ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 608 คนเดียวที่สามารถพึ่งพาได้
บทที่ 608 คนเดียวที่สามารถพึ่งพาได้
…………….
บทที่ 608 คนเดียวที่สามารถพึ่งพาได้
“จื่อฉี เข้าห้องไปพักให้เรียบร้อย พรุ่งนี้พวกเรายังมีงานตอนเช้า” พี่จ้าวบอกกับสวี่จื่อฉีขณะมาส่งที่หน้าประตูห้อง
“รู้แล้วค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเธอเหนื่อยล้าพอสมควร ขณะนี้จึงหวังว่าจะได้นอนพักให้หมดวันสักที
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดประตูเข้าไปเรียบร้อยแล้ว พี่จ้าวจึงค่อยเดินกลับไป
เมื่อกลับมาถึงห้อง สวี่จื่อฉีก็ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอน
แต่ขณะกำลังอาบน้ำอยู่นั้นเอง เธอกลับรู้สึกว่าศีรษะเริ่มหนักอึ้ง มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะล้มตัวลงนอนกับพื้นที่นี่และเดี๋ยวนี้
‘เพราะเหนื่อยเกินไปงั้นเหรอ?’ สวี่จื่อฉีได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
เพราะหลายวันก่อนหน้านี้เธอมีกำหนดการต้องทำแน่นขนัด จะเหนื่อยล้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าเธอไม่เคยเหนื่อยจนอยากจะล้มตัวลงนอนที่นี่เดี๋ยวนี้ถึงขนาดนี้มาก่อน
“ไม่ใช่! ชานั่นต้องมีอะไรอยู่แน่!” สวี่จื่อฉีตระหนักได้ทันทีว่ามีปัญหาเกิดขึ้น อาการของเธอตอนนี้ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน มันต้องเป็นเพราะเหตุผลอื่น และคำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือชาที่เพิ่งดื่มเข้าไป
หญิงสาวเริ่มทราบถึงความร้ายแรงของปัญหา หากเจียงอวี่ใส่อะไรลงไปในน้ำชา อีกฝ่ายคงไม่ทำเพียงให้เธอนอนหลับฝันดีอย่างแน่นอน มันจะต้องมีเจตนาอื่นในภายหลังแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น สวี่จื่อฉีจึงรีบเข้าไปในส่วนห้องนอน ใส่เสื้อ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์โทรหาพี่จ้าว
“จื่อฉี เธอยังไม่นอนอีกเหรอ” เสียงของพี่จ้าวดังตอบจากปลายสาย แต่น้ำเสียงนั้นราวกับหลับไปแล้ว เพราะเสียงที่ตอบกลับมาค่อนข้างอู้อี้
เธอจำได้ว่าเจียงอวี่เตรียมชาไว้สองถ้วย นอกจากให้เธอแล้ว พี่จ้าวเองก็ดื่มเข้าไปด้วย!
“พี่จ้าว ชานั่นต้องมีอะไรแน่ค่ะ! ตอนนี้ฉันอยากจะนอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน” สวี่จื่อรีบบอกกับอีกฝ่าย
“จื่อฉี อย่าคิดอะไรมากเกินไปเลย นายน้อยเจียงไม่ใช่คนแบบนั้น เธออยากนอนก็เพราะสองวันมานี้เหนื่อยล้า เพราะงั้นไปนอนซะ ไว้ตื่นขึ้นมาก็ดีเอง แค่นี้นะ ฉันเองก็อยู่กับเธอมาสองวัน เหนื่อยล้าไม่ต่างอะไรกับเธอหรอก ขอนอนก่อน วางสายนะ” เพียงจบคำสายโทรก็ถูกตัดไป
จากคำพูดของพี่จ้าว สวี่จื่อฉีได้ทราบว่าอีกฝ่ายก็อยากจะนอนให้ได้ไม่ต่างกัน เรื่องนี้จึงทำเธอยิ่งแน่ใจว่าชาที่เจียงอวี่เตรียมมาให้ต้องมีปัญหา
สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอไม่มีเวลามาคร่ำครวญกับความไม่ระวังของตนเอง หญิงสาวกำลังร้อนรนคิดหาทางออก ในเมื่อเจียงอวี่วางยาเธอ อีกฝ่ายจะต้องเตรียมทำอะไรอื่นต่อแน่ ส่วนจะทำอะไรนั้น แม้ไม่ต้องคิดก็ทราบ
ในเมื่อไม่อาจฝากความหวังไว้กับพี่จ้าวได้ การโทรหาตำรวจก็คงไม่ได้ผลเหมือนกัน โรงแรมนี้เป็นของตระกูลเจียง ต่อให้มีตำรวจมาเจียงอวี่ก็สามารถเหยียบเรื่องให้มิดได้
สวื่จื่อฉีเปิดโทรศัพท์และไถหารายชื่ออย่างร้อนรน คนที่เธอรู้จักส่วนใหญ่ไม่มีใครอยู่ในเจียงโจว เพราะในอดีตตนแทบไม่เคยมาที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีคนรู้จักอยู่เจียงโจวเลยแม้แต่คนเดียว
หลังพยายามหาอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เจอคนรู้จักในเจียงโจว
อู๋ฝาน!
ทว่าตอนที่ได้เห็นชื่ออีกฝ่าย เธอก็ลังเล เพราะทราบดีว่าวันนี้ตนทำให้อู๋ฝานไม่พอใจหนักแค่ไหน แม้เป็นตอนนี้เขาก็คงยังโกรธอยู่ ต่อให้ขอร้องอีกฝ่ายก็คงไม่คิดช่วยแน่
แต่นอกจากอู๋ฝาน เธอก็ไม่รู้จักคนอื่นในเจียงโจวแล้ว
ขณะสวี่จื่อฉีกำลังลังเล เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกห้อง แม้โรงแรมนี้มักจะมีคนเดินไปมาตลอด แต่หญิงสาวก็ยังตื่นตระหนกจนต้องรีบคว้าเก้าอี้และโซฟาตัวเดียวไปวางขวางเอาไว้หลังประตู อย่างน้อยก็เป็นการต่อต้านเท่าที่เธอจะทำได้
ขณะกำลังกังวล เสียงฝีเท้านอกห้องก็มาหยุดลงตรงหน้าประตูห้องของเธอ จากนั้นจึงได้ยินเสียงคนกำลังเปิดประตู ด้ามจับสำหรับใช้เปิดประตูเคลื่อนไหว แต่เพราะเธอขวางเอาไว้ คนด้านนอกจึงไม่อาจเปิดเข้ามาได้
“ตึง ตึง ตึง!”
เห็นได้ชัดว่าคนนอกพยายามออกแรงผลักเต็มที่ สวี่จื่อฉีต้านเอาไว้ด้วยท่าทีหวาดกลัว
“สวี่จื่อฉี! เปล่าประโยชน์น่า! ยานั่นออกฤทธิ์แล้ว เดี๋ยวเธอก็หมดสติ สุดท้ายฉันก็เปิดประตูเข้าไปได้!” เสียงของเจียงอวี่ดังให้ได้ยินจากหน้าประตูห้อง
“ไอ้สารเลว!” หญิงสาวคำรามเสียงดัง
“อยากจะด่าหรือสบถอะไรก็ทำไปเถอะ เพราะเดี๋ยวอีกไม่นานเธอก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว” เจียงอวี่ไม่คิดใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้เธอทราบแน่ชัดถึงเจตนาร้ายของอีกฝ่ายแล้ว หากเมื่อไหร่ตนหมดสติ อีกฝ่ายจะเปิดประตูเข้ามา หลังจากนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นย่อมคาดเดาได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงละทิ้งความลังเล และต่อสายโทรหาเบอร์อู๋ฝานทันที
อีกด้านหนึ่ง อู๋ฝานที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังนั่งบนโซฟาและดูข่าวสารไปเรื่อยเพื่อรอให้ถึงเวลาเที่ยงคืน
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็หันไปมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและตัดสายไป
“รับสิ! อู๋ฝาน รับสิ! ขอร้องล่ะ!” หลังถูกอู๋ฝานวางสายใส่ สวี่จื่อฉีจึงโทรหาอีกครั้งพร้อมภาวนาอยู่ในใจ
แต่สายโทรที่สองของเธอก็ยังคงถูกตัดสายไปอย่างไร้เยื่อใย
หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเพื่อฝืนอาการง่วง ในขณะเดียวกันก็พยายามโทรหาอู๋ฝานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนชายหนุ่มเริ่มไม่อดทนต่อสายโทรเข้าของสวี่จื่อฉีแล้ว เมื่อโทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่แปด เขาจึงตัดสินใจจะบล็อกสายโทรนั้นไป แต่ขณะกำลังจะกดบล็อก กลับเปลี่ยนใจเป็นกดรับสายแทน
“คุณหนูสวี่ ดึกดื่นแบบนี้มีอะไรอีกครับ? คิดจะวางแผนหลอกผมอีกครั้งงั้นสิ?” อู๋ฝานเอ่ยเย้ยหยันออกไปโดยไม่รอ หากไม่ใช่เพราะต้องการประชดประชันอีกฝ่ายสักครั้ง เขาคงวางสายและบล็อกเบอร์ของเธอไปแล้ว
“อู๋ฝาน! ช่วยด้วย! ได้โปรดช่วยฉันด้วย!” เสียงร้องไห้อ้อนวอนของสวี่จื่อฉีดังมาจากปลายสาย
“เป็นอะไรไปครับ?” อู๋ฝานพลันต้องนั่งตัวตรง สีหน้าท่าทีเดิมที่เย้ยหยันกลายเป็นจริงจังขึ้นมา
“อู๋ฝาน ฉันกำลังแย่ ได้โปรดมาช่วยฉันตอนนี้! ได้โปรดเถอะค่ะ!”
“คุณ…” ขณะอู๋ฝานกำลังจะถามว่าเธออยู่ที่ไหน ทันใดนั้นกลับชะงักก่อนจะตอบกลับ “คงอยากจะหยอกล้อผมเล่นอีกล่ะสิ? คุณหนูสวี่ อย่าให้มันมากเกินไปนัก!”
“ฉันไม่ได้โกหกค่ะ! เจียงอวี่วางยาฉัน ฉันอยู่ห้องหนึ่งสองหนึ่งแปด ชั้นสิบสองโรงแรมเทียนอวี่ ฉันขอร้อง มาช่วยฉันด้วยค่ะ! มันมาอยู่หน้าห้องฉันแล้ว!” หญิงสาวอ้อนวอนอีกครั้ง
หลังได้ยินน้ำเสียงของปลายสาย มันบ่งบอกว่าเป็นน้ำเสียงที่ไม่ได้ล้อเล่น เพราะหากอีกฝ่ายล้อเล่น ก็คงต้องบอกว่ามีฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมไร้ใครเทียบ
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” อู๋ฝานตอบกลับ “อย่าเพิ่งวางสายล่ะครับ“
แม้อู๋ฝานจะไม่ค่อยพอใจที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกลับคำพูดที่รับปากเอาไว้ แต่ความไม่พอใจก็เป็นเรื่องของธุรกิจ ขณะนี้เธอตกอยู่ในอันตราย หากเขาไม่ทราบก็แล้วไป แต่ตอนนี้ทราบแล้ว อีกทั้งยังถูกร้องขอความช่วยเหลือ ตนไม่อาจเพิกเฉยได้
“ใครใช้ให้เราเป็นคนดีแบบนี้นะ” อู๋ฝานหัวเราะกับตัวเองก่อนจะรีบพุ่งตัวไปโรงจอดรถ
เมื่อได้ยินว่าอู๋ฝานจะมาช่วยเหลือ สวี่จื่อฉีก็ร้องออกมาด้วยความดีใจและหวังว่าอู๋ฝานจะมาถึงทันเวลา
…………….