่อกันอีกครั้ง ฉันไม่ดีเหมือนจิ้นเหวินเชี่ยน ถ้าคุณต้องการหาผู้หญิงที่ไม่สนใจเรื่องคุณจะนอกใจหรือเปล่า ก็เป็นสามีของจิ้นเหวินเชี่ยนต่อไปเถอะ อย่ามารังควานฉันอีก! "
ฉันวางสายโดยไม่รอฉินจวิ้นเฟยตอบ สายตาหันไปเล็กน้อยจากนั้นก็เลื่อนไปดูแจ้งเตือนการข้อเป็นเพื่อนในวีแชท
ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนที่เพิ่มฉันจะต้องเป็นหมายเลขของจิ้นเหวินเชี่ยน หรือไม่อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็คือหมายเลขของจิ้นเหวินเชี่ยน ไม่เช่นนั้นจะมีคนจำนวนมากมาเพิ่มฉันเป็นเพื่อนโดยไม่มีเหตุผลเพื่ออะไร
แน่นอนว่าข้อความที่พึ่งตอบรับเป็นเพื่อน ก็มีหมายเลขหนึ่งส่งข้อความมาทันที