ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 591 ข้ามแม่น้ำ
บทที่ 591 ข้ามแม่น้ำ
……….
บทที่ 591 ข้ามแม่น้ำ
“ยังจะบอกว่าไม่ง่วง?” อู๋ฝานตอบกลับ “ไม่ต้องฝืน ตอนนี้ไปพักในรถลาก ไม่ว่าเจ้าจะนอนหรือไม่ ตอนนี้ยกที่นั่งคุมบังเหียนมาให้ข้าเสีย”
“นายท่าน ข้า…” ลั่วหยางยังคงดื้อดึง
“หยุดได้แล้ว ข้าสั่ง เจ้าก็ต้องทำตาม” อู๋ฝานตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอรับนายท่าน” เมื่อเห็นอู๋ฝานจริงจัง ลั่วหยางจึงต้องรีบตอบรับ
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงไปนั่งควบคุมม้าแทน ขณะลั่วหยางกลับเข้ารถลากไปพักผ่อน แน่นอนว่าเขาขับรถลากเป็น เนื่องจากเคยเรียนการขี่ม้าจนได้วิชาขับขี่มาจากโจวซานมาก่อน มันทำให้สามารถควบคุมม้าที่ใช้เดินทางได้เช่นกัน อีกทั้งยังมั่นคง ดังนั้นช่วงที่เขาควบคุมรถจึงนิ่งยิ่งกว่าลั่วหยาง
‘ได้ฝึกวิชาขี่ม้าไปด้วยก็ไม่เลว’ อู๋ฝานนึกคิดอยู่ในใจ
“เจ้าไม่ง่วงหรือ?” หลังอู๋ฝานมาคุมบังเหียนได้ราวหนึ่งถ้วยชา อูหย่าก็ออกมาจากรถลากที่อยู่ด้านหลังพร้อมกับนั่งที่นั่งข้างคนขับ
“กล้าถามดีนี่” อู๋ฝานตอบกลับ
ด้านในรถลากที่อยู่ด้านหลัง ลั่วเยวี่ยกับลั่วหยางเอนหลังพิงกับผนังรถลากหลับไปเรียบร้อยแล้ว อูหย่าทราบดีว่าเพราะตัวเองปลุกพวกเขาก่อนเวลาอันควร
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจความร้อนใจของเจ้า” อู๋ฝานถอนหายใจก่อนจะตอบรับ “ส่วนข้าไม่เป็นไร ไม่ได้ง่วง แต่สำหรับสองคนนั้นออกจะเป็นเรื่องยากเกินไปบ้าง”
เมื่อมองผ่านม่านกั้นด้านหลัง อู๋ฝานได้เห็นภายในรถลาก ดังนั้นจึงทราบว่าสองพี่น้องกำลังหลับอย่างไม่อาจทานทน
“เจ้าเป็นคนดีนะ” อูหย่ามองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
“พูดอะไรกะทันหันแบบนี้กัน?” อู๋ฝานประหลาดใจ
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าจะช่วยข้าออกมาจากเมือง บอกตามตรงว่าตอนแรกข้าไม่เชื่อ พวกเราเคยสู้กันโดยเจ้าเอาตัวปกป้องชีวิตจักรพรรดิแห่งเหยียนเฟิงเอาไว้ด้วยซ้ำ แต่เวลานั้นข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อ ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้า” อูหย่าตอบกลับ
“แต่ก็ยังไม่เชื่อข้างั้นสิ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ข้าโดดเดี่ยวอยู่ในประเทศศัตรู ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเอาไว้เสมอ” อูหย่าตอบกลับ “แต่นับจากนี้ไม่ว่าเจ้าจะมองว่าก่อนหน้านี้เป็นยังไง ข้าจะทำกับเจ้าเหมือนอย่างที่มิตรสหายที่เชื่อใจกันควรทำ”
“ฟังดูดีหนิ” อู๋ฝานยิ้มตอบ
อูหย่าพลันเผยท่าทีที่ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็น “อันที่จริง… จากท่าทีที่เจ้ามีกับสองพี่น้อง มันก็มากพอที่จะบอกได้แล้วว่าเจ้าเป็นคนดี ไม่แปลกใจที่ลั่วเยวี่ยจะติดเจ้าจนไม่ยอมจากไปไหน”
“เหตุใดวันนี้เจ้าถึงดูเจ้าอารมณ์ขึ้นมาเล่า?” อู๋ฝานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าก็แค่รู้สึกแบบนั้น หายากที่จะมีคนอื่นนอกจากตัวข้าเองที่จะไว้ใจได้และยินดีเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือ ข้าช่างโชคดีเสียจริง” อูหย่าตอบกลับ
นับตั้งแต่ครอบครัวถูกจับกุมและถูกบีบบังคับให้รับภารกิจลอบสังหารจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง อูหย่าก็ไม่เคยได้ผ่อนคลาย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ลอบสังหารล้มเหลว ครอบครัวของหญิงสาวถูกสังหารจนเกือบหมดสิ้น ไม่แปลกหากจะยิ่งรู้สึกทั้งโศกเศร้าและสิ้นหวัง
อู๋ฝานที่ปรากฏตัวจึงเปรียบเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืด มันเป็นการมอบแสงสว่างและความหวังให้นางจนต้องรู้สึกตื้นตันใจ
“อย่าคิดมาก ทุกอย่างจะเรียบร้อย” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบ
“ใช่ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย!” อูหย่าพยักหน้าตอบรับ
เพราอู๋ฝานเป็นคนควบคุมบังเหียนรถลาก การเดินทางจึงทั้งรวดเร็วและมั่นคง มันรวดเร็วยิ่งกว่าตอนที่ลั่วหยางขับก่อนหน้านี้เสียด้วยซ้ำ
จนกระทั่งช่วงกลางวัน รถลากจึงหยุดลงบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่ง
หากไม่ข้ามแม่น้ำก็ทำได้ แต่ต้องใช้เส้นทางเบี่ยง ทว่าสภาพถนนไม่ค่อยดี ความเร็วจะลดน้อยลงจนส่งผลกระทบกับการเดินทาง อย่างน้อยก็น่าจะล่าช้าไปอีกหนึ่งหรือว่าสองวัน
ขณะนี้เองที่ลั่วเยวี่ยและลั่วหยางตื่นขึ้น ตอนแรกที่คิดว่าจะงีบสักพัก แต่เพราะง่วงงุนประกอบกับอู๋ฝานควบคุมรถม้านิ่งจนเกินไป ทำให้เขาหลับลึกไปนาน เมื่อตื่นขึ้นจึงรู้สึกเขินอายขึ้นมา
“ลั่วหยาง ไปทางริมน้ำแล้วดูว่ามีเรือข้ามฟากหรือไม่” อู๋ฝานบอกกับลั่วหยาง
“ขอรับนายท่าน” ลั่วหยางรีบตอบรับพลางลงจากรถเพื่อไปตรวจสอบแถวริมแม่น้ำ
“ลงจากรถลากกันก่อน จะได้พักกับหาอะไรกินด้วยเลย” อู๋ฝานกล่าวบอก
อูหย่าและลั่วเยวี่ยพยักหน้ารับ คนทั้งสามไปนั่งกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลั่วเยวี่ยนำของว่างออกมาจากสัมภาระ เนื่องจากอู๋ฝานเป็นเชฟระดับมาสเตอร์จึงสามารถทำขนมหรืออาหารแห้งได้อย่างง่ายดาย ก่อนออกเดินทางจากนครเหยียนหยาง เขาได้เตรียมของว่างระหว่างทางเอาไว้พอสมควร เพื่อที่จะได้ช่วยประหยัดเวลาการพักระหว่างทาง
“อู๋ฝาน ไม่นึกเลยนะว่าเจ้าจะมีฝีมือด้านนี้ กระทั่งว่าดียิ่งกว่าพ่อครัวหลวงของข้าเสียด้วยซ้ำ ไม่สนใจมาอยู่อาณาจักรหนานปิงเป็นพ่อครัววังหลวงบ้างหรือ?” อูหย่าพูดกับอู๋ฝานพลางกินเข้าไป
“ไม่ดีกว่า ข้ายังไม่อยากทิ้งบรรดาศักดิ์จื่อเจวี๋ยกับขุนนางขั้นแปด ไปทำอาหารให้เจ้า ข้าคงอยู่ในวังจนเบื่อแย่” เขาตอบกลับ
“ไว้รอคอยหลังพวกเราจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า” อู๋ฝานตอบ
หากจะได้ตำแหน่งเพิ่ม อู๋ฝานย่อมไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะถ้าเรื่องราวฝั่งอาณาจักรหนานปิงดำเนินไปได้ด้วยดี เขาก็ยินดีตอบรับการดูแลที่ดีกว่า หากจะต้องย้ายข้างก็ไม่ใส่ใจ อย่างไรแล้วตนก็ไม่ได้ผูกพันอะไรกับอาณาจักรเหยียนเฟิงอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ไม่อาจปล่อยไปได้คือของทั้งหลายที่อยู่หลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับต่างหาก
อูหย่าพยักหน้าตอบ เพราะจนกว่าเรื่องราวจะได้รับการสะสาง พูดกล่าวไปก็เท่านั้นเอง
ไม่นานลั่วหยางก็กลับมา
“นายท่าน มีเรือรับจ้างอยู่ขอรับ แต่นายเรือปฏิเสธจะส่งพวกเราข้ามฟากแม่น้ำ เขาบอกว่าวันนี้ไม่เหมาะที่จะข้ามฝั่งขอรับ” ลั่วหยางกล่าวบอก
“ไม่เหมาะงั้นหรือ? จะข้ามแม่น้ำยังต้องดูฤกษ์ด้วยหรือ?” อู๋ฝานถึงกับพูดไม่ออก
“นายเรือว่ามาแบบนั้นขอรับ ข้าเกลี้ยกล่อมเขาอยู่นาน รับปากจะจ่ายเงินเพิ่มด้วย แต่สุดท้ายก็ยังปฏิเสธขอรับ” ลั่วหยางตอบกลับ
“แปลกคนจริง ให้เงินเพิ่มก็ไม่สนใจงั้นหรือ?” ลั่วเยวี่ยตอบรับ
อู๋ฝานลุกขึ้นยืนพร้อมปัดเศษอาหารที่ติดตามมือพลางเอ่ย “ไปกัน พวกเราไปตรวจสอบดูก่อนดีกว่า”
ลั่วเยวี่ยและอูหย่าต่างก็พร้อมใจลุกขึ้น พร้อมกับเก็บของและตามอู๋ฝานไปยังท่าเรือ
ที่บริเวณท่าเรือมีเรือจอดเทียบอยู่ ขนาดไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่ก็ยังมากพอจะเป็นเรือข้ามฟากที่รองรับคนจำนวนหนึ่งพร้อมรถลากได้
ชายชราที่น่าจะเป็นนายเรือสวมใส่หมวกทรงถังอยู่บนศีรษะ ขณะนี้กำลังเก็บสิ่งของราวพร้อมจะกลับบ้าน
“ผู้อาวุโสท่านนี้ พวกเราต้องการข้ามแม่น้ำ พอจะรบกวนไปส่งได้หรือไม่ พวกเรายินดีจ่ายเท่าที่ท่านจะเรียก” อู๋ฝานเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้ ไม่ได้” ชายชราโบกมือตอบโดยไม่หันกลับมามอง “วันนี้ไม่ข้ามแม่น้ำแล้ว หากอยากข้ามก็มาใหม่วันพรุ่งนี้”
“แต่พวกเราค่อนข้างรีบ กลัวว่าจะรอวันพรุ่งนี้ไม่ได้” อู๋หย่าเอ่ยขึ้น “เท่าที่เห็นสภาพอากาศก็ไม่ได้เลวร้าย ลมก็ค่อนข้างสงบ ไฉนหยุดการข้ามฟากเล่า?”
“ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ และที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวพวกเจ้าเองด้วยซ้ำ หากยังไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ก็ค่อยกลับมาใหม่วันพรุ่งนี้” ชายชราตอบกลับ
……….