ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 615 ทหารม้าโลกอสูร
บทที่ 615 ทหารม้าโลกอสูร
…………….
บทที่ 615 ทหารม้าโลกอสูร
“เฮ้ย มันอยู่นี่!”
ขณะอู๋ฝานปรากฏตัวจากพื้นดินอีกครั้ง และก็บังเอิญเป็นช่วงที่มีทหารกองทัพกบฏอยู่ตรงหน้าพอดี อีกฝ่ายที่เห็นคนปรากฏตัวขึ้นจากพื้นถึงกับตื่นตระหนกจนร้องเสียงดัง
ชายหนุ่มคว้าร่างศัตรูด้วยมือข้างหนึ่งก่อนจะใช้มีดแทงหน้าท้องอีกฝ่าย สีหน้าแตกตื่นเมื่อครู่จึงถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายหมดลมหายใจ เขาจึงมองหาเป้าหมายใหม่
ขณะนี้สมรภูมิสู้รบยังคงดำเนินอย่างดุเดือด ทหารของหลางเหยี่ยกำลังปิดล้อมพวกอูหย่าเอาไว้ โชคดีที่นักรบโลกอสูรช่วยคุ้มกัน พวกอูหย่าจึงยังอยู่รอดปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายใด ๆ กระทั่งใช้นักรบโลกอสูรเป็นโล่เพื่อสังหารทหารกองทัพกบฏ
ตอนนี้เองที่พวกเขาพบว่านักรบโลกอสูรไม่มีท่าทีคิดจะทำอะไรพวกตน บางครั้งขณะเผชิญหน้าอันตราย พวกมันยังเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือเสียด้วยซ้ำ ถึงขนาดทำให้คนทั้งสามต้องประหลาดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เพราะการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างรุนแรง มันทำให้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้กันมากนัก
อู๋ฝานไม่คิดเสียเวลาและเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เตรียมประกาศเรื่องการลอบสังหารหลางเหยี่ยให้กลุ่มคนได้ทราบ
แต่ก่อนชายหนุ่มจะทันได้พูดอะไร กลับมีเสียงฝีเท้าของม้าดังมาจากระยะไกล ครั้งนี้เป็นเสียงฝีเท้าของม้าที่ดังและทรงพลังยิ่งกว่าครั้งก่อน
อู๋ฝานหันมองไป คิ้วของเขาพลันต้องขมวดพร้อมเผยสีหน้าเคร่งเครียด
เพราะบรรดาผู้ที่มาใหม่ตนรู้จักดี พวกมันสวมชุดของนักรบโลกอสูร
กลุ่มคนจากโลกอสูรกำลังขี่ม้าเข้ามาพร้อมชุดเกราะสีดำ พวกมันไม่เหมือนกองทหารม้าของหลางเหยี่ย แค่ขนาดก็แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ม้าของกองทหารม้าโลกอสูรมีขนาดไล่เลี่ยกัน พวกมันวิ่งห้อตะบึงมาด้วยความรวดเร็ว ทั้งยังเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบและพร้อมเพรียง เสียงฝีเท้าของพวกมันแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกันจนเกิดเป็นท่วงทำนองประหนึ่งมีทหารม้าเพียงผู้เดียวที่กำลังควบขี่
กองทัพโลกอสูรยังไม่ทันมาถึง แต่แรงกดดันที่พวกมันเผยออกมาทรงอำนาจมากพอที่จะทำให้ผู้คนตื่นตะลึง
และที่ทำให้อู๋ฝานเกิดร้อนรนยิ่งกว่า คือการที่ทหารม้าโลกอสูรเหล่านี้มาราวสองร้อยคน!
“พวกชุดดำมันโผล่มาอีกแล้ว!”
“ระวังด้วย เตรียมปะทะศัตรู!”
“ระวังศัตรูทางด้านหลัง!”
ทหารม้าโลกอสูรเดินทางมาด้วยเสียงอันดังและยิ่งใหญ่ คนของหลางเหยี่ยที่พบว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาเพิ่มขึ้น ขณะนี้จึงเริ่มแตกตื่น
พวกเขาเพิ่งจะสู้กับนักรบโลกอสูรของอู๋ฝาน พร้อมกับทราบว่าพวกคนในชุดดำเหล่านี้แข็งแกร่งแค่ไหน และยากที่จะเล่นงานเพียงใด แม้จะมีกันเพียงยี่สิบก็ทำให้พวกเขาประสบปัญหา กระทั่งเกิดผู้ที่บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันปรากฏกลุ่มคนชุดดำมาอีกร่วมสองถึงสามร้อยคน พวกเขาจะสู้ยังไงไหว?
คนของหลางเหยี่ยแตกตื่น พวกเขามองยังตำแหน่งที่หลางเหยี่ยเคยอยู่ เพราะต้องการได้ยินคำสั่งว่าผู้นำจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป
แต่เมื่อมองไปยังทิศทางที่ควรจะมีผู้นำของตนเองอยู่ พวกเขากลับต้องชะงักเพราะได้เห็นร่างของหลางเหยี่ยถูกดาบใหญ่ปักร่างกับพื้นและนอนแน่นิ่ง ข้างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือดไหลเจิ่งนอง
นี่มัน…
“หัวหน้าตายแล้ว?!”
ไม่ทราบว่าใครเป็นคนตะโกน แต่มันเป็นการปลุกทุกคนให้ได้สติ
“หัวหน้าตายแล้ว!”
“ทุกคนรีบหนี หัวหน้าโดนฆ่าแล้ว!”
“หัวหน้าโดนฆ่าตายแล้ว พี่น้องรีบหนีเร็วเข้า!”
หลังหลางเหยี่ยถูกสังหาร อาการตอบสนองของกลุ่มคนไม่ได้เกินกว่าที่อู๋ฝานคาดคิดไว้ กองทัพกบฏพังทลายในพริบตา แน่นอนว่านอกจากพวกเขาจะไม่มีระเบียบแล้ว การปรากฏอย่างกะทันหันของทหารม้าโลกอสูรจำนวนมากก็ยังเป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่
เมื่อเผชิญหน้ากับกองทหารม้าโลกอสูรที่บุกเข้าหา กลุ่มคนก็แตกตื่น ขณะหวังไปพึ่งผู้นำก็พบว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว พวกเขาที่คิดอะไรไม่ออกจึงต้องหลบหนีออกจากสถานที่อันตรายแห่งนี้เสียก่อน ทั้งคณะกบฏพังทลายในชั่วพริบตา ก่อนจะกระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ เหมือนตอนที่เหล่าผู้อพยพหลบหนีเพราะกองทัพกบฏไม่มีผิดเพี้ยน
โดยแก่นแท้แล้ว ทหารกบฏเหล่านี้และผู้อพยพแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน
“ดีจริง ๆ กองทัพโลกอสูรปรากฏตัวอีกแล้ว พวกกบฏต้องจบสิ้นกันหมดแน่!” หลังเห็นกองทัพโลกอสูรมาเยือน อูหย่าเกิดความยินดี เนื่องจากนักรบโลกอสูรยี่สิบคนเหล่านี้ช่วยพวกเขาเอาไว้มาก ขณะนี้ปรากฏกำลังเสริมมาเพิ่ม ทหารกบฏย่อมไม่มีโอกาสรอดชีวิตไปจากสมรภูมิ
ทั้งลั่วเยวี่ยและลั่วหยางต่างก็เผยอาการยินดีออกมาเช่นกัน
ทว่าสีหน้าท่าทีของอู๋ฝานกำลังเคร่งเครียด
“รีบขึ้นรถลากเร็วเข้า พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่!” อู๋ฝานรีบบอกคนทั้งสาม
“เป็นอะไรไป?” อูหย่าถามขณะเห็นอาการเคร่งเครียดผ่านทางสีหน้าของชายหนุ่ม
“ทหารม้าโลกอสูรพวกนี้อันตรายเกินไป พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” อู๋ฝานตอบ
“แต่พวกมันเพิ่ง…” อูหย่ากำลังจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“นั่นมันเมื่อกี้” เขาทะยานตัวขึ้นรถลากพร้อมดึงตัวอูหย่าขึ้นไป “นักรบโลกอสูรเมื่อครู่กับทหารม้าโลกอสูรที่มาใหม่ไม่น่าจะใช่พวกเดียวกัน!”
“พวกมันไม่ใช่พวกเดียวกัน? ไม่ใช่ผู้คนบอกเล่าว่าโลกอสูรเป็นหนึ่งเดียวกันที่สุด? พวกมันแบ่งออกเป็นหลายฝักฝ่ายงั้นหรือ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความงุนงง
อู๋ฝานดึงตัวลั่วหยางและลั่วเยวี่ยขึ้นมาก่อนจะตอบกลับ “เรื่องราวไม่แน่ชัด พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน”
“อา…” อูหย่าหยุดซักถาม นางเห็นว่าอู๋ฝานไม่ได้ล้อเล่นจึงเข้าใจดีว่าสถานการณ์เร่งด่วนและเคร่งเครียดแค่ไหน
“ลั่วหยางไปขับรถลาก ส่วนลั่วเยวี่ยกับอูหย่าอยู่ในรถลาก แต่อย่าอยู่ชิดผนังรถ” อู๋ฝานบอก
“ทราบแล้ว” คนทั้งสามตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
“รีบไป!” ลั่วหยางสะบัดแส้ฟาดม้าเป็นการเร่งให้พวกมันห้อตะบึงออกไปด้วยความเร็ว แต่เพราะมีผู้คนกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปหมด ไม่ว่าจะผู้อพยพหรือว่าทหารกองทัพกบฏ ดังนั้นระยะหนึ่งจึงยังไม่อาจเร่งความเร็วได้มากนัก
อู๋ฝานถือกระบี่ยาวเอาไว้ในมือขณะนั่งข้างลั่วหยาง สายตาของเขากำลังมองรอบด้านด้วยความระแวดระวังเต็มที่ หน้ารถลากมีนักรบโลกอสูรที่ถูกอัญเชิญออกมา พวกมันรับหน้าที่เปิดทางให้รถลากเคลื่อนตัวออกไป
ขณะนี้เองที่ทหารม้าโลกอสูรมาถึงพื้นที่ที่มีกลุ่มคนอยู่ เพียงบุกเข้ามา ดาบใหญ่ในมือของพวกมันก็เงื้อสูงฟาดฟันผู้คนโดยไม่ลังเล ชั่วพริบตาจึงปรากฏเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับกองทหารม้าโลกอสูร ไม่ว่าจะเป็นทหารกองทัพกบฏหรือผู้อพยพที่ผ่ายผอมก็ไม่อาจต่อต้าน
รถลากยังคงเคลื่อนตัวออกไปท่ามกลางผู้คน ยามนี้ทหารม้าโลกอสูรเห็นรถลากแล้ว พวกมันเริ่มยิงธนูมุ่งมาทางด้านนี้
“ระวัง!”
อู๋ฝานใช้กระบี่ตัดลูกธนูที่พุ่งเข้าหาลั่วหยาง ขณะนี้เด็กชายกำลังเผยสีหน้าซีดเผือด ร่างกายแข็งค้าง สายตามองเพียงด้านหน้าพร้อมควบคุมรถลากให้เดินทาง
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!”
ลูกธนูจำนวนมากเริ่มปักเข้าใส่ผนังของรถลาก พวกมันทะลุเข้าไปด้านในได้ระดับหนึ่ง โชคดีที่ทั้งอูหย่าและลั่วเยวี่ยได้อู๋ฝานเตือนเอาไว้ก่อนหน้า ดังนั้นธนูพวกนี้จึงไม่ได้ทำให้พวกนางได้รับบาดเจ็บ ทว่าก็มากพอที่จะทำให้ตื่นตกใจ
“ไล่ตามไป!”
หลังเห็นลูกธนูเล่นงานไม่สำเร็จ ทหารม้าโลกอสูรจึงเริ่มแบ่งคนเป็นกลุ่มและไล่ตามพวกอู๋ฝานไป
…………….