ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 594 ดุร้าย
บทที่ 594 ดุร้าย
……….
บทที่ 594 ดุร้าย
อู๋ฝานต้องรีบสะบัดศีรษะละทิ้งความคิดอันวุ่นวายทั้งหลาย สายตาจับจ้องยังมอนสเตอร์ที่โผล่ออกจากผืนน้ำด้วยความระแวดระวัง
[อสูรแห่งห้วงน้ำ : เลเวล 50 บอสมอนสเตอร์ เดิมเป็นเพียงปลาธรรมดาในแม่น้ำ หลังได้รับพลังงานอสูรจึงเปลี่ยนแปลงเป็นมอนสเตอร์ ก่อนจะเริ่มเติบโตขึ้นเป็นบอสมอนสเตอร์เพราะการกลืนกินสิ่งมีชีวิตมากมายในแม่น้ำและผู้คนที่สัญจรทางน้ำ]
[พลังโจมตีสูง พละกำลังสูง พลังป้องกันสูง ทักษะ : กลืนกิน คลื่นยักษ์ เสียงคำรามแห่งท้องทะเล หางโจมตีสามครั้งต่อเนื่อง…]
บอสมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบ…
หลังอ่านข้อมูลจากวิชาตรวจสอบ อู๋ฝานถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยพบกับมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบ กระทั่งว่าเคยฆ่าไปแล้วถึงสอง แต่ตนก็ทราบดีว่ามันมีปัจจัยอื่นและอุบายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตอนนั้นมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบทั้งสองผ่านการสู้รบกันเองมาแล้วอย่างหนักหนา หลังศึกครั้งใหญ่พวกมันจึงได้รับบาดเจ็บ จนทำให้สามารถเข้าไปช่วงชิงหาโอกาสลงมือมาได้ ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยกำลังในเวลานี้ มันจะไม่ใช่แค่ยาก แต่เป็นยากอย่างถึงที่สุดหรือแทบไม่อาจสังหารมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบได้เลยด้วยซ้ำ!
ปัจจุบันเมื่อเจอมอนสเตอร์เลเวลห้าสิบอีกครั้งหนึ่ง และยังเป็นบอสมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเต็มที่ ไม่ใช่เหมือนครั้งก่อนที่ได้รับบาดเจ็บมาแล้ว ไม่แปลกหากจะทำให้อู๋ฝานรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
มอนสเตอร์ยักษ์โผล่พรวดจากน้ำจนทำให้เกิดคลื่นยักษ์อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันหางของมันยังทะยานขึ้นจากเหนือน้ำจนตั้งตรงสูงชี้ฟากฟ้า
“ตึก!”
เรือของอู๋ฝานสั่นไหวไปมาท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่ถาโถม น้ำจำนวนมากไหลท่วมเข้ามายังดาดฟ้าเรือ สิ่งของอีกหลายอย่างบนเรือร่วงหล่นลงน้ำไป บ้างก็กลิ้งไปมาปะทะกับของอื่น
“ตึง!”
อู๋ฝานยังพยายามควบคุมสมดุลของเรือเอาไว้ แต่หางของอสูรแห่งห้วงน้ำกลับตัดไปมาอย่างรุนแรง เมื่อเห็นหางยักษ์สะบัดมาทางตนเอง เขาถึงกับตกใจจนต้องควบคุมเรือเพื่อหลบไปด้านข้าง
โชคดีที่วิชาขับขี่ของอู๋ฝานเป็นระดับกลาง แม้ไม่อาจควบคุมเรือประหนึ่งแขนขา แต่ความสามารถก็ยังดีเยี่ยมพอจะหลบเลี่ยงการโจมตีจากหางยักษ์ของอสูรร้ายแห่งห้วงน้ำได้อย่างฉิวเฉียด
หางยักษ์ฟาดเรือของอู๋ฝานพลาดไปจนกระทบกับผิวน้ำแทน ขณะฝาดลงไปนั้นเกิดเสียงดังเลื่อนลั่น คลื่นยักษ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ทว่าก่อนที่อู๋ฝานจะทันถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก หางยักษ์กลับสะบัดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กระทั่งดูรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้าเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มที่ยังไม่ทันได้โล่งใจจึงต้องควบคุมกล้ามเนื้อ พร้อมฝืนกลั้นความเจ็บปวด เขารีบควบคุมเรือหลบเลี่ยง และมันก็เป็นอีกครั้งที่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด
หลังจากครั้งนี้เขาจึงไม่กล้าประมาท กระทั่งว่าไม่กล้าพักหายใจด้วยซ้ำ สายตาทำได้เพียงจ้องมองหางยักษ์ของอสูรแห่งห้วงน้ำ แน่นอนว่าการโจมตีย่อมมีครั้งที่สาม และความเร็วก็ยิ่งมากขึ้นกว่าครั้งก่อนเสียด้วยซ้ำ กระทั่งเกิดเป็นเสียงสายลมหวีดหวิวดังขึ้น
หางโจมตีสามครั้งต่อเนื่อง!
อู๋ฝานได้ตระหนักว่าเมื่อครู่มันใช้ทักษะหางโจมตีสามครั้งต่อเนื่อง เพียงแค่มองจากร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของมัน ก็พอจินตนาการได้ว่าพลังโจมตีจะรุนแรงเพียงใด ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาทพร้อมกับฝืนหลบเลี่ยง
แต่โชคดีไม่ได้อยู่ข้างชายหนุ่มตลอดไป แม้จะทราบการโจมตีของมันล่วงหน้าและหลบเลี่ยงก่อนแล้ว แต่ต่อหน้าการโจมตีอันรวดเร็ว เขาก็ยังตอบสนองได้ไม่ทัน
“ตึง!”
การโจมตีด้วยหางครั้งที่สามยังคงพลาดอีกครั้ง มันกระแทกเข้ากับเสากระโดงเรืออย่างรุนแรง เสาที่หนาและสูงถูกตบหักอย่างง่ายดาย ก่อนจะร่วงหล่นลงมาฟาดกับดาดฟ้าเรือจนทำให้เกิดรอยแตกเป็นแนวยาว
กล่าวคือเรือยังไม่อับปาง แม้เอียงและบิดงอไปบ้างเพราะแรงกระแทกเมื่อครู่ แต่ความพยายามของอู๋ฝานจึงยังทำให้เรือสามารถคงสมดุลเอาไว้ได้ มันกระเพื่อมขึ้นลงตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากโดยยังไม่จมลง
“ตึง!”
หลังโจมตีสามครั้งต่อเนื่อง หางของมันก็กลับลงไปใต้น้ำอีกครั้ง และเมื่อฟาดหางลงไปในผืนน้ำไปจนถึงด้านล่าง ย่อมเกิดระเบิดน้ำกระจายฟุ้งไปทั่วพื้นที่ น้ำเหล่านั้นตกลงสู่ดาดฟ้าเรือไม่ใช่น้อย
ทั้งกายของอสูรร้ายกลับลงไปใต้น้ำ คลื่นยักษ์เริ่มเลือนหาย ทั่วทั้งแม่น้ำกลับคืนสู่ความสงบ เรือของอู๋ฝานที่ไม่โดนกระแสน้ำเล่นงานกลับมาคงสมดุลและมั่นคงอีกครั้ง ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดเรื่องใดขึ้นแม้แต่น้อย
แต่อู๋ฝานไม่คิดแบบนั้น เสาที่หัก รอยน้ำที่กระเซ็นและท่วมบนดาดฟ้าเรือ ทั้งหมดพิสูจน์ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้ แม้จะไม่อาจทราบสถานการณ์ใต้น้ำ แต่เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามันยังไม่ได้จากไปไหนไกล กระทั่งว่าอยู่ใกล้เคียงเพื่อเตรียมโจมตีครั้งถัดไป
“นี่… สัตว์ร้ายนั่นหนีไปแล้ว?” ลั่วเยวี่ยที่เห็นผืนน้ำกลับมาเป็นปกติจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่หรอก มันยังไม่ไปไหนแน่ มันยังไม่ได้กินคนหรือทำลายเรือเลย มันต้องกลับมาอีกแน่!” ก่อนอูหย่าจะทันตอบกลับ ชายชราที่อยู่ใกล้ ๆ เป็นฝ่ายตอบคำถามเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างมั่นใจ
อูหย่าและคณะต่างขมวดคิ้วแทบจะในเวลาพร้อมกัน เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่าสัตว์ร้ายทั้งดุดันและแข็งแกร่งแค่ไหน เรือที่อู๋ฝานใช้แทบไม่ต่างอะไรกับก้อนไม้ที่พร้อมจะอับปางลงได้ทุกเมื่อ และขณะนี้ยังเสียหายหนัก การที่ชายหนุ่มรอดมาได้ถือว่ามีโชคดีมากพอแล้ว แต่หากมันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เกรงว่าอาจจะไม่เกิดโชคดีเช่นครั้งก่อน
“พี่… อ๋า! ระวัง!” ขณะลั่วเยวี่ยกำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่างกับอูหย่าเพื่อคลายความตึงเครียด ทันใดนั้นเองที่ได้เห็นว่าเรือของอู๋ฝานกำลังบินอยู่เหนือผืนน้ำ!
ลำพังตัวเรือย่อมไม่มีทางบินขึ้นมาเองได้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะร่างขนาดมหึมาที่อยู่ใต้เรือ เป็นสัตว์ร้ายตัวเดิมที่เพิ่งมุดลงน้ำไป มันวกกลับมาโจมตีเรือของอู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง!
สัตว์ร้ายทะยานขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง โดยครั้งนี้หัวของมันดันใต้ท้องเรือของอู๋ฝานขึ้นไปด้านบน จนทำให้ลำเรือต้องลอยจากผืนน้ำประหนึ่งบินได้
ลั่วเยวี่ยที่เห็นเรื่องราวถึงกับต้องกรีดร้องออกมา ทางด้านอูหย่าและลั่วหยางกำลังยืนนิ่งเพราะแตกตื่น ส่วนทางด้านชายชรา นับตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์จนถึงตอนนี้ สีหน้าของเขามีแต่ความหวาดกลัวอันท่วมท้นเท่านั้น
ขณะนี้เองที่อู๋ฝานตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องผิดปกติขึ้น เรือสั่นไหวอย่างรุนแรงชั่วครู่ พร้อมกับได้เห็นสภาพแวดล้อมที่เริ่มลดต่ำลงไปด้านล่าง เขาพุ่งเข้าไปเกาะขอบเรือเพื่อมองลงไป พร้อมได้เห็นร่างอันคุ้นเคยอยู่ด้านล่าง จนสุดท้ายเข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หากอยู่เหนือน้ำเช่นตอนนี้ ต่อให้วิชาขับขี่ดีเลิศเพียงใดก็คงไม่อาจทำให้เรือที่ไร้ซึ่งน้ำอยู่ภายใต้การควบคุม
ส่วนอสูรแห่งห้วงน้ำที่ทะยานตัวขึ้นสูงจากผืนน้ำ พร้อมนำอู๋ฝานกับเรือโบยบินสู่ฟากฟ้าสูงขึ้น แน่นอนว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นต่อ ชายหนุ่มย่อมคาดเดาได้ ดังนั้นจึงนำเอากระบี่ยาวของตนเองออกมาถือด้วยสีหน้าและท่าทีที่สงบนิ่ง
“ครืน!”
เมื่ออสูรแห่งห้วงน้ำทะยานสู่จุดสูงสุดเท่าที่มันจะทำได้ หัวของมันจึงสะบัดอย่างรุนแรง เรือของอู๋ฝานถูกเหวี่ยงออกจากร่างของมัน แม้อู๋ฝานยึดจับขอบเรือเอาไว้เพื่อไม่ให้ร่างกระเด็นออกไป แต่เรือก็ยังคงหมุนเคว้งกลางอากาศจนทำให้เขามึนงงและรู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้
……….