ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 598 รางวัลอย่างงาม
บทที่ 598 รางวัลอย่างงาม
……….
บทที่ 598 รางวัลอย่างงาม
[ติ๊ง สังหารอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำจากภารกิจสุ่มได้สำเร็จ ได้รับรางวัลเป็นตำราวิชาภาษาสัตว์]
[ติ๊ง เลเวลอัป!]
แม้อสูรร้ายแห่งห้วงน้ำจะได้รับบาดเจ็บหนักเพราะใช้ยานดำน้ำจู่โจม แต่หลังจากนั้นก็ยังต้องใช้เวลาอีกถึงหนึ่งเค่อจึงจะสังหารมันได้ เรียกได้ว่าตายยากตายเย็น หลังจากที่ทั้งชายหนุ่มและชิงหลีช่วยกันเล่นงาน ปรากฏว่าเขาต้องขึ้นมาหายใจเหนือผืนน้ำอยู่หลายครั้ง
เขาคอยจับตามองหลอดเลือดของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำตลอด เมื่อพบว่าใกล้ตายจึงสั่งให้ชิงหลีหยุดการโจมตี เพื่อจะได้เข้าไปปลิดชีพมันด้วยตนเองและคว้าเอาค่าประสบการณ์มากมายมาครอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กระบวนการเพิ่มเลเวลค่อนข้างราบรื่น
‘โชคดีที่ใช้ยานดำน้ำโจมตีเพียงแค่หนึ่งครั้ง ไม่งั้นตอนนี้ก็คงยังเลเวลสิบสามอยู่’ อู๋ฝานมองแถบค่าประสบการณ์ ปัจจุบันคือเลเวลสิบห้ากับอีกแปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่าใกล้จะเลเวลสิบหกแล้ว หากไม่ใช่เพราะใช้งานป้ายพาหนะคงเป็นเลเวลสิบหกไปแล้ว หรือบางทีอาจไปได้ถึงเลเวลสิบเจ็ดด้วยซ้ำ
แต่ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าหากตัดสินใจไม่ใช้ยานดำน้ำก็คงไม่มีทางฆ่าอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำง่าย ๆ และหากไม่ใช่เพราะชิงหลี อู๋ฝานคงไม่มีโอกาสได้ใช้ยานดำน้ำโจมตีแม้สักครั้ง กล่าวได้ว่าศึกครั้งนี้ชิงหลีมีส่วนช่วยเหลืออย่างยิ่งใหญ่
ขณะครุ่นคิด เขาก็ตระหนักว่าชิงหลีกำลังกัดกินอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ชิงหลีเคยอยู่อาศัยก่อนหน้าและจากคำอธิบาย เรื่องราวที่เห็นตรงหน้านี้ไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจแม้แต่น้อย
เมื่อสิ้นสุดการต่อสู้ อู๋ฝานยังไม่รีบกลับไปเหนือผิวน้ำ แต่เลือกที่จะสำรวจร่างของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำก่อนจะใช้วิชาชำแหละจัดการ
[ได้รับแผ่นหนังของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำ]
[ได้รับฟันของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำสิบแปดซี่]
[ได้รับเนื้ออสูรร้ายแห่งห้วงน้ำจำนวนหนึ่ง]
[ได้รับเลือดของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำจำนวนหนึ่ง]
……
หลังจัดการใช้วิชาชำแหละจนเสร็จสิ้น อู๋ฝานก็ได้รับส่วนที่เหลือจากซากร่างของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำ แต่เขาแยกชิ้นส่วนเอามาแล้ว จึงทำให้ชิงหลีที่กำลังกัดกินอย่างสุขสันต์มึนงง
“ไม่ต้องกังวล ไว้เดี๋ยวหลังจากนี้จะหาอะไรให้กิน” อู๋ฝานกล่าวปลอบชิงหลีผ่านทางจิตสื่อสาร
เมื่อชำแหละร่างของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำเสร็จ เขาก็ไม่กลับขึ้นไป แต่ว่ายวนรอบโครงกระดูกของมัน
“คิดไว้ไม่ผิด มีของดร็อปจริงด้วย!” หลังว่ายน้ำสำรวจอยู่สักพัก เขาก็พบว่าใต้ร่างของมันมีไอเทมดร็อปออกมา
บอสมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบ ต่อให้อัตราดร็อปของต่ำเตี้ยแค่ไหน มันก็ยังต้องดร็อปออกมาจำนวนหนึ่ง และผลลัพธ์ก็ไม่ได้ทำให้อู๋ฝานต้องผิดหวัง
[ได้รับไข่มุกไล่น้ำหนึ่งเม็ด]
[ได้รับหมวกเกราะอสูรห้วงน้ำหนึ่งชิ้น]
[ได้รับภาพต้นแบบหนึ่งชิ้น]
หลังความตาย อสูรร้ายแห่งห้วงน้ำไม่เพียงเหลือวัตถุดิบให้ แต่ยังมีของอีกสามสิ่ง
[ไข่มุกไล่น้ำ : ไม่มีข้อจำกัดการใช้งาน สามารถใช้ได้แม้อยู่ในกระเป๋าหลัง โดยมันจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถเดิน ลอยตัว และหายใจใต้น้ำได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังจะไม่ได้รับผลจากแรงต้านทานของน้ำ]
เพียงแค่อ่านคำอธิบายของไข่มุกไล่น้ำ อู๋ฝานจึงถึงกับยินดีพร้อมเก็บมันใส่กระเป๋าหลังทันที
เพียงชั่วอึดใจ เขาก็รับรู้ได้ว่าร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น การมองเห็นไม่โดนน้ำในแม่น้ำบดบังเช่นก่อนหน้านี้ แรงต้านทานของน้ำโดยรอบหายไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นความรู้สึกเหมือนตอนอยู่บนบกแม้อยู่ในน้ำ หลังลองว่ายน้ำอยู่หลายครั้ง จึงได้พบว่าความเร็วดีขึ้นกว่าก่อนหน้าอย่างไม่อาจเทียบได้
‘ของดี!’ อู๋ฝานเอ่ยชม
[หมวกเกราะอสูรน้ำ ระดับอำพัน พลังป้องกัน+900 พละกำลัง+120 ความอดทน+300 พลังชีวิต+30% ความแข็งแกร่ง+10% | ทักษะติดอุปกรณ์ : เสียงคำรามแห่งท้องทะเล เมื่อใช้งานเสียงคำรามจะทำให้ศัตรูในพื้นที่รัศมียี่สิบเมตรใต้น้ำมีค่าสถานะลดลง 10% ระยะเวลาทำงาน 10 นาที ระยะเวลาคูลดาวน์ 1 ชั่วโมง | ทักษะติดอุปกรณ์ : เจ้าแห่งห้วงน้ำ เมื่อทำการต่อสู้ใต้น้ำ ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 20% | เลเวลที่ต้องการ : 50]
[ภาพต้นแบบหน้าไม้ขงเบ้ง : สามารถใช้งานเพื่อเป็นต้นแบบสำหรับสร้างหน้าไม้ขงเบ้ง]
นอกจากไข่มุกไล่น้ำ ก็ยังมีไอเทมที่ยอดเยี่ยมอีกถึงสองชิ้น หมวกเกราะอสูรน้ำมีค่าสถานะยอดเยี่ยม ทักษะที่ติดมากับอุปกรณ์ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่ต้องรอจนถึงเลเวลห้าสิบจึงจะสามารถใช้งานได้
ส่วนภาพต้นแบบหน้าไม้ขงเบ้ง อู๋ฝานเคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน มันคืออาวุธสำหรับใช้เพื่อป้องกันเมือง มีพลังอำนาจในการยิงสูง แต่ยากที่ทหารเพียงหนึ่งคนจะสามารถควบคุมหรือใช้งานได้ เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โตและน้ำหนักที่มาก ทว่าสามารถใช้งานเพื่อป้องกันเมืองหรือค่ายได้ มันก็ถือได้ว่าดีเยี่ยม
ส่วนที่อู๋ฝานไม่อาจเข้าใจ คือเพราะอะไรอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำถึงดร็อปไอเทมอย่างหน้าไม้ขงเบ้งออกมา
เมื่อตรวจสอบว่าเก็บมาครบถ้วนแล้ว ชายหนุ่มจึงส่งชิงหลีกลับเข้ากระเป๋าหลังก่อนจะว่ายไปยังชายฝั่ง
“นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ทำไมนายท่านยังไม่ขึ้นมาอีก? หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เมื่อครู่ใต้น้ำมีการเคลื่อนไหวไม่น้อย ไม่ทราบเลยว่านายท่านจะเป็นอะไรหรือไม่”
บนฝั่ง ลั่วเยวี่ยกับลั่วหยางที่พบว่าแม้ผ่านไปนานอู๋ฝานก็ยังไม่ขึ้นมาหายใจจึงร้อนรน แม้อูหย่าจะกังวลและร้อนใจเช่นกัน แต่นางก็ค่อนข้างสงบกว่าสองพี่น้องอยู่พอสมควร
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล อู๋ฝานจะไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้เขาก็โผล่มาให้เห็นหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ?” อูหย่าเอ่ยบอก “คาดเดาว่าเขาคงขึ้นมาในอีกไม่ช้าแน่”
เพียงอูหย่าเอ่ยจบ ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงชายฝั่งไม่ห่างจากกลุ่มคน ขณะนี้พวกเขาจึงพบว่าอู๋ฝานขึ้นมาจากน้ำแล้ว
“นายท่าน!”
ลั่วเยวี่ยและลั่วหยางต่างอุทานกันออกมา ส่วนทางด้านอูหย่านั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะยิ้มให้เห็น
อู๋ฝานยิ้มตอบกลุ่มคนก่อนเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าสังหารสัตว์ร้ายนั่นเรียบร้อยแล้ว”
“นายท่าน ข้าทราบว่าท่านทำได้!” ลั่วเยวี่ยเอ่ยบอก
“ก่อนหน้านี้กังวลแทบตาย ตอนนี้บอกว่าเชื่อใจเสียแล้ว” อูหย่าหยอกเย้า
ลั่วเยวี่ยพลันหน้าแดงระเรื่อ
“นี่เจ้าสังหารสัตว์ร้ายนั่นได้แล้ว?” ชายชราผู้ที่ดึงสติกลับมาได้ถึงกับมองอู๋ฝานด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ
ดังทราบว่าเพื่อสังหารสัตว์ร้ายดังกล่าว ทั้งหมู่บ้านและเทศมณฑลต่างต้องทุ่มเทกำลังคนและทรัพยากรมากมาย ทว่าสุดท้ายแล้วไม่เพียงทำไม่สำเร็จ แต่ยังสูญเสียชีวิตคนไปมากมาย ขณะนี้ได้ยินอู๋ฝานบอกว่าฆ่าสัตว์ร้ายสำเร็จโดยลำพัง ไม่ว่าใครก็คงพอจินตนาการได้ว่าในใจชายชราตื่นตระหนกตกใจเพียงใด
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “ร่างของมันอยู่ก้นแม่น้ำ หากผู้เฒ่าไม่เชื่อก็ลองส่งคนไปตรวจสอบและขนย้ายมันขึ้นมาได้”
แม้อู๋ฝานจะใช้วิชาชำแหละแยกชิ้นส่วนร่างของมันไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่หมดสิ้นโดยสมบูรณ์ อย่างน้อยก็ยังมีโครงกระดูกเหลืออยู่ และจากรูปลักษณ์ย่อมพอคาดเดาได้ว่าเป็นสัตว์ร้ายเจ้าถิ่นของที่นี่
ทันทีที่ชายชราได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน เขาถึงขั้นหันกลับไปพร้อมวิ่งอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าคนหนุ่ม
ไม่นานชายชราก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับคนอีกหลายคนที่ตามมาด้านหลัง
“เป็นเขา เขาบอกว่าสังหารสัตว์ร้ายในแม่น้ำได้แล้ว!” ชายชราชี้ไปที่อู๋ฝานพลางบอกกับกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง
ผู้คนเหล่านั้นอู๋ฝานต่างมองและมีท่าทีลังเล ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มสองคนจึงรวบรวมความกล้าลงไปใต้แม่น้ำเพื่อตรวจสอบ
รอไม่นาน คนทั้งสองก็โผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำจากกลางแม่น้ำพร้อมตะโกนให้คนบนฝั่งได้ยิน “สัตว์ร้ายนั่นตายแล้ว! ร่างของมันอยู่ใต้น้ำ!”
กลุ่มคนที่อยู่บนฝั่งตอนแรกก็โห่ร้องตะโกนยินดี แต่ไม่นานก็พากันไปยังแม่น้ำเพื่อว่ายลงไปตรวจสอบร่างของสัตว์ร้ายดังกล่าว