ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 610 เจียงอวี่
บทที่ 610 เจียงอวี่
…………….
บทที่ 610 เจียงอวี่
แม้อู๋ฝานจะเคยฆ่าคนไปแล้วมากมาย ทว่าก็ไม่ได้มีนิสัยดุร้ายจ้องแต่จะฆ่า เขาไม่ฆ่าโดยไม่มีเหตุอันควร โดยเฉพาะกับโลกความเป็นจริง ดังนั้นตนจึงไม่คิดฆ่าเจียงอวี่ สิ่งเดียวที่คิดในตอนนี้คือการช่วยสวี่จื่อฉี
แต่เจียงอวี่ไม่ทราบเรื่องเหล่านั้นของชายหนุ่ม อีกทั้งตลอดมาเขายังอยากจะฆ่าอู๋ฝานมาโดยตลอด ดังนั้นจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงกระหายจะฆ่าตัวเองให้พ้นทางเช่นกัน คำพูดที่ออกมาว่าจะไม่ฆ่าเมื่อครู่ สำหรับเขามันก็ไม่ต่างอะไรจากคำโกหก
ดังนั้นเจียงอวี่จึงยิ่งกังวล ขณะเดียวกันเขาก็แค้นอีกฝ่ายจนเกินพรรณนา การที่อีกฝ่ายมองเหยียดหยามและเมินเฉยเช่นนี้ มันยิ่งทำให้เขาเคียดแค้นมากขึ้น
หลังเห็นอู๋ฝานก้มตัวลงเตรียมจะอุ้มสวี่จื่อฉี ประกายความดุร้ายฉายวาบในดวงตาของเจียงอวี่ เขาเอามีดลับที่ซ่อนไว้กับตัวออกมา มันเป็นของที่พ่อของเขาได้มาจากสำนักตะวันเพ็จและส่งต่อมาให้เพื่อเอาไว้ใช้ปกป้องตัวเอง สำหรับตัวเขามันคมกล้าอย่างถึงที่สุด
เจียงอวี่ลุกขึ้นยืนก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาอู๋ฝาน มีดในมือพุ่งออกไปหมายจะแทงคอของชายหนุ่ม
“ตายซะ!” เจียงอวี่พุ่งตัวมาจนถึงด้านหลังของอู๋ฝาน มีดอยู่ห่างจากคอของเป้าหมายเพียงยี่สิบเซนติเมตร สีหน้าและท่าทีตอนนี้กำลังยิ้มยินดีจากการกระทำอันเลวร้าย
แต่เพียงชั่วอึดใจ อู๋ฝานกลับหายไปจากสายตา ขณะเขากำลังมึนงงและมองหาว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ด้านหลังพลันรู้สึกถึงแรงปะทะหนัก ๆ และครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน แรงปะทะมหาศาลทำให้ร่างของเจียงอวี่พุ่งทะยานออกไป
“อั่ก! ช่วยด้วย!”
เจียงอวี่ที่อยู่กลางอากาศทำได้แต่แผดร้องเสียงดัง สายตาเริ่มแตกตื่น เพราะทิศทางที่ร่างของเขากำลังกระเด็นไปคือหน้าต่างห้องที่กระจกแตกไปหมดแล้ว!
อู๋ฝานที่เตะอีกฝ่ายเมื่อครู่ก็ยังต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ เขาไม่ได้คาดว่ามันจะเป็นแบบนี้ เมื่อกี้ตนแค่บันดาลโทสะจนเตะออกไปด้วยแรงที่มากเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่ได้ดูว่าหลังเตะแล้วอีกฝ่ายจะกระเด็นไปทิศทางใด และไม่คิดด้วยว่ามันจะเป็นทางที่เพิ่งใช้เข้ามาเมื่อครู่นี้
โครงสร้างของโรงแรมค่อนข้างแข็งแกร่ง หากเป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้เจียงอวี่วิ่งกระแทกกระจกก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ อย่างมากก็คงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ไม่มีทางที่กระจกจะแตกออกง่าย ๆ แน่นอน
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่ เนื่องจากกระจกหน้าต่างมีรูขนาดใหญ่อยู่ก่อนแล้ว และมันใหญ่พอที่จะให้ตัวชายหนุ่มผ่านออกไปได้ แม้ไม่ทราบว่าหน้าต่างเกิดรูได้ยังไง แต่เขาก็รู้เพียงว่าตอนนี้ตนเองกำลังจะไม่รอด ดังนั้นจึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก
แต่ต่อให้ร้องเรียกไปก็เท่านั้น อู๋ฝานไม่คิดเข้าไปช่วยเหลือแม้แต่น้อย เดิมชายหนุ่มมีเจตนาจะปล่อยอีกฝ่ายไปอยู่แล้ว แต่สุดท้ายเจียงอวี่กลับคิดแทงตนจากด้านหลัง แม้ตนจะไม่ใช่ผู้ที่กระหายเลือดและพร้อมจะฆ่าฟันตลอดเวลา ทว่าก็คงไม่ปล่อยให้คนที่คิดฆ่าตนเองได้มีชีวิตอยู่นานเช่นกัน
“อ๊าก!”
เจียงอวี่แผดร้องเสียงดังออกมาให้ได้ยินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบหายไป อู๋ฝานเดินไปยังหน้าต่างและมองออกไป อีกฝ่ายตกลงไปด้านล่าง ส่วนจะเป็นหรือตายนั้นคงไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องสงสัย อย่างไรที่นี่ก็ชั้นสิบสอง
อู๋ฝานไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเพียงแค่หันไปมองทางสวี่จื่อฉีที่ยังคงไม่ได้สติ และไม่คิดพาเธอกลับไปด้วย ในเมื่อเจียงอวี่ตายแล้วก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องพาเธอไปที่อื่น เพราะหากเธอหายไปคงเกิดเรื่องตามมาอีกมาก ทั้งยังยากจะหาคำอธิบาย
เขาเอาป้ายพาหนะออกมาเปลี่ยนเป็นม้าสีดำตัวเดิมอีกครั้ง ก่อนจะบินผ่านรูตรงหน้าต่างและหายไปในฟากฟ้ายามราตรี
ความตายของเจียงอวี่ถูกพบเห็นในเวลาอันรวดเร็ว มีคนตายใกล้โรงแรมเทียนอวี่ และคนที่ตายก็ยังเป็นคนของตระกูลเจียง เรื่องนี้จึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นช่วงกลางดึก แต่ก็ไม่มีใครสามารถสะกดความร้อนแรงของข่าวคราวนี้ที่แพร่ออกไปทั่วทั้งเจียงโจวได้
“เจียงอวี่ตายแล้ว นายรู้เรื่องนี้รึยัง?” ไม่นานหลังอู๋ฝานกลับมาถึงบ้าน หวังจื่อหมิงก็โทรมาหาเพื่อบอกกล่าว
อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง ข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไปเร็วกว่าที่เขาคาดคิด สุดท้ายจึงตอบกลับ “ไม่รู้เลยครับ เขาตายได้ยังไงเหรอ?”
“ตกลงมาจากชั้นบนของโรงแรมตระกูลเจียง” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “ตระกูลเจียงกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ โรงแรมเทียนอวี่ถูกปิดไม่ให้ใครเข้าออก ก่อนหน้านี้นายมีปัญหากับเจียงอวี่ ฉันเกรงว่าตระกูลเจียงจะสงสัยนายเลยโทรมาบอกให้รู้เอาไว้ก่อน”
“เข้าใจแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยท่าทางสงบ
หลังวางสายหวังจื่อหมิง เขาก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมาย อย่างไรเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีพยานรู้เห็น เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเจียงจะทราบว่าเป็นฝีมือของตน หรือต่อให้ทราบก็ไม่คิดกลัวแม้แต่น้อย เพราะมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่สามารถจัดการได้
ความตายของเจียงอวี่ทำให้ทั้งเจียงโจวเดือดพล่านกลางดึก เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นคนที่มีสถานะค่อนข้างสูง ไม่ว่าใครต่างก็รับรู้ได้ถึงโทสะของตระกูลเจียง อีกทั้งยังเริ่มคาดเดาถึงต้นเหตุความตายของชายหนุ่ม
การฆ่าตัวตายย่อมไม่ใช่คำตอบและไม่มีทางเป็นไปได้ เจียงอวี่ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องฆ่าตัวตาย
ในเมื่อไม่ใช่ฆ่าตัวตายก็มีแต่การฆาตกรรม เจียงอวี่เป็นคนทำอะไรเปิดเผย ทั้งยังมีเรื่องกับผู้คนไปทั่ว ความตายอย่างกะทันหันแบบนี้ย่อมมีรายชื่อผู้ต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก
ขณะที่โลกภายนอกกำลังวุ่นวายเพราะความตายของเจียงอวี่ อู๋ฝานก็เทเลพอร์ตไปยังโลกแห่งเกมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่โลกแห่งเกม พวกอู๋ฝานและอูหย่ากำลังเดินทางสู่อาณาจักรหนานปิง แม้ความเร็วที่ทำได้ในแต่ละวันจะไม่ใช่ช้า แต่อาณาจักรหนานปิงก็อยู่ค่อนข้างไกลจากอาณาจักรเหยียนเฟิง ดังนั้นกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางจึงยังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร
“เหมือนจะเริ่มเห็นผู้อพยพมากขึ้นแล้ว” ลั่วเยวี่ยที่นั่งอยู่ในรถลากกระซิบขณะมองผ่านม่านออกไป ด้านนอกคือกลุ่มผู้อพยพที่เดินอยู่สองข้างทาง
“ยิ่งไปถึงชายแดนเท่าไหร่ก็ยิ่งเห็นคนที่ย่ำแย่มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะคนจากโลกอสูร มอนสเตอร์ หรือกองทัพเพื่อนบ้าน รวมถึงกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยจากประเทศอื่นที่เข้ามาอาละวาด ไม่ว่าอะไรต่างก็เป็นเหตุให้คนธรรมดายากจะอยู่ต่อได้อยู่ดี” อู๋ฝานตอบกลับ
“พี่หญิงอูหย่า อาณาจักรหนานปิงก็มีผู้อพยพจำนวนมากเหมือนกันหรือเจ้าคะ?” ลั่วเยวี่ยเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่มากเท่าที่นี่ แต่ก็มากพอสมควร” อูหย่าตอบกลับ “ปีนี้พวกเราประสบภัยแล้งและอุทกภัยตามสถานที่ต่าง ๆ ในอาณาจักร พืชผลจึงได้รับผลกระทบอย่างหนัก อีกทั้งการบุกโจมตีของอาณาจักรเฮยสุ่ยก่อนหน้านี้ พวกมอนสเตอร์ที่เริ่มดุร้าย รวมถึงกองทัพโลกอสูร สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตของประชาชนอาณาจักรหนานปิงยากจะดำเนินต่อไปได้”
“ยุคแห่งความวุ่นวายเช่นตอนนี้ ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยจริง ๆ หรอก” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
ทั้งอูหย่าและลั่วเยวี่ยต่างพยักหน้ารับ ระหว่างทางพวกเธอได้เห็นภาพผู้คนที่แบกรับความทุกข์มากมายไว้ไม่ใช่น้อยเลย
“พวกกบฏกำลังมา รีบหนี ทุกคนหนี!” ขณะนี้เองที่เสียงตะโกนอันสิ้นหวังดังขึ้นจากนอกรถลาก
“พวกกบฏมาแล้ว! หนี รีบหนี!” ยิ่งผ่านไปนานก็ยิ่งมีคนตะโกนกันมากขึ้น
จากนั้นกลุ่มผู้อพยพที่เดินอย่างช้า ๆ สองฝั่งทางพลันโกลาหลวุ่นวาย พวกเขาต้องการจะหนีให้เร็วที่นสุด แต่เพราะความหิวโหยและร่างกายที่เหนื่อยล้า ทุกย่างก้าวจึงหนักอึ้งจนไม่อาจวิ่งเร็วได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือพยายามฝืนตนเองวิ่งต่อไป
ก่อนหน้านี้กองทัพกบฏเคยเป็นความหวังของผู้คน ทว่าตอนนี้ได้กลายเป็นฝันร้ายของผู้คนแทนแล้ว มันทำให้พวกเขาหวาดกลัวประหนึ่งเจอสัตว์ร้ายที่ออกล่าเหยื่อ
…………….