ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 609 มาถึง
บทที่ 609 มาถึง
…………….
บทที่ 609 มาถึง
“อู๋ฝาน? ขอให้อู๋ฝานช่วยงั้นเหรอ?” เจียงอวี่ที่อยู่นอกห้องได้ยินเสียงสวี่จื่อฉีโทรหาอู๋ฝานเพื่อขอความช่วยเหลือ ตอนนี้เองที่เขาแค่นเสียงเย้ยหยันออกมา “อย่าฝันอะไรลม ๆ แล้ง ๆ เลย ที่นี่คือโรงแรมเทียนอวี่ เป็นธุรกิจของบ้านฉัน แค่จะเหยียบเข้ามามันยังไม่มีปัญญาด้วยซ้ำ!”
“ไม่! เขารับปากแล้วว่าจะมาช่วยฉัน เพราะงั้นเขาต้องมาแน่!” สวี่จื่อฉีตะโกนตอบ
“ถ้ามันไม่มาก็ช่างมัน แต่ถ้ามันกล้ามา วันนี้ฉันจะสั่งสอนมันด้วยเลย!” เจียงอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
เจียงอวี่ไม่พอใจอู๋ฝานมานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะพ่อของเขาห้ามปรามเอาไว้ ตนคงลงมือจัดการอีกฝ่ายไปนานแล้ว เพราะแบบนั้นจึงตัดสินใจจะลงมือกับสวี่จื่อฉีที่ไม่มีใครมาช่วยได้! แต่หากอู๋ฝานกล้ามา เขาก็จะจัดการให้เรียบร้อยไปด้วยเลย
เมื่อรับรู้ได้ถึงความโหดเหี้ยมจากคำพูดของเจียงอวี่ สวี่จื่อฉีก็กังวลอดเป็นห่วงอู๋ฝานไม่ได้ กระทั่งนึกเสียใจที่ลากอีกฝ่ายมาเกี่ยวข้อง
หลังคิดได้ดังนั้น เธอจึงพูดผ่านโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้วาง “อู๋ฝาน ไม่ต้องมาแล้วค่ะ เจียงอวี่บ้าไปแล้ว ถ้าคุณมามันจะเล่นงานคุณด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ” พบเห็นอีกฝ่ายนึกห่วงตัวเอง อู๋ฝานจึงรู้สึกสะดวกใจขึ้น ความไม่ประทับใจก่อนหน้าเริ่มฟื้นกลับคืนมาบ้าง
“ผมกำลังไปครับ ไม่นานก็ถึง” อู๋ฝานตอบ
อีกด้านหนึ่ง เจียงอวี่เองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เช่นกัน เขาแจ้งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมที่หน้าประตูหาทางหยุดอู๋ฝานเอาไว้ไม่ให้เข้ามาแล้ว หากเมื่อไหร่มีการฝืนเข้ามา เมื่อนั้นทางฝ่ายพวกเขาก็มีสิทธิ์และอำนาจที่จะลงมือโดยไม่ต้องมากมารยาท
แม้สวี่จื่อฉีจะร้อนใจ แต่เธอไม่อาจช่วยหรือทำอะไรอื่นได้ อีกทั้งตอนนี้ตนก็กำลังมึนหัวจนแทบประคองสติเอาไว้ไม่อยู่
“อู๋… อู๋ฝาน ฉันยื้อต่อไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวบอกผ่านโทรศัพท์
“อดทนอีกนิดนะครับ ผมใกล้จะไปถึงแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับขณะเร่งความเร็วรถอีกครั้ง
“ฉัน…” สวี่จื่อฉีเอ่ยยังไม่ทันจบคำ เปลือกตาที่เดิมหนักอึ้งมากอยู่แล้วก็ยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นอีก จนสุดท้ายเธอก็หมดสติล้มลงไปนอนกับพื้น
อู๋ฝานได้ยินผ่านทางโทรศัพท์ที่ยังไม่วางว่าเกิดอะไรขึ้น แม้จะพยายามเรียกชื่อเธอหลายครั้งแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบ ดังนั้นจึงทราบว่าอีกฝ่ายหมดสติไปเพราะฤทธิ์ยาเรียบร้อยแล้ว
เจียงอวี่ที่อยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงล้มลงกับพื้นเช่นกัน ขณะนี้จึงเผยสีหน้าภูมิใจและยิ้มแย้มออกมา เขาเปิดประตูห้องอีกครั้งพร้อมรู้สึกว่าง่ายกว่าครั้งก่อนมาก หลังกระแทกหลายครั้งก็ผลักประตูเข้าไป และเห็นสวี่จื่อฉีที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น พร้อมกับโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้วางสาย
ชายหนุ่มปิดประตูอย่างใจเย็นก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา “อู๋ฝาน ก่อนหน้านี้แกกล้าขโมยผู้หญิงคนนี้ไปจากฉัน วันนี้ฉันจะเล่นเธอให้หนำใจต่อหน้าแกก็แล้วกัน ฉันอยากจะเห็นนักว่าแกจะทำอะไรได้!”
“เจียงอวี่ อย่าทำอะไรโง่ ๆ สิ่งที่แกกำลังทำอยู่คืออาชญากรรม!” อู๋ฝานตอบกลับด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“อาชญากรรม? ฉันกลัวแทบตายแล้วว่ะ ฮ่า ๆๆ” เจียงอวี่หัวเราะตอบเสียงดังลั่น “อู๋ฝาน ถ้าวันนี้แกกล้าเสนอหน้ามาที่นี่ แกก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้!”
“โห?” ชายหนุ่มรับคำด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ฉันก็คิดอยากเห็นจริง ๆ ว่าคนอย่างแกจะทำอะไรได้!”
“เดี๋ยวคนของฉันก็จะทำให้แกได้รู้เอง ส่วนตอนนี้…” เจียงอวี่หันไปมองสวี่จื่อฉีที่หมดสติ “ฉันมีเรื่องสนุกรออยู่”
จบคำนั้นเขาก็ปล่อยโทรศัพท์ทิ้งลงกับพื้น ก่อนจะพาร่างสวี่จื่อฉีที่ไร้สติไปยังเตียงนอนในห้อง
“เจียงอวี่! เจียงอวี่! ไอ้บัดซบนี่!” อู๋ฝานสบถออกมา ส่วนทางด้านเจียงอวี่เมินเฉย ขณะทอดสายตามองสวี่จื่อฉีด้วยสีหน้าภูมิใจ
ชายหนุ่มทราบดีว่าเจียงอวี่พยายามเข้าหาและหมายปองในตัวสวี่จื่อฉี หากเกิดเรื่องขึ้น ด้วยสถานะของอีกฝ่าย ต่อให้สวี่จื่อฉีฟ้องร้องไปก็อาจจะไม่ส่งผลอะไร ดังนั้นอู๋ฝานจึงต้องหยุดความคิดว้าวุ่นนี้ลง พร้อมมุ่งสมาธิไปที่การเร่งความเร็วรถเท่าที่จะทำได้
ไม่นานเขาก็มาถึงหน้าทางเข้าโรงแรมเทียนอวี่ แต่เมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยตรงทางเข้าโรงแรมราวกับกำลังจะล้อมจับใครเอาไว้ ไม่ต้องคิดเขาก็ทราบว่าเป็นคนที่เจียงอวี่สั่งให้เตรียมรอต้อนรับตนเอง
อู๋ฝานลอบขมวดคิ้ว เขาไม่ได้กลัวคนเหล่านี้ เพราะด้วยฝีมือที่มี การบุกฝ่าเข้าไปไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นอยู่ที่มันจะเสียเวลามากจนเกินไป สิ่งที่ตนไม่มีตอนนี้คือเวลา หากเจียงอวี่สำเร็จความใคร่แล้ว ต่อให้ไปทันก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้อีก
ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดรถ แต่ขับวนไปมารอบโรงแรมจนเจอจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ขณะนี้เองที่รถพลันแปรเปลี่ยนเป็นม้าสีดำพร้อมปีกสองข้างโดยมีอู๋ฝานนั่งอยู่บนหลัง
“ฮี้!”
ม้าสีดำเงยหน้าขึ้นสูงพร้อมส่งเสียงร้องออกมา มันย่ำเท้าทั้งสี่ก่อนจะสะบัดปีกของมันโบยบินขึ้น
อู๋ฝานควบคุมขี่ม้าบินมาจนถึงชั้นที่สิบสอง ก่อนจะเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ในห้องแต่ละห้อง
โชคดีที่ห้องซึ่งเจียงอวี่กำลังจะทำมิดีมิร้ายกับสวี่จื่อฉีไม่ได้ปิดม่านไว้ ไม่นานชายหนุ่มก็หาเป้าหมายเจอ
“เจ้าหนู บุกไปเลย!” อู๋ฝานใช้ขาบีบท้องม้าเล็กน้อยเพื่อสั่งให้มั่นพุ่งทะยานเข้าไปในหน้าต่าง
“เพล้ง!” กระจกห้องแตกกระจาย เขาเข้ามาอย่างราบรื่น และทันทีที่เข้ามาได้ตนก็สั่งให้ม้ากลับเป็นป้ายไม้พร้อมเก็บเข้ากระเป๋าหลังไป ส่วนตัวเองกลิ้งม้วนตัวกับพื้นรับแรงกระแทกก่อนจะลุกขึ้นยืน
“อู๋… อู๋ฝาน! แกเข้ามาได้ยังไง?!” เจียงอวี่ที่ถอดเสื้อเรียบร้อยแล้วและกำลังจะปลดชุดของสวี่จื่อฉี เขาเห็นอู๋ฝานโผล่เข้ามาอย่างกะทันหันผ่านกระจกหน้าต่าง ชายหนุ่มทั้งแตกตื่นและไม่คิดเชื่อในสิ่งที่เห็น
อู๋ฝานมองสวี่จื่อฉีที่ยังคงไม่ได้สติ ขณะเดียวกันก็เห็นว่าเสื้อของเธอเตรียมจะถูกถอด ก่อนจะหันมามองเจียงอวี่และยิ้มเหยียดหยัน “เจียงอวี่ แกก็มีความสามารถแค่นี้นี่เอง ตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ก็ไม่คิดยอมรับ สุดท้ายคิดก่อเรื่องไร้ยางอายและจะใช้กลอุบายต่ำช้านี้ก่อคดีขึ้นงั้นสิ?”
“อู๋ฝาน ไสหัวไป! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของแก!” เจียงอวี่กราดเกรี้ยวเพราะคำเหยียดหยามของอีกฝ่าย อีกทั้งเขายังคิดไม่ออกว่าเหตุใดคนตรงหน้าถึงมาปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหันได้
“นายน้อยเจียงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าฉันมาเมื่อไหร่จะจัดการเมื่อนั้น? ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มยิ้มตอบอย่างเหยียดหยัน
“แก อย่าได้ใจให้มันมากนัก! ไม่ช้าก็เร็วฉันจะจัดการแกแน่!” เจียงอวี่ตอบกลับด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความอับอาย หากเป็นสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง เขาไม่มีทางเอาชนะอู๋ฝานได้
“งั้นเหรอ?” อู๋ฝานเริ่มเดินเข้าหาเจียงอวี่
“แกคิดจะทำอะไร?” เจียงอวี่ตื่นตระหนกจนต้องถอยเท้ากลับ
“ตึง!”
เขาเตะร่างอีกฝ่ายจนกระเด็นอย่างไม่คิดรีรอหรือปรานี
“ในเมื่อแกวางแผนจะเล่นงานฉันอยู่แล้ว คิดว่าฉันจะเป็นฝ่ายรอโดนกระทำงั้นเหรอ?” อู๋ฝานตอบกลับ
“อู๋ฝาน! แกไม่กล้าหรอก! ที่นี่คือโรงแรมเทียนอวี่ ที่นี่เป็นถิ่นของตระกูลเจียง ฉันคือคนของตระกูลเจียง ถ้ากล้าฆ่าฉัน ตระกูลเจียงจะไม่ปล่อยให้แกรอดแน่!” เจียงอวี่ตอบกลับด้วยอาการแตกตื่น
“ตระกูลเจียงดีกว่าวังเมฆาสีชาดไหมล่ะ? วังเมฆาสีชาดฉันยังไม่กลัว แล้วทำไมฉันต้องกลัวตระกูลเจียงด้วย?” อู๋ฝานยิ้มตอบ
เจียงอวี่อ้าปาก แต่ไม่ทราบว่าควรจะตอบอะไรกลับ แม้ตระกูลเจียงจะเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงโจว แต่หากเทียบกับวังเมฆาสีชาดแล้วก็ยังมีช่องว่างล้นเหลือ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่กลัววังเมฆาสีชาด ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องกลัวตระกูลเจียงด้วยเช่นกัน
“วางใจเถอะ ฉันไม่ฆ่าหรอก” อู๋ฝานตอบกลับ “อย่างน้อยก็ตอนนี้น่ะนะ”
จบคำ ชายหนุ่มก็เลิกสนใจเจียงอวี่ ก่อนจะเดินไปข้างเตียงเพื่อเตรียมพาสวี่จื่อฉีออกไปจากที่นี่
…………….