ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 616 แยกตัว
บทที่ 616 แยกตัว
…………….
บทที่ 616 แยกตัว
“ตึง!”
“ฟึ่บ!”
ขณะทหารม้าโลกอสูรเข้ามาใกล้ นักรบโลกอสูรที่คอยช่วยสกัดกั้นเอาไว้รอบรถลากจึงเข้าต้านรับ พวกมันเริ่มต่อสู้กับทหารม้าโลกอสูรที่ไล่ตามมา
“พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”
ทหารม้าโลกอสูรที่ไล่ตามมาทันถึงกับฉงนและสงสัยว่าตอนนี้เป็นเรื่องราวอะไร ที่คนของโลกอสูรเช่นพวกมันมาช่วยมนุษย์ที่เกลียดชัง
นักรบโลกอสูรที่อู๋ฝานอัญเชิญมาย่อมไม่คิดสนใจคำถามของทหารม้าโลกอสูร พวกมันใช้อาวุธในมือฟันอย่างไม่ปรานีหรือรีรอ
“จัดการ! พวกมันไม่ใช่นักรบโลกอสูรอีกต่อไปแล้ว พวกมันโดนมนุษย์ล้างสมอง!” ท่ามกลางนักรบโลกอสูรที่ไล่ตามมา หัวหน้าหน่วยย่อยเผยเสียงอันเย็นยะเยือกขณะมองนักรบโลกอสูรที่กำลังช่วยปกป้องพวกอู๋ฝาน
“ฆ่า!”
นักรบโลกอสูรที่ถูกอัญเชิญมาไม่ตระหนกแม้ถูกโหมโจมตีเข้าใส่ เพราะพวกมันเหล่านี้ถูกอัญเชิญออกมา อย่างไรเมื่อหมดเวลาก็ต้องหายไป ดังนั้นพวกมันจะเป็นตายยังไงอู๋ฝานไม่คิดใส่ใจ
คนของโลกอสูรมีความเหี้ยมโหดอยู่แล้ว ขณะนี้เมื่อชายหนุ่มสั่งให้ฆ่า พวกมันจึงยิ่งพร้อมที่จะต่อสู้อย่างรุนแรงโดยไม่สนสิ่งอื่นใด
“หลีกไป!”
ขณะนักรบโลกอสูรและทหารม้าโลกอสูรกำลังต่อสู้กันอยู่ ลั่วหยางก็ควบคุมรถลากอย่างเร่งรีบฝ่าฝูงชนออกไปไกล ความเร็วจากที่เคยเชื่องช้าตอนนี้เริ่มรวดเร็วมากขึ้นแล้ว
ท่ามกลางฝูงชน ทหารม้าโลกอสูรที่มีรูปลักษณ์คล้ายสัตว์กำลังมองรถลากของพวกอู๋ฝานด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะขยับขาควบม้าพุ่งทะยานออกมาเพื่อไล่ตาม ด้านหลังของพวกอู๋ฝานจึงมีทหารม้าโลกอสูรราวห้าสิบคนกำลังตามมาอย่างกระชั้นชิด
คนในรถลากที่กล้าล้างสมองเผ่าพันธุ์ของพวกมันมีชะตาจะต้องตาย!
“เฮ้อ ในที่สุดก็ปลอดภัย” ลั่วหยางที่ควบคุมรถลากเดินทางถอนหายใจโล่งอกยามเห็นว่าออกมาไกลจากฝูงชนได้แล้ว
“เป็นอะไรกันหรือไม่?” อูหย่าและลั่วเยวี่ยที่อยู่ด้านในรถลากชะโงกออกมาเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไร” อู๋ฝานเก็บกระบี่ยาวของตนเองไป
“ข้าเองก็ไม่…” ลั่วหยางยังพูดไม่ทันจบดี ลูกธนูพลันยิงออกมาจากด้านข้างและด้านหลัง ลูกธนูสีดำนี้แม่นยำปักลงเข้าที่เอวและท้องของลั่วหยาง
“อ๊าก!”
ลั่วหยางแผดร้องออกมาพร้อมสีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ร่างของเขาโอนเอนไปมา ทว่าก็ยังคงคุมบังเหียนม้าเอาไว้
“ลั่วหยาง!”
“ลั่วหยาง!”
ทั้งอู๋ฝานและลั่วเยวี่ยต่างอุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน
จากนั้นชายหนุ่มจึงคว้าบังเหียนออกจากมือของลั่วหยางและหันไปบอกกับลั่วเยวี่ย “รับตัวลั่วหยางเข้าไปรักษา”
“เจ้าค่ะ” ลั่วเยวี่ยรับคำขณะดึงร่างลั่วหยางกลับเข้าไปในรถลาก
อู๋ฝานหันหน้ามองไปด้านหลังขณะควบคุมม้าให้มุ่งไปด้านหน้า
ทันทีที่หันมองกลับไป ลูกธนูพลันพุ่งเฉียดแก้มของเขา หากลูกธนูเคลื่อนแนวยิงอีกเล็กน้อย มันคงทะลุศีรษะของตนไปแล้ว
แม้อู๋ฝานจะค่อนข้างระวัง แต่ก็ยังต้องตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทว่าหางตาของเขาก็ยังเห็นว่าด้านหลังเกิดเรื่องราวใดขึ้น
ด้านหลังรถลากคือทหารม้าโลกอสูรหลายสิบคนกำลังควบม้าไล่ตามมา ผู้นำของพวกมันถือธนูยาวไว้ในมือ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ยิงลูกธนูทั้งสองครั้งเมื่อครู่นี้
ทหารม้าโลกอสูรยังไล่ตามมา!
“เพียะ!”
“ไป!”
หลังอู๋ฝานทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น เขาก็ใช้แส้ฟาดม้าอย่างรุนแรงเพื่อเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกสงสารม้าอีกต่อไปแล้ว
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!”
เสียงวัตถุขนาดเล็กแหวกสายลมยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทหารม้าโลกอสูรที่อยู่ด้านหลังยังคงโน้มคันธนูและยิงลูกธนูออกมา พวกมันเหล่านี้แข็งแกร่ง ทั้งยังขี่ม้าได้เก่งกาจจนสามารถยิงธนูจากบนหลังม้าได้ แม้จะขี่ด้วยความเร็วสูงแล้ว แต่ลูกธนูเหล่านั้นก็ยังคงสามารถเล่นงานรถลากของอู๋ฝาน
ขณะนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองกลุ่มยังค่อนข้างมาก หากเมื่อใดระยะห่างเริ่มลดลงมา ชายหนุ่มทราบดีว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไงโดยไม่ต้องเสียแรงคิดด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าความเร็วของรถลากไม่มีทางเทียบได้กับทหารม้าที่อยู่ด้านหลัง ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องถูกตามทัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นอู๋ฝานจึงเอ่ยขึ้น “อูหย่า เจ้าขับรถม้าเป็นหรือไม่?”
“เป็น!” อูหย่าที่อยู่ด้านในกำลังช่วยลั่วเยวี่ยรักษาบาดแผลให้ลั่วหยาง หลังได้ยินคำถามของอู๋ฝานจึงรีบตอบรับทันที
“เจ้ามาขับแทนข้า ข้าจะล่อพวกมันไป!” อู๋ฝานเอ่ยบอก
“เจ้าจะล่อพวกมันลำพังหรือ? มันอันตรายเกินไป!” อูหย่าตะโกนตอบ
แม้นางจะไม่ทราบว่าสถานการณ์ด้านหลังเป็นยังไง แต่แค่คิดก็ทราบว่าคงมีคนไล่ตามมาเป็นจำนวนมาก หากปล่อยให้อู๋ฝานออกไปรับศึกเพียงลำพัง มันนับเป็นเรื่องที่อันตรายจนเกินไป
“ไม่เป็นไร ข้ามีทางหนี” อู๋ฝานตอบกลับอย่างหนักแน่น “พวกเจ้าไปรอคอยข้าที่เทศมณฑลทางด้านหน้า แล้วค่อยเจอกันอีกครั้ง”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้จะต้องเรียบร้อย รีบไป!” ชายหนุ่มย้ำบอกด้วยเสียงอันดัง
“ได้!” อูหย่าตอบรับพร้อมออกมาจากด้านในรถลาก ก่อนจะคว้าบังเหียนและแส้เพื่อควบคุมม้าแทนอู๋ฝาน
อู๋ฝานขยับตัวไปด้านข้าง ก่อนจะเก็บกระบี่และคันธนูไปและบอกกับคนทั้งสาม “พวกเจ้าระวังตัวกันด้วย”
“นายท่านเองก็ระวังด้วย”
“อู๋ฝาน เจ้าต้องไม่เป็นไร!”
เขาพยักหน้าตอบก่อนจะกระโดดลงจากรถลาก พร้อมม้วนตัวกลิ้งกับพื้นหลายครั้งจนสุดท้ายลุกขึ้นยืน
“ไป!”
อูหย่าหันมองอีกฝ่ายด้วยความกังวล ทว่าแส้ในมือก็ยังคงฟาดม้าจากไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มทหารม้าโลกอสูรที่ไล่ตามได้เป็นประจักษ์พยานเรื่องราวและเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย ทว่าเป้าหมายของพวกเขายังคงเป็นรถลาก ในความเห็นของพวกเขา คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจะต้องไม่สำคัญเท่าคนที่ได้รับการปกป้อง
แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้รังเกียจจะฆ่าคนที่บ้าขนาดมาขวางทางพวกตน
อู๋ฝานคุกเข่าลงกับพื้นครึ่งตัวก่อนจะตั้งลูกธนูกับคันธนู ขณะนี้เองที่ลูกธนูถูกยิงออกไปยังทหารม้าโลกอสูรที่ไล่ตามมาด้านหลัง
“ฟึ่บ!”
“ตึง!”
บุคคลโชคร้ายที่ถูกยิงหล่นลงจากหลังม้า ทหารม้าที่ตามหลังมาไม่ทันตอบสนอง จนสุดท้ายเหยียบย่ำพวกเดียวกันจนตายคาที่ ผู้ตายไม่มีเวลาหรือโอกาสที่จะได้แผดเสียงร้องใดด้วยซ้ำ
“ฟิ้ว!”
ธนูถูกยิงออกอีกครั้งหนึ่ง แต่ลูกธนูครั้งนี้พลาดเป้าหมาย มันไม่เข้าเป้าและพุ่งผ่านทหารม้าไป
“วิชายิงธนูระดับสูงยังดีไม่พอจริง ๆ ด้วย” อู๋ฝานคร่ำครวญกับระดับวิชายิงธนูของตนเองอีกครั้งหนึ่ง
แน่นอนว่าขณะบ่นอยู่นั้น เขาก็ไม่ได้หยุดการโจมตีแต่อย่างใด
ขณะทหารม้าโลกอสูรที่ไล่ตามมาอยู่ห่างออกไปน้อยกว่าสิบห้าจั้ง อู๋ฝานก็ยิงอีกครั้งและสังหารไปได้สามคน แน่นอนว่าทางฝั่งนั้นก็ยิงตอบโต้มาเช่นกัน ทว่าเขาสามารถหลบเลี่ยงได้ทั้งหมด
เป้าหมายของผู้นำหน่วยทหารม้าโลกอสูรไม่ใช่อู๋ฝาน ดังนั้นมันจึงส่งลูกน้องออกมาฆ่าชายหนุ่มให้จบเรื่อง ขณะที่กองกำลังหลักยังคงไล่ตามรถลากไปอย่างต่อเนื่อง
“ประมาทฉันมากเกินไปแล้วมั้ง?” อู๋ฝานย่อมเห็นว่าทหารม้าโลกอสูรเหล่านี้คิดจะทำอะไรจึงพึมพำออกมา
ขณะนี้เองที่ทหารกบฏและทหารราชสำนักแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิงทั้งสี่สิบคนพลันปรากฏตัวข้างกายชายหนุ่ม!
ผู้คนเหล่านี้ที่ปรากฏอย่างกะทันหันขัดขวางเส้นทางของทหารม้าโลกอสูรไม่ให้ผ่านไป หากพวกมันอยากจะไล่ตามรถลากต่อ ก็จำเป็นต้องผ่านคนเหล่านี้ไปให้ได้เสียก่อน
…………….