ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 612 อูหย่าและลั่วเยวี่ยลงมือ
บทที่ 612 อูหย่าและลั่วเยวี่ยลงมือ
…………….
บทที่ 612 อูหย่าและลั่วเยวี่ยลงมือ
“อะไรที่ควรเกิดก็เกิดขึ้นแล้ว” อู๋ฝานมองหลางเหยี่ยที่ชี้นิ้วมาทางพวกตนและสั่งการ แม้ไม่ได้ยินว่าสั่งอะไร แต่มันคงเป็นเนื้อหาที่สามารถเดาได้
แน่นอนว่าหลังหลางเหยี่ยสั่งการจบ กลุ่มทหารม้าราวสี่ถึงห้าคนก็ควบม้าบุกเข้ามา
“หลีกทาง ไสหัวไป!”
“ไปให้พ้น!”
ทหารม้าที่บุกเข้ามาใช้แส้และดาบใหญ่สังหารเหล่าผู้อพยพที่ขวางทาง พวกเขาเหล่านั้นที่ตื่นตระหนกอยู่แล้ว ขณะนี้จึงยิ่งตื่นตระหนกจนหนีหายยิ่งกว่าแมลงวันไร้หัว
เพราะความหวาดกลัวและถูกคนอื่นขวางทาง จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้อพยพหลายส่วนซึ่งอยู่ระหว่างรถลากและหน่วยทหารม้าจะสามารถหลบเลี่ยงได้ หากพวกเขาโดนแส้ฟาดยังไม่เป็นไรเพราะสามารถอดกลั้นต่อความเจ็บปวดได้ แต่ถ้าถูกดาบใหญ่ฟันคงบาดเจ็บหนักจนถึงแก่ความตาย ในยุคที่การแพทย์และยายังไม่พัฒนาสักเท่าไหร่ หากได้รับบาดเจ็บโดยอาวุธมีคม ต่อให้ไม่ตายก็ยากที่จะฟื้นฟูให้หายดีในภายหลัง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเหล่านี้ยังเป็นผู้อพยพ แม้กระทั่งอาหารยังไม่มีให้ทาน เสื้อผ้าก็ไม่มีให้สวม ความแข็งแรงของร่างกายเสื่อมถอยจนอ่อนแรง ถ้าคิดจะรักษาตัวก็แทบเป็นไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่โดนอาวุธมีคมจากหน่วยทหารม้าเล่นงาน หลังจากนั้นจะมีชะตาอย่างไรก็คงทราบได้
“ไอ้พวกสารเลว!” ลั่วเยวี่ยเห็นกัดฟันแน่น นางกำลังโกรธจัด เพราะตนและลั่วหยางก็เคยมีสภาพไม่ต่างอะไรกับผู้อพยพเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงตระหนักถึงความแร้นแค้นและยากลำบากที่ผู้อพยพต้องเผชิญได้ดี
“ลงมาจากรถลากเสีย! ส่งรถลากนั่นและทรัพย์สินที่มีมาให้หมด!” กลุ่มทหารม้าสามารถเบิกทางผ่านฝูงชนจนมาถึงรถลากได้ในเวลาสั้น ๆ
ในยุคที่ม้ามีค่ายิ่งกว่าทอง ผู้คนที่สามารถครอบครองรถลากเทียมม้าได้คือผู้มั่งมีหรือชนชั้นสูง ดังนั้นทหารม้าเหล่านี้และหลางเหยี่ยจึงคิดว่าบุคคลในรถลากจะต้องร่ำรวยมหาศาล เหยื่อก้อนโตเช่นนี้พวกเขาจะไม่มีทางปล่อยให้หลุดรอด
“หือ? สวยดีนี่!”
ขณะอูหย่าและลั่วเยวี่ยลงมาจากรถลาก ทหารม้าหลายคนก็จ้องจนดวงตามันวาว พวกเขาเหล่านี้แทบไม่ต่างอะไรกับคนเถื่อน ดังนั้นจึงมีความกระหายอันดิบเถื่อนตามไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีผู้นำที่ดิบเถื่อนและกระหายยิ่งกว่า พวกเขาจึงแทบไม่เหลือผู้หญิงตกมาถึงมือ
ทว่าผู้หญิงทั้งหลายที่เคยตกอยู่ในกำมือของพวกเขาก่อนหน้านี้ หากเทียบเปรียบกับอูหย่าและลั่วเยวี่ยถือว่าด้อยกว่าทั้งสิ้น โดยเฉพาะอูหย่าที่แม้จะซ่อนความสูงส่งจากกายเอาไว้แล้ว ทว่ามันก็ยังไม่ใช่อะไรที่สตรีสามัญชนจะเทียบได้
ดังนั้นตอนได้เห็นคนงามทั้งสอง พวกเขาเหล่านี้จึงชะงักงันไปครู่หนึ่ง
“ทุกคนยืนนิ่ง! ข้าจะค้นตัวพวกเจ้า!”
“ใช่แล้ว ต้องค้นตัว อย่าคิดจะแอบซ่อนสิ่งของอะไรเอาไว้เชียว!”
พวกเขาเหล่านี้ทราบว่าสตรีโฉมงามย่อมตกเป็นของหลางเหยี่ย และจะไม่มีส่วนที่เหลือตกมาถึงพวกตน ดังนั้นช่วงเวลานี้คือโอกาสดีที่ควรจะฉกฉวยเอาไว้ก่อน
ทั้งอูหย่าและลั่วเยวี่ยต่างยืนนิ่งคล้ายกำลังให้ความร่วมมือ กลุ่มทหารม้าเหล่านี้ไม่คิดอะไรอื่นให้มากความ ในความเห็นของพวกเขา คนทั้งสองคงจะตื่นตระหนกจนขยับตัวไม่ได้ สิ่งนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติที่ควรจะเกิดขึ้น
ขณะนี้พวกเขาลงจากหลังม้าเตรียมจะทำการค้นตัว
“คนงาม ของหายากเลยทีเดียว”
“จริงด้วย ลูกสาวตระกูลร่ำรวยที่จับตัวมาก่อนหน้านี้ยังไม่ดูดีเท่านี้เลย”
“ครั้งนี้หัวหน้าโชคดีเกินไปแล้ว”
กลุ่มทหารม้าเดินเข้าหาอูหย่าและลั่วเยวี่ยพลางพูดคุยและหัวเราะ ถ้อยคำของพวกเขาเต็มไปด้วยการดูหมิ่นและเหยียดหยาม แน่นอนว่ายังรวมถึงความริษยาต่อหลางเหยี่ยด้วย
กลุ่มคนไม่คิดว่าสองสาวงามตรงหน้าจะขัดขืนอะไรพวกตนได้
“ฟึ่บ!”
ขณะกลุ่มคนเดินเข้ามาและเตรียมยื่นมือไปตรวจค้นร่างกาย ทันใดนั้นเองที่อูหย่าและลั่วเยวี่ยต่างก็ชักมีดสั้นของตนออกมาแทงใส่ทหารม้าทั้งสองคนพร้อมกัน
คนทั้งสองไม่ได้เตรียมรับเรื่องราวเหล่านี้ ในสายตาของพวกเขา ผู้อื่นต่างแสนจะอ่อนแอและไร้พิษภัย โดยเฉพาะกับหญิงงามที่ไม่น่าจะมีเรี่ยวแรง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดใช้เวลาที่มีตักตวงความสุข
ด้วยเหตุนี้ตอนที่อูหย่าและลั่วเยวี่ยชักมีดออกมา เป้าหมายทั้งสองจึงไม่ทันรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“ฉึก!”
“ฉึก!”
เสียงมีดทั้งสองแทงปักเข้าคอแทบจะในเวลาเดียวกัน มีดของอูหย่าและลั่วเยวี่ยแทงใส่คอของเป้าหมายอย่างแม่นยำและไร้ที่ติ
“อะ…” รอยยิ้มของคนทั้งสองแข็งค้าง พวกเขามองอูหย่าและลั่วเยวี่ยราวกับไม่เชื่อสายตาตนเอง
“ฉึก!”
ทั้งอูหย่าและลั่วเยวี่ยต่างก็ดึงมีดของตนกลับแทบจะในเวลาเดียวกัน เลือดจึงพุ่งจากลำคอประหนึ่งน้ำพุสีชาด คนทั้งสองพลันต้องใช้มือปิดคอของตนเองโดยไม่รู้ตัว แต่แม้จะทำแบบนั้นเลือดก็ไม่หยุดพวยพุ่ง
อูหย่าและลั่วเยวี่ยที่เปิดเผยอาวุธออกมารีบหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายและแทงใส่ทหารม้าอีกสองคนด้วยอาวุธเล่มเดิม จากการโจมตีครั้งที่หนึ่งสู่ครั้งที่สอง มันเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ทหารม้าอีกสองคนยังไม่ทันจะรู้ตัว หลังตื่นตระหนกกับภาพของเพื่อนพ้องได้ไม่นาน ก็พบว่าพวกตนถูกอูหย่าและลั่วเยวี่ยแทงเล่นงานเข้าเสียแล้ว
คนทั้งสองลงมีดอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่คอทว่าเป็นตำแหน่งหัวใจ แม้จะเปลี่ยนตำแหน่ง แต่ความร้ายแรงถึงตายไม่เปลี่ยนแปลง
ตอนที่อูหย่ายังเป็นองค์หญิงแห่งหนานปิง นางมักจะชอบร่ายรำพร้อมกับเล่นไม้พลองไปด้วย บ่อยครั้งก็ออกไปฝึกฝนภายนอก ทำให้มีประสบการณ์ต่อสู้จริงโชกโชน ถึงขนาดสามารถสังหารผู้อื่นได้โดยไม่กะพริบตา
ส่วนลั่วเยวี่ย แม้ไม่ได้มีประสบการณ์มากมายเหมือนอูหย่า แต่นางก็ติดตามพวกอู๋ฝานออกไปล่ามอนสเตอร์ตั้งแต่ยังอยู่หมู่บ้านเร้นลับ ดังนั้นจึงมีประสบการณ์การต่อสู้อยู่พอสมควร เมื่อเด็กสาวได้เรียนรู้วิชายอดศัสตราวุธ ความก้าวหน้าในวิชาของนางก็มากกว่าผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่มานครเหยียนหยางก็ได้อูหย่าช่วยฝึกสอนแทบจะทั้งวัน และระหว่างเดินทางไปเมืองหลวง อู๋ฝานก็คอยชี้แนะให้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ทั้งฝีมือและความแข็งแกร่งของลั่วเยวี่ยไม่ใช่อะไรที่สามารถปรามาสได้เลยแม้แต่น้อย
กล่าวคือคนทั้งสองไม่ได้อ่อนแอ อู๋ฝานจึงกล้าที่จะยืนเฉยอยู่แนวหลังเพื่อรับชมด้วยความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของอูหย่าหรือลั่วเยวี่ยก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง การสังหารคนทั้งสี่โดยการลงมือเพียงแค่สองครั้ง นับว่าเป็นการสังหารทหารม้ากลุ่มนี้ได้อย่างหมดจด!
“พวกเจ้า… กล้าดียังไง!”
แม้คนทั้งสี่จะถูกเล่นงานตำแหน่งสำคัญจนไม่อาจรอดพ้นความตาย แต่ขณะนี้ยังคงมีลมหายใจเหลืออยู่ พวกเขาโกรธแค้นและไม่คิดเชื่อ ทั้งยังนึกเสียใจ พวกตนไม่ควรหลงไปกับสาวงามจนคิดว่าพวกนางจะไม่ต่อต้านเลย อีกทั้งอีกฝ่ายยังแข็งแกร่งจนถึงขนาดทำพวกเขาตายได้โดยยังไม่ทันตอบสนองเสียด้วยซ้ำ
“สารเลว! ตายซะ!” ทหารม้าคนที่ยังรอดอยู่รู้สึกตัวและตอบสนอง เขาพยายามเหวี่ยงดาบที่เปี่ยมด้วยโทสะใส่คนทั้งสอง และหมายจะฆ่าฟันเพื่อล้างแค้นให้พวกพ้องทั้งสองคน
อูหย่าเผชิญหน้าไม่ถอยกลับ กระทั่งรุกเข้าหา มีดของนางยื่นออกไปขวางดาบยาวของคู่ต่อสู้เอาไว้ได้ ขณะที่ลั่วเยวี่ยเคลื่อนตัวเข้าหาทางด้านข้างของเป้าหมาย ก่อนจะใช้มีดในมือแทงลำคอชายตรงหน้า
ทหารม้าคนดังกล่าวแตกตื่นและคิดชักดาบกลับมาต้านรับ แต่ขณะถอนดาบกลับมา มีดของอูหย่าก็เแทงอีกครั้งจนปักทะลุหัวใจ!
“ฟึ่บ!”
“ฟึ่บ!”
เสียงสองเสียงดังไล่เลี่ยกัน แม้ทหารม้าที่ยังรอดคนนี้จะต้องการหลบเลี่ยง ทว่าเขาช้าเกินไป สุดท้ายก็โดนมีดของทั้งอูหย่าและลั่วเยวี่ยแทงแทบจะในเวลาเดียวกันจนถึงแก่ความตาย
…………….