ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 479 กิ้งก่าทะเลลึก
บทที่ 479
กิ้งก่าทะเลลึก
ในขณะที่เย่เย่ลอบเร้นอยู่ในเขาจิ้นโม๋ซานได้สำเร็จและรอคอยเวลาลอบสังหารโจวปู้เหยี่ยน นายน้อยของสำนักมารทะเลอยู่นั้นที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆอยู่นั้น ที่ละแวกริมชายฝั่งทะเลในดินแดนเทียนหนาน ก็ได้มีเหล่ายอดฝีมือของสมาพันธ์พึ่งตัวเองก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่ชายหาดนอกเมืองฟู่ไห่
ฟู่เหว่ยผู้นำสมาพันธ์พึ่งตนเอง และเหล่าผู้สนับสนุนของเขาเฉินเฉียงและพรรคพวก หลังจากที่ได้ทำการรวบรวมเหล่ายอดฝีมือในสมาพันธ์พึ่งตนเองที่คิดจะยอมสวามิภักดิ์สมาพันธ์โม่ให่ มารวมตัวกันอยู่ที่ริมทะเลและมองไปยังทะเลที่ไร้ขอบราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
“ท่านผู้นำสมาพันธ์ ท่านมีธุระอะไรถึงได้จู่ๆก็เรียกพวกเรามารวมตัวกันที่นี่วันนี้? ถ้าหากว่าไม่มีอะไรสำคัญ ก็ได้โปรดให้พวกเรากลับไปเถอะอย่ามาทำให้พวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย!”
ในบรรดาคนที่อยากจะสวามิภักดิ์เข้ากับสมาพันธ์โม่ไห่นั้นก็มีชายในชุดสีดำคนหนึ่งที่มีท่าทีหมดความอดทนที่เดินขึ้นหน้ามาและกล่าวกับฟู่เหว่ย น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ
ซึ่งคนคนนี้ก็คือจิ้นฮว๋าเจ้าเมืองโบราณจินซือ เขานั้นเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาเหล่าผู้ที่ต้องการจะเข้าร่วมกับสมาพันธ์โม่ไห่ ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่มีทัดเทียมกับฟู่เหว่ยที่สุดในบรรดาคนกลุ่มนี้ แม้ว่าพวกจิ้นฮว๋านั้นจะรู้ดีว่าฟู่เฟว่ยนั้นไม่พอใจพวกเขา แต่ในเวลานี้สมาพันธ์พึ่งตนเองนั้นกำลังอยู่ในภาวะล่มสลายแล้ว ดังนั้นพวกจิ้นฮว๋าจึงได้ไม่สนใจฟู่เหว่ยนั้นจะคิดเช่นไรกับพวกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขาต้องการที่จะเอาชนะใจเหล่ายอดฝีมือจากสมาพันธ์พึ่งตนเองให้มาเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อสวามิภักดิ์ต่อสมาพันธ์โม่ไห่เพิ่มแล้ว ก็เกรงว่าจิ้นฮว๋ากับพรรคพวกนั้นก็คงจะประกาศแยกตัวจากสมาพันธ์พึ่งตนเองเสียตั้งแต่ตรงนี้ไปแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุให้พวกเขายังเชื่อฟังคำสั่งของฟู่เหว่ยและมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ในตอนที่จิ้นฮว๋าเห็นว่าฟู่เหว่ยได้เรียกยอดฝีมือในสมาพันธ์พึ่งตนเองที่คิดจะเข้าร่วมกับสมาพันธ์โม่ไห่ทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว ตัวเขาก็พอที่จะคาดเดาอะไรบางอย่างได้
แต่ทว่าอาศัยความได้เปรียบจากการที่มีคนมากกว่าแล้ว จิ้นฮว๋าจึงไม่ได้ใส่ใจกับฟู่เหว่ยมากนัก และไร้ซึ่งความกลัวในคำพูดของเขาในตอนที่คุยกับฟู่เหว่ย
เมื่อได้ยินที่จิ้นฮว๋าถามแล้วฟู่เหว่ยก็ได้หันหน้ากลับมา แต่เขาก็หาได้มีความไม่พอใจใดๆบนใบหน้าของเขา กลับกันเขาก็ได้เผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยแก่พวกจิ้นฮว๋า
“พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นเหมือนกับกระดูกสันหลังของสมาพันธ์โม่ และพวกเจ้าก็ควรที่จะทุ่มเทเพื่อความอยู่รอดและรุ่งเรืองของสมาพันธ์พึ่งตนเองของพวกเรา แต่แล้วทำไมข้าถึงได้ยินมาว่ามีคนที่คิดจะแยกตัวออกจากสมาพันธ์พึ่งตนเองและคิดที่จะพายอดฝีมือของสมาพันธ์พึ่งตนเองไปเข้าร่วมกับสมาพันธ์โม่ไห่ได้ล่ะ? การทรยศอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยกโทษให้ได้ทั้งนั้นไม่ว่าขุมกำลังไหนๆ และที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อที่จะถามพวกเจ้าถึงเรื่องนี้ ว่าข้าควรที่จะจัดการกับเหล่าคนที่ทรยศเหล่านี้อย่างไรดี?”
ในขณะที่ฟู่เหว่ยกล่าว ตัวเขาก็ได้จับจ้องไปที่ข้างหลังของจิ้นฮว๋าและเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งความหมายนั้นก็ชัดเจนอย่างมาก
พวกจิ้นฮว๋าต่างก็มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขานั้นคิดว่าฟู่เหว่ยคงจะหาทางที่จะจัดการเก็บพวกเขาเป็นแน่ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีที่เขาเปิดปากออกมาเช่นนี้
แต่ทว่าพวกจิ้นฮว๋านั้นก็ไม่ยอมที่จะถูกจัดการง่าย ในเมื่อฟู่เหว่ยนั้นได้แสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาข้ออ้างอีกต่อไป หลังจากที่มองไปที่ฟู่เหว่ยแล้วกับพวกเฉินเฉียงที่อยู่ข้างหลังเขาแล้ว จิ้นฮว๋าก็ได้เดินขึ้นหน้ามาและกล่าวกับฟู่เหว่ย: “ในเมื่อท่านผู้นำสมาพันธ์ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว ใช่แล้วพวกเราตั้งใจที่จะไปขออาศัยพึ่งพาสมาพันธ์โม่ไห่ อย่างไรเสียนกดีย่อมเลือกกิ่งไม้เกาะ และไม่มีใครฝากฝังอนาคตของตัวเองเอาไว้กับเส้นทางที่ไร้ซึ่งอนาคตเป็นแน่ พวกเราทั้งสองฝ่ายเจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดี ซึ่งถ้าหากผู้นำสมาพันธ์จะทำเป็นหูหนวกตาบอดกับเรื่องนี้ก็จะเป็นการดีมาก แต่ถ้าหากท่านผู้นำสมาพันธ์คิดที่จะสู้กับพวกเราแล้ว คนที่ท่านพามาในวันนี้ก็เกรงว่าคงจะไม่พอ!”
หลังจากที่จิ้นฮว๋าพูดจบ เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ข้างหลังเขาก็ได้เดินขึ้นหน้าออกมาพร้อมกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงท่าทีพร้อมเป็นพร้อมตายไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามพวกเฉินเฉียงที่อยู่ข้างหลังฟู่เหว่ยนั้นเรื่องจำนวนสู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากต้องสู้กันกับพวกจิ้นฮว๋าขึ้นมาจริงๆแล้ว ก็เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะถูกพวกจิ้นฮว๋ากำจัดเสียเอง
แต่ทว่าก็หาได้มีความกลัวปรากฏบนใบหน้าของฟู่เหว่ยไม่ เมื่อเขาเห็นพวกจิ้นฮว๋าคิดไม่ซื่อแล้ว ก็ได้มีแววตาเย้ยหยันปรากฏในดวงตาของเขา
“เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าข้าจะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงได้ให้พวกเขามารวมตัวกันที่นี่แทนที่จะเป็นจวนเจ้าเมืองน่ะ?”
หลังจากที่ฟู่เหว่ยกล่าวจบ จิ้นฮว๋ากับพรรคพวกนั้นก็ได้รู้สึกไม่ดีขึ้นมา
“ล้อมพวกเขา!”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เคลื่อนไหว ฟู่เหว่ยก็ได้ตะโกนบอกกับพวกเฉินเฉียงที่อยู่ด้านหลังเขา
พวกเฉินเฉียงที่เตรียมพร้อมอยู่นานแล้วก็ได้พากันไปล้อมตัวพวกจิ้นฮว๋าเอาไว้
ครืนนนน!
ในขณะที่มือของฟู่เหว่ยกับพวกเฉินเฉียงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนั้น จิ้นฮว๋ากับพรรคพวกที่อยู่ในวงล้อมนั้นก็พบว่ามีลวดลายแปลกๆเป็นรูปเลือดเต็มปากปรากฏอยู่ที่ใต้เท้าของพวกเขา
“บ้าเอ๊ย! พยายามฝ่าออกไปให้ได้ อย่าปล่อยให้พวกเขาขังเอาไว้ได้!”
ถึงแม้ว่าจิ้นฮว่าจะไม่รู้ว่าลวดลายเหล่านี้คืออะไรก็ตามที แต่ก็ได้รู้สึกไม่ดีขึ้นมาในใจของเขา โดยปราศจากซึ่งการลังเลจิ้นฮว๋าก็ได้ตะโกนบอกกับเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ข้างหลังเขาทันที และในขณะเดียวกันตัวเขาก็ได้พยายามฝ่าวงล้อมที่อยู่ด้านหน้าของเขาเพื่อที่จะหนีไปให้ไกลจากระยะของลวดลายนี้โดยไวที่สุด
ซู่!
แต่ทว่าพวกเขาก็ยังสายเกินไปอยู่ดี ในชั่วขณะที่มีลวดลายปรากฏที่ใต้เท้านั่น ก็ได้มีม่านพลังพุ่งขึ้นมาจากพื้นและขังพวกจิ้นฮว๋ากับเอาไว้ข้างในแล้ว
ตูมๆๆ!
ถึงแม้ว่าพวกจิ้นฮว๋านั้นจะพยายามโจมตีใส่อาคมนี้อย่างเต็มที่ แต่ความแข็งแกร่งของอาคมม่านพลังโปร่งแสงนี้ก็เหนือกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้ และไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีใส่อย่างรุนแรงขนาดไหน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำลายอาคมนี้ลงได้เลย
“เครื่องบูชายัญเตรียมพร้อมแล้ว ถ้าหากว่าเจ้ายังไม่ตื่นตอนนี้จะให้รอไปจนถึงเมื่อไร!”
ในตอนที่ฟู่เหว่ยเห็นเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็ได้ใจจดใจจ่อมากขึ้นไปอีก แล้วเขาก็ได้กัดนิ้วของตัวเองและสาดเลือดลงบนม่านพลังโปร่งแสง แล้วจากนั้นก็ได้ตะโกนใส่ม่านพลังนั้น
“โฮก!”
ไม่การเปลี่ยนแปลงใดๆปรากฏขึ้นในม่านพลังนั้น กลับกันก็ได้มีเสียงคำรามขนาดหัวใจสะเทือนดังขึ้นมาจากใต้ทะเลที่อยู่ด้านหลังพวกเขา
ครืนนนนน!
หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็ได้มีสัตว์อสูรยักษ์โบราณที่มีรูปร่างคล้ายกิ้งก่า แต่มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของเมืองโม่ไห่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากทะเล
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ในชั่วขณะที่จิ้นฮว๋ากับพรรคพวกเห็นสัตว์อสูรยักษ์ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่นั้นเอง พวกเขาก็ได้พลันนึกถึงตำนานเมือง ฟู่ไห่ขึ้นมาได้แล้วสีหน้าของพวกเขาก็ได้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“กิ้งก่าทะเลลึก!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่เหว่ยกับพวกเฉินเฉียงนั้นได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของกิ้งก่าทะเลลึก แต่เมื่อเทียบกับความกลัวบนใบหน้าของพวกจิ้นฮว๋าแล้ว หัวใจของพวกเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“โฮก!”
หลังจากที่สัตว์อสูรยักษ์โบราณกิ้งก่าทะเลลึกปรากฏตัวขึ้นมาอยู่นั้นเอง ดวงตาของมันยังคงปิดสนิทอยู่ ราวกับว่ามันนั้นยังไม่ได้ตื่นอย่างเต็มที่ และขึ้นมาหาพวกจิ้นฮว๋าอย่างช้าๆอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่ามันถูกดึงดูดด้วยอาหารที่ยากจะต้านทานอยู่
จนถึงในเวลานี้พวกจิ้นฮว๋าก็รู้แล้วว่าแผนการที่แท้จริงของฟู่เหว่ยนั้นคืออะไร และไม่ว่าพวกเขานั้นจะหัวช้าขนาดไหนก็ตาม พวกเขาต่างก็พยายามโจมตีอย่างเต็มที่เพื่อพยายามหนีไปจากกิ้งก่าทะเลลึกให้ทันการ และมีบางคนที่พยายามร้องขอความเมตตาจากฟู่เหว่ยและหวังให้ฟู่เหว่ยนั้นให้โอกาสพวกเขาได้แก้ตัว
แต่สีหน้าของฟู่เหว่ยนั้นกลับหนาวเย็นอย่างสุดๆ และตัวเขานั้นก็ไม่คิดที่จะปล่อยพวกเขาไป ซึ่งในขณะที่กิ้งก่าทะเลลึกนั้นกำลังคืบคลานมาอย่างช้าๆอยู่นั้นเอง เขากับพวกเฉินเฉียงก็ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเสริมพลังของอาคม และป้องกันไม่ให้พวกจิ้นฮว๋าหนีออกมาได้
“ฟู่เหว่ย เจ้าคนสารเลว! ต่อให้พวกเราตายกลายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”
เมื่อเห็นว่าทั้งร้องขอความเมตตาหรือพยายามทำลายอาคมนั้นไร้ผล พวกจิ้นฮว๋าก็ได้มีความสิ้นหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาต่างก็พากันสาปแช่งฟู่เหว่ยที่อยู่ด้านนอกอาคม ราวกับว่านี่เป็นหนทางเดียวที่จะบรรเทาความกลัวในจิตใจของพวกเขา
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนมากขนาดไหน ระยะห่างของกิ้งก่าทะเลลึกกับอาคมนั้นก็ไม่ได้หยุดลดลงเลยแม้แต่น้อย และใช้เวลาไม่นานนักที่กิ้งก่าทะเลลึกที่ยังหลับตาอยู่นั้นได้คืบคลานเข้ามาหาอาคมนั้น
“โฮก!”
โดยปราศจากซึ่งการรอช้า กิ้งก่าทะเลลึกก็ได้กลืนเครื่องบูชายัญที่พวกฟู่เหว่ยเตรียมเอาไว้หลังจากที่คำรามทันที พวกจิ้นฮว๋ารวมถึงม่านพลังโปร่งแสงนั้นก็ได้หายไปในปากของกิ้งก่าทะเลลึกที่เต็มไปด้วยเลือดทันที
“อึ่ก!”
ในตอนที่กิ้งก่าทะเลลึกได้กลืนพวกจิ้นฮว๋าลงไปนั้น พิธีการของพวกฟู่เหว่ยนั้นก็ได้เป็นอันเสร็จสิ้น พวกเขาต่างก็พากันถอยอย่างหวาดกลัวและมองไปที่กิ้งก่าทะเลลึกด้วยความหวาดกลัวและคาดหวัง ราวกับว่าพวกเขานั้นได้ฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับกิ้งก่าทะเลลึก
ซึ่งผลที่ออกมานั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง หลังจากที่กิ้งก่าทะเลลึกได้กลืนพวกจิ้นฮว๋าลงไปนั้น มันก็ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆและฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหลที่ยาวนาน
“โฮก!!!”
กิ้งก่าทะเลลึกที่ตื่นเต็มที่แล้วก็ได้เชิดหัวขึ้นฟ้าแล้วคำรามออกมา ทำให้เกิดเสียงดังลั่นและเป็นการคำรามที่มีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้า
ฟู่เหว่ยกับพรรคพวกที่อยู่ไม่ไกลนั้นต่างก็พากันอุดหูตัวเองด้วยความตกใจและทรุดลงไปนั่งยองๆพร้อมสีหน้าที่เจ็บปวด
ที่เมืองโบราณฟู่ไห่ที่อยู่ด้านหลังของพวกฟู่เหว่ยนั้น ผู้คนภายในเมืองที่ได้ยินเสียงคำรามต่างก็พากันหันหน้าไปมองที่ทะเลพร้อมกัน แล้วสีหน้าของพวกเขาก็ได้เผยสีหน้าตกใจและหวาดกลัวออกมา
ในวันต่อมาข่าวเรื่องของการพบกิ้งก่าทะเลลึกที่เมือง ฟู่ไห่นั้นก็ได้ทั่วทั้งละแวกริมชายฝั่งทะเลต้องเกิดความฮือฮา
สมาพันธ์พึ่งตนเองซึ่งเสี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับการรุกรานของสมาพันธ์โม่ไห่อยู่นั้น ก็เหมือนกับว่ามีความมั่นใจที่จะตอบโต้สมาพันธ์โม่ไห่ขึ้นมา กำลังใจก็ได้เพิ่มขึ้นและ ความเหนียวแน่นในสมาพันธ์ก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกระดับ
พวกจิ้นฮว๋าที่ถูกฟู่เหว่ยใช้เป็นเหยื่อบูชายัญให้กับกิ้งก่าทะเลลึกนั้น ก็ได้หายเข้าไปในท้องของกิ้งก่าทะเลลึกแล้ว แล้วเมืองโบราณต่างๆที่พวกจิ้นฮว๋าปกครองอยู่นั้นต่างก็ได้ร้องขอให้ฟู่เหว่ยรับพวกเขาด้วยความเร็วสูง แล้วทั่วทั้งสมาพันธ์พึ่งตนเองก็ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของฟู่เหว่ยหลังจากที่ได้รับการหนุนหลังจากมังกรทะเลลึก และไม่มีใครในทั่วทั้งละแวกริมชายฝั่งทะเลที่จะมาขัดขวางเขาได้อีก
ที่เมืองโม่ไห่ของสมาพันธ์โม่ไห่นั้น ซ่างกวานจ้งที่ได้รับทราบข่าวนี้ก็ได้เรียกเหยียนเสี่ยวเฟย, จงเจิ้งหมิงและคนอื่นๆให้มารวมตัวกันที่เมืองโม่ไห่เพื่อปรึกษาทันที แม้แต่เหยียนลี่หยางที่ประจำการอยู่ที่เมืองเหยียนเป่ยนั้นก็ยังกลับมาที่สมาพันธ์โม่ไห่หลังจากที่รู้สึกได้ถึงหายนะนี้ และตั้งใจที่จะเป็นเสาค้ำทะเลตงไห่ของสมาพันธ์โม่ไห่แทนเย่เย่
ถึงแม้ว่าสมาพันธ์โม่ไห่นั้นจะไม่ได้ประกาศเรื่องที่ เย่เย่ไม่อยู่ออกไป แต่เย่เย่ก็ได้แจ้งพวกซ่างกวานจ้งไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเดินทางไปยังหอธารสวรรค์แล้ว ดังนั้นคนในระดับสูงของสมาพันธ์โม่ไห่ต่างก็รู้ว่าเย่เย่นั้นไม่ได้อยู่สมาพันธ์ในเวลานี้
และเพราะเหตุนี้เกือบทุกคนในสมาพันธ์โม่ไห่ต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักอึ้งหลังจากที่ทราบถึงความแข็งแกร่งของกิ้งก่าทะเลลึกที่ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพ