ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 489 ปิดล้อม
บทที่ 489
ปิดล้อม
“สะ….เสิ่นเฟย! ทั้งก่อนหน้าและวันนี้พวกเราไม่เคยมีความบาดหมางอะไรกันมาก่อน เจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดหรอก!”
เมื่อชิวซื่อเจี๋ยเห็นเย่เย่กำลังเดินมาตรงหน้าเขานั้น ใบหน้าของเขาก็ได้กระวนกระวายขึ้นมาทันที และน้ำเสียงของเขาก็ได้ตึงเครียดและพร่ำขอความเมตตาจากเย่เย่ด้วยน้ำเสียงที่ซับซ้อนอารมณ์
ถึงแม้ว่าเย่เย่จะสังหารผู้เฒ่าโม่กับโจวปู้เหยี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา และเป็นศัตรูที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้ของสำนักมารทะเลของพวกเขา ซึ่งพวกชิวซื่อเจี๋ยนั้นต่างก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ถ้าหากพวกเขาทุ่มสุดตัวเข้าไปโจมตีใส่เย่เย่พร้อมกันก็ตาม ก็คงไม่มีจุดจบแบบอื่นนอกจากตายตามโจวปู้เหยี่ยนกับผู้เฒ่าโม่ไปอย่างแน่นอน ชิวซื่อเจี๋ยจึงได้ควบคุมตัวเองด้วยเหตุผลและหวังว่าเย่เย่นั้นจะเมตตาพวกเขา
“ไม่ต้องกังวลไป เป้าหมายของข้ามีเพียงโจวปู้เหยี่ยนคนเดียว ข้าไม่สนใจศิษย์คนอื่นๆของสำนักมารทะเลหรอก! แต่ทว่าโจวปู้เหยี่ยนกับผู้เฒ่าโม่นั้นตายที่เขาจิ้นโม๋ซานเช่นนี้แล้ว หากดูจากการวิธีการของสำนักมารทะเลแล้วพวกเจ้าเองก็คงหมดสิทธิ์รอดด้วยเช่นกัน ข้าแนะนำให้พวกเจ้ารีบหนีออกไปจากที่นี่โดยไวจะดีกว่า หนีไปยิ่งไกลยิ่งดี!”
เมื่อเห็นสีหน้าที่กระวนกระวายบนใบหน้าของชิวซื่อเจี๋ยกับเยว่ปู้ฝานแล้ว เย่เย่ก็ได้เผยสีหน้าที่ผ่อนคลายออกมา เขานั้นไม่เพียงแต่แนะนำให้ชิวซื่อเจี๋ยกับพรรคพวกนั้นรีบหนีออกไปโดยทันทีแล้ว แต่ยังบอกให้เยว่ปู้ฝานกับเหล่าจอมยุทธ์ไร้สำนักอย่าอยู่ที่เขาจิ้นโม๋ซานเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ถูกสำนักมารทะเลฆ่าตาย
หลังจากที่ได้ยินที่เย่เย่กล่าวแล้ว ทั้งชิวซื่อเจี๋ยกับ เยว่ปู้ฝานนั้นต่างก็มีสีหน้าบอกไม่ถูกขึ้นมา เพราะอย่างที่เย่เย่กล่าว หลังจากที่สำนักมารทะเลนั้นทราบว่าทั้งโจวปู้เหยี่ยนกับผู้เฒ่าโม่ตายที่นี่แล้วก็เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะถูกฝังอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ต่อให้เย่เย่ปล่อยพวกเขารอดไปในวันนี้ ที่เขาจิ้นโม๋ซานนั้นก็จะไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาอีกต่อไป
แต่ทว่าเย่เย่ก็ไม่ได้บังคับทุกคนให้ออกไป หลังจากที่กล่าวแนะนำพวกเขาแล้วก็ได้หันหน้าไปหาเฉินผิง
เย่เย่ก็ได้กวัดแกว่งกระบี่น้ำแข็งตระการเบาๆไปทาง เฉินผิง แล้วโซ่ที่มัดตัวของเขาอยู่ก็ได้ขาดและได้อิสรภาพคืนกลับมา
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
สีหน้าของเฉินผิงนั้นบอกไม่ถูกยิ่งกว่าพวกชิวซื่อเจี๋ยเสียอีก เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองคงได้ตายจากการถูกพวก โจวปู้เหยี่ยนทรมานแน่แล้ว แต่สุดท้ายผลที่ออกมานั้นกลับเหนือกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะเป็นคนส่งตัวเขาให้กับชิวซื่อเจี๋ย แต่ผลสุดท้ายที่ออกมานั้นเฉินผิงก็ต้องขอบใจเย่เย่อยู่ดี ทำให้ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก และมีความสงสัยปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา และเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวของเย่เย่
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกว่าข้าเป็นใคร เจ้ารู้แค่ว่าข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้าก็พอ! อีกไม่นานข่าวโจวปู้เหยี่ยนถูกฆ่าคงได้แพร่ออกไปทั่วทั้งตงไห่ เจ้าควรที่จะรีบหนีออกไปจากที่นี่ในทันที!”
หลังจากที่เย่เย่ตอบเฉินผิงกลับไปแล้ว เขาก็ได้หันหลังกลับและเดินออกจากเขาจิ้นโม๋ซานไปโดยไม่ได้หันกลับมามองพวกเขาอีก
ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เย่เย่จะทำภารกิจสำเร็จแล้ว แต่เขายังได้เงินมาถึง 7 ล้านตั๋วทองกับกระบี่น้ำแข็งตระการอีกด้วย จึงได้ทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างมาก หลังจากที่เขาออกจากเขา จิ้นโม๋ซานมาแล้วเขาก็ได้รีบมุ่งหน้าไปยังดินแดนเทียนหนาน เพื่อรีบไปรับค่าตอบแทนและกลับสมาพันธ์โม่ไห่
ในขณะที่เย่เย่ทำภารกิจสำเร็จและรีบกลับดินแดน เทียนหนานอยู่นั้นเอง ตรงหน้าประตูเมืองโม่ไห่ที่อยู่ติดกับทะเลในดินแดนเทียนหนานนั้น ก็ได้มีเหล่ายอดฝีมือจากสมาพันธ์พึ่งตนเองล้อมรอบเมืองโม่ไห่อยู่แน่นขนัด รวมถึงฟู่เหว่ยผู้นำสมาพันธ์พึ่งตนเอง ยอดฝีมือเกือบทั้งหมดของสมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นก็ได้ออกมาเตรียมรบอย่างเต็มกำลัง ราวกับว่าพวกเขาตั้งใจที่จะโจมตีเมืองโม่ไห่และกำจัดสมาพันธ์โม่ไห่ให้หายไปจากดินแดนเทียนหนาน
“โฮก!”
ตรงหน้าของเหล่ายอดฝีมือสมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นก็มีสัตว์อสูรยักษ์จากทะเลลึกที่มีขนาดเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของเมืองโม่ไห่นั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูเมืองโม่ไห่ ขอเพียง ฟู่เหว่ยออกคำสั่ง เจ้าสัตว์อสูรยักษ์ตัวนั้นก็ได้จะเข้าโจมตีประตูเมืองทันทีและเปิดศึกตัดสินระหว่างสมาพันธ์โม่ไห่และสมาพันธ์พึ่งตนเอง
ซึ่งสัตว์อสูรยักษ์ตัวนั้นก็คือกิ้งก่าทะเลลึกที่ถูกฟู่เหว่ยปลุกขึ้นมานั่นเอง และเพราะเมืองโม่ไห่นั้นอยู่ติดทะเล ในตอนที่กิ้งก่าทะเลลึกนั้นได้โผล่ขึ้นมาจากก้นทะเลนั้นก็ได้แบกเอายอดฝีมือเกือบทั้งหมดของสมาพันธ์พึ่งตนเองขึ้นมาด้วย ทำให้เหล่ายอดฝีมือจากเมืองโม่ไห่นั้นต่างก็พากันตกตะลึงอย่างเหนือที่จะกล่าวออกมาได้
การปิดล้อมเมืองโม่ไห่ของสมาพันธ์พึ่งตนเองในครั้งนี้นั้นเป็นทางการลอบโจมตีและโจมตีอย่างเต็มกำลังในเวลาเดียวกัน ดังนั้นหลังจากที่พวกซ่างกวานจ้งนั้นรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหานี้แล้ว พวกเขาก็ได้รีบพาเหยียนลี่หยางกับเหยี่ยนเสี่ยวเฟยและเหล่ายอดฝีมือในเมืองโม่ไห่ไปที่กำแพงเมืองด้วยกันทันที และตัดสินใจที่จะป้องกันเมืองโม่ไห่อย่างสุดความสามารถ
“ท่านผู้นำสมาพันธ์ ในเวลานี้สมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นได้เปรียบพวกเราอยู่อย่างมาก พวกเราคงหวังที่จะพลิกสถานการณ์ด้วยการป้องกันเมืองโม่ไห่และรอการสนับสนุนจากเมืองอื่นๆ ไม่อย่างนั้นแล้วนับจากวันนี้ไปคงได้ไร้ซึ่งสมาพันธ์โม่ไห่อยู่ในดินแดนเทียนหนานแน่!”
ถึงแม้ว่าเหยี่ยนลี่หยางนั้นจะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพแล้วก็ตามที แต่เขาก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะไปสู้กับกิ้งก่าทะเลลึกที่มีความแข็งแกร่งในระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพได้อยู่ดี หลังจากที่วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน เขาก็ได้กล่าวแนะนำซ่างกวานจ้งอย่างเคร่งเครียด
เมื่อซ่างกวานจ้งได้ยินที่เหยียนลี่หยางกล่าวแล้ว ก็ได้มีสีหน้าขมขื่นขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
เขานั้นไม่คิดมาก่อนเลยว่าจากสถานการณ์ที่กำลังดีๆอยู่นั้นจะสามารถพลิกกลับมาแย่ได้เพราะกิ้งก่าทะเลลึก ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้สมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นมีความกล้าที่จะเผชิญกับสมาพันธ์โม่ไห่ของพวกเขาแล้ว แต่ในเวลานี้พวกเขายังเลือกที่จะรับความเสี่ยงและเปิดฉากลอบโจมตี ตั้งที่จะทำลายเมืองโม่ไห่ให้หายไปจากดินแดนเทียนหนานอีกด้วย
ถึงแม้ว่าการกระทำครั้งนี้จะเสี่ยงมาก ถ้าหากว่าสมาพันธ์โม่ไห่นั้นไม่สามารถลอบโจมตีได้สำเร็จอย่างงดงามแล้ว มันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากกับทรัพยากรและกำลังใจของยอดฝีมือของสมาพันธ์พึ่งตนเองอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันซ่างกวานจ้งเองก็ไม่อยากที่จะยอมรับว่าแผนการของพวกเขานั้นหากว่าประสบความสำเร็จแล้ว ทั่วทั้งสมาพันธ์พึ่งตนเองก็จะกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือและกลายเป็นผู้ครอบครองทั้งละแวกริมชายฝั่งทะเลแต่เพียงผู้เดียว
ก่อนเหตุการณ์ในวันนี้ ซ่างกวานจ้งนั้นไม่เชื่อว่าฟู่เหว่ยนั้นจะกล้ามากถึงขนาดนี้ ที่จะเดิมพันอนาคตทั้งหมดของสมาพันธ์พึ่งตนเองเพื่อเปิดศึกตัดสินกับสมาพันธ์โม่ไห่ทันทีเช่นนี้ แม้ว่าตัวเขานั้นจะรู้เรื่องที่กิ้งก่าทะเลลึกได้ปรากฏตัวที่เมืองฟู่ไห่มาแล้วก็ตามที แต่ซ่างกวานจ้งนั้นก็ยังไม่คิดว่าสมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นจะเป็นภัยแต่อย่างใด เพราะเขาคิดอยู่เสมอว่าขอเพียงเย่เย่กลับมาเมื่อใด ก็ไม่มีทางที่สมาพันธ์พึ่งตนเองก็จะพลิกสถานการณ์ได้อีก
แต่ในเวลานี้สมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นจู่ๆก็เหมือนจะมีความมั่นใจขึ้นมา และได้เปลี่ยนสถานะจากเป็นฝ่ายตั้งรับและได้รวบรวมเหล่ายอดฝีมือจากในสมาพันธ์พึ่งตนเองมาเปิดฉากโจมตีเมืองโม่ไห่ก่อน ซ่างกวานจ้งเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดไปถึงได้ทำให้สมาพันธ์โม่ไห่ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับเช่นนี้ แต่ในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดน้อยจากต้องสู้อย่างสุดกำลังเท่านั้น
“ผู้อาวุโสเหยียนลี่หยาง ในช่วงเวลาที่ผู้อาวุโสเย่เย่ไม่อยู่ท่านเป็นความหวังเดียวของสมาพันธ์โม่ไห่เรา วันนี้เมืองโม่ไห่ต้องพึ่งท่าน!”
ซ่างกวานจ้งนั้นเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้ดี จึงไม่ได้มีท่าทีของผู้นำสมาพันธ์แม้แต่นิดเดียว และได้หันหน้ามาและทำมือคารวะให้กับเหยียนลี่หยาง และกล่าวขอร้องอย่างเอาจริงเอาจัง
ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะหม่นหมอง แต่ซ่างกวานจ้งก็ยังไม่ละทิ้งซึ่งความหวัง เขาเชื่อว่าขอเพียงเมืองโม่ไห่ได้รับการสนับสนุนจากกองหนุนภายใต้การนำของเหยียนลี่หยางแล้ว ศัตรูจากสมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป อย่างไรเสียยอดฝีมือจากสมาพันธ์พึ่งตนเองทั้งหมดนั้นเทียบไม่ได้กับยอดฝีมือของสมาพันธ์โม่ไห่เลย ถ้าหากยอดฝีมือจากเมืองอื่นๆในสมาพันธ์มาถึงได้ทันเวลาแล้ว ต่อให้เป็นสัตว์อสูรยักษ์อย่างกิ้งก่าทะเลลึกของสมาพันธ์พึ่งตนเอง ก็ไม่อาจเป็นภัยต่อเมืองโม่ไห่ได้อีกต่อไป
“ท่านผู้นำสมาพันธ์ได้โปรดลุกขึ้นเถิด! ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าเหยียนลี่หยางยินดีที่จะทำสุดความสามารถเพื่อปกป้องเมืองโม่ไห่ของพวกเรา! ขออย่าได้กังวลขอเพียงกิ้งก่าทะเลลึกนั้นไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพจริงๆแล้ว ข้าก็มั่นใจว่ามันจะไม่สามารถฝ่ามหาอาคมป้องกันของเมืองโม่ไห่เราไปได้
หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ประคองให้ซ่างกวานจ้งยืนขึ้น เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและจ้องมองไปที่ม่านพลังโปร่งแสงที่ปกคลุมทั้งเมืองโม่ไห่เอาไว้ และมีความมั่นใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
หลังจากที่ยอดฝีมือคนอื่นๆของเมืองโม่ไห่ได้ยินคำพูดของเหยียนลี่หยางแล้ว สีหน้าพวกเขาต่างก็ปรากฏซึ่งความแน่วแน่ขึ้นมา พวกเขาต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอาชนะความกลัวกิ้งก่าทะเลลึก และดวงตาของพวกเขาก็ได้เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกเมื่อพวกเขามองไปที่เหล่ายอดฝีมือจากสมาพันธ์พึ่งตนเองที่อยู่นอกมหาอาคมป้องกันเมือง
ที่ด้านนอกของมหาอาคม หลังจากที่พวกฟู่เหว่ยได้ปรากฏตัวจากใต้ทะเลพร้อมกับกิ้งก่าทะเลลึกแล้ว พวกเขาก็ได้พากันล้อมเมืองโม่ไห่เอาไว้ทันที แล้วฟู่เหว่ยก็ได้สั่งให้กิ้งก่าทะเลลึกเดินไปตรงหน้าประตูเมืองโม่ไห่โดยตั้งใจที่จะเพิ่มแรงกดดันทางจิตใจของผู้คนในเมืองโม่ไห่ เมื่อเขารู้สึกได้ว่าการกดดันด้วยกิ้งก่าทะเลลึกนั้นน่าจะได้ผลแล้ว เขาก็ได้เหาะออกมาจากกลุ่มคนแล้วลงมายืนเบาๆอยู่บนหลังของกิ้งก่าทะเลลึก แล้วมองไปที่พวกซ่างกวานจ้งที่อยู่บนกำแพง
“ผู้คนในเมืองโม่ไห่จงฟัง ถ้าหากพวกเจ้าทุกคนยอมแพ้เสียตอนนี้ ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่! แต่ถ้าหากดื้อรั้นที่จะต่อต้านแล้วไม่เพียงแต่จะต้องตายภายใต้การย่ำของกิ้งก่าทะเลลึกแล้ว แต่ทั่วทั้งเมืองโม่ไห่จะต้องถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองด้วยฝีมือสมาพันธ์พึ่งตนเองของพวกเรา! ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าครึ่งชั่วยาม หากว่าพวกเจ้ายอมที่จะปิดอาคมป้องกันเมืองและต้อนรับพวกเราเข้าเมืองแล้ว ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าทุกคนในเมืองโม่ไห่!”
ฟูเหว่ยที่ยืนอยู่บนหลังของกิ้งก่าทะเลลึกนั้นก็ได้เกลี้ยกล่อมยอดฝีมือของเมืองโม่ไห่ให้ยอมแพ้ด้วยเสียงดัง โดยต้องการที่จะเข้าเมืองโดยปราศจากการต่อสู้และได้รับชัยชนะโดยที่ไม่ได้รับความสูญเสียใดๆ
สีหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความภูมิใจและรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นไม่เคยง่ายดายขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่าโลกทั้งใบนั้นอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของเขาแล้ว
เหตุผลที่ว่าทำไมสมาพันธ์พึ่งตนเองถึงได้บุกเมืองโม่ไห่ในเวลานี้นั้น เพราะความมั่นใจของฟู่เหว่ยนั้นพุ่งทะยานสูงมากหลังจากที่เขาได้กิ้งก่าทะเลลึกมา
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณชน แต่สมาพันธ์พึ่งตนเองของพวกเขานั้นได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อสำนักต่างไฟก่อนที่จะบุกโจมตีเมืองโม่ไห่แล้ว และเพราะได้สำนักต่างไฟที่เป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งในดินแดนเทียนหนานแล้ว ฟู่เหว่ยก็ได้เลิกขี้ขลาดอีกต่อไป และได้รวบรวมยอดฝีมือจากสมาพันธ์พึ่งตนเองทุกคนให้มารวมกันและเปิดฉากลอบโจมตีเมืองโม่ไห่ทันที
ถ้าหากชนะศึกนี้ได้ สมาพันธ์พึ่งตนเองของพวกเขาก็ไม่เพียงแต่เอาชนะศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาอย่างสมาพันธ์โม่ไห่ได้ในคราวเดียวแล้ว แต่ตัวฟู่เหว่ยเองก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากสำนักต่างไฟ หรือต่อให้พวกเขากลับไปโดยปราศจากซึ่งชัยชนะในศึกนี้ สมาพันธ์พึ่งตนเองก็ยังสามารถเปลี่ยนจากรุกไปเป็นรับได้ และช่วยสำนักต่างไฟด้วยการดึงให้ยอดฝีมือของสมาพันธ์โม่ไห่อยู่แต่ในละแวกริมชายฝั่งทะเลแล้ว
ฟู่เหว่ยนั้นเชื่อว่าขอเพียงพวกเขาสามารถอดทนต่อการโจมตีของสมาพันธ์โม่ไห่ไว้ได้นานพอ และรอให้สำนักต่างไฟนำยอดฝีมือของพวกเขามาโจมตีแล้ว สุดท้ายชัยชนะก็ยังตกเป็นของสมาพันธ์พึ่งตนเองอยู่ดี ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดสักพักแล้ว ฟู่เหว่ยก็ได้ตัดสินใจนำยอดฝีมือของสมาพันธ์พึ่งต้นมาล้อมเมืองโม่ไห่เอาไว้ทันที เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังและความมั่นใจของสมาพันธ์พึ่งตนเองให้ดินแดนเทียนหนานได้เห็น