ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 478 ข้อตกลง
บทที่ 478
ข้อตกลง
“บ้าเอ๊ย แม้จะน่าหงุดหงิดเพียงไหนแต่วันนี้ก็จะต้องเดิมพันกับเขาให้รู้แล้วรู้รอดจนได้!”
ท้ายที่สุดเยว่ปู้ฝานก็ได้เอาชนะอุปสรรคในจิตใจของเขา และด้วยศักดิ์ศรีของเขาในฐานะราชันย์เทพนั้นก็ไม่อาจให้เขาถอยในตอนนี้ได้
ดังนั้นหลังจากที่จ้องมองไปที่เย่เย่แล้ว เยว่ปู้ฝานก็ได้กระโดดลงมาจากบนแท่นชั่งแล้วหยิบเขาพลั่วอันใหม่มาจากคนที่อยู่ข้างๆเขา และกล่าวกับเย่เย่ที่อยู่ตรงหน้าเขา “แผนของเจ้ามันไม่ได้ผลกับข้าหรอก! ไม่ว่าเจ้าจะวางอุปสรรคไว้มากขนาดไหน ขอเพียงพบว่าเจ้ามีแร่เหล็กม่วงอยู่ไม่พอแล้ว วันนี้เจ้าจะต้องแพ้อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้เดินกลับขึ้นไปบนแท่นชั่งอีกหน และกวัดแกว่งพลั่วในมือของเขาเพื่อกลับด้านแร่ในรถเข็นโดยไม่พูดอะไรอีก
ครึกครักๆๆ!
กองแร่เหล็กม่วงในรถเข็นก็ได้ถูกเยว่ปู้ฝานกวนกลับไปกลับมา และมีเสียงของก้อนแร่กระทบกันในรถเข็นดังขึ้นมา
แต่ทว่า!
หลังจากที่เยว่ปู้ฝานคนแร่กลับไปกลับมาแล้วก็พบว่าไม่มีแร่อื่นปนอยู่ในรถเข็นของเย่เย่เลยแม้แต่นิดเดียว และแร่เหล็กม่วงทั้งหมดก็ล้วนแต่ผ่านมาตรฐานด้วย
“เป็นไปไม่ได้!”
เยว่ปู้ฝานนั้นไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตัวเอง เขานั้นกวัดแกว่งพลั่วและคุ้ยกองแร่ต่อไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง และค่อยๆว้าวุ่นมากขึ้นเรื่อยๆราวกับแมลงวันที่ไร้หัว
“เป็นไปได้ยังไง?”
แต่ไม่ว่าเยว่ปู้ฝานจะพยายามมากขนาดไหน ตัวเขาก็ไม่พบแร่คุณภาพต่ำในรถเข็นของเย่เย่เลย จึงได้มีสายตาที่งุนงงปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ราวกับว่าตัวเขานั้นถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกอีกด้วย
ในขณะที่ความมั่นใจของเยว่ปู้ฝานกำลังจะพังทลายอยู่นั้น เขาก็ได้เหลือบสายตามามองรถเข็นที่อยู่ตรงหน้าเขา ราวกับว่าเขานึกอะไรออกได้ ก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาในทันที
“ฮ่าๆ ข้ารู้แล้ว! ที่แท้ไพ่ตายที่แท้จริงของเจ้าก็คือสิ่งนี้นี่เอง!”
ในขณะที่พูดอยู่ เยว่ปู้ฝานก็ได้เทเอาแร่ออกจากรถเข็นของเย่เย่และกระโดดลงมาจากแท่นชั่งด้วยตัวเอง จนเหลืออยู่แค่รถเข็นอยู่บนแท่นชั่ง
เขาต้องการที่จะใช้แท่นชั่งเป็นเครื่องยืนยันว่ารถเข็นของเย่เย่นั้นน่าสงสัยมากและน้ำหนักของมันก็น่าจะหนักว่ารถเข็นของคนอื่นๆเป็นแน่ แต่พอเยว่ปู้ฝานเห็นตัวเลขน้ำหนักของรถเข็นของเย่เย่แล้วก็พบว่าหนักเพียง 50 ชั่งแสดงอยู่ตรงหน้าแท่นชั่ง ทำให้ตัวเขาตกอยู่ในความงุนงงอีกหน
“เขากำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
ยืนอยู่ข้างๆเคอเสี่ยวหมิง เย่เย่ก็ได้มองไปที่เยว่ปู้ฝานที่อยู่ไม่ไกลราวกับมองคนบ้า และถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เอ่อ ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน!”
แน่นอนว่าเคอเสี่ยวหมิงเองก็เห็นสภาพที่เหมือนคนสติแตกของเยว่ปู้ฝานแล้ว และในเวลานี้ในใจของเขาเองก็งุนงงไม่แพ้เยว่ปู้ฝาน และมองไปที่ดวงตาของเย่เย่ด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะว่าสภาพในปัจจุบันของเยว่ปู้ฝานที่เหมือนคนสติแตกไปแล้วนั้น ดังนั้นเพื่อที่จะให้เย่เย่ไม่มองเขาในแบบเดียวกันแล้ว เคอเสี่ยงหมิงก็ได้พยายามทำเป็นประคองสติเอาไว้ได้และขีดเส้นแบ่งตัวเองออกจากเยว่ปู้ฝาน
“ช่างเถอะในเมื่อความบริสุทธิ์ของข้าได้รับการพิสูจน์แล้ว การตรวจสอบวันนี้ก็คงจะจบแล้วใช่ไหม! แล้วเมื่อไรที่ข้าจะได้รับเงินตอบแทนจากทางสำนักมารทะเลล่ะ? ถ้าหากให้ข้ารอนานเกินไป ข้าสามารถไปขอคำปรึกษาจากผู้อาวุโสชิวได้สินะ!”
เย่เย่ก็ได้ปล่อยเรื่องของเยว่ปู้ฝานไปก่อนแล้วหันหน้าไปหาเคอเสี่ยวหมิงที่อยู่ข้างๆเขาแล้วถามเรื่องของค่าตอบแทน
เย่เย่นั้นรู้ดีมากกว่าเคอเสี่ยวหมิงกับคนอื่นๆนั้นต่างก็ยังคงสงสัยกันอยู่ และพวกเขาต่างก็ไม่รู้ถึงกลวิธีที่เขาใช้ในการขุดแรก 1,000 ก้อนที่เหลือภายในไม่กี่วัน แต่เย่เย่นั้นก็ไม่คิดที่จะบอกเหตุผลว่าที่ตัวเขาสามารถขุดหาแร่ได้ทันการนั้นก็เพราะ วรยุทธ์ในระดับจักรพรรดิเทพของเขา
อย่างที่เยว่ปู้ฝานเชื่อ ถ้าหากเย่เย่นั้นเป็นเพียงแค่ราชันย์เทพแล้ว ตัวเขาก็คงไม่สามารถที่จะขุดหาแร่ 1,000 ก้อนได้ภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน แต่เย่เย่นั้นไม่ใช่ราชันย์เทพ พลังของเขานั้นอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพแล้ว ดังนั้นโดยปราศจากซึ่งการเล่นตุกติกใดๆ มันก็ยังเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะขุดแร่ให้ได้อีก 1,000 ก้อน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเย่เย่ถึงได้กล้ามาปรากฏตัวที่ค่ายในวันนี้อย่างซื่อตรง เพราะตั้งแต่แรกแล้วตัวเขานั้นไม่มีเหตุผลใดๆให้ต้องรู้สึกผิดและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเมื่อสักครู่นั้นก็เพื่อทำให้เยว่ปู้ฝานติดกับ
เคอเสี่ยวหมิงกับคนอื่นๆนั้นไม่ทราบถึงเรื่องนี้ ดังนั้นต่อให้พวกเขาครุ่นคิดมากขนาดไหนพวกเขาก็คิดไม่ออกว่าเย่เย่นั้นสามารถทำสำเร็จทันเวลาได้อย่างไร และหากว่าเย่เย่นั้นปฏิเสธที่จะตอบแล้วเคอเสี่ยวหมิงก็ไม่กล้าที่จะถามเขาแต่อย่างใด
ในเวลานี้เมื่อเขาได้ยินที่เย่เย่ถามถึงเรื่องของเวลาจ่ายเงินแล้ว เคอเสี่ยวหมิงที่เห็นว่าเย่เย่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของ ตั๋วทองมากถึงขนาดนี้แล้ว ตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะตอบอย่างคลุมเครือ และได้รีบตอบกับเย่เย่อย่างชัดเจนโดยพลัน “ขอเพียงทำการส่งมอบแร่เรียบร้อยแล้ว ในอีก 3 วันให้หลังทางสำนักจะทำการแจกจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ ดังนั้นท่านเสิ่นเฟยไม่จำเป็นต้องกังวล!”
“ดี! แร่ 3,000 ก้อนเมื่อเปลี่ยนเป็นตั๋วทองแล้วก็เท่ากับ 3 ล้านตั๋วทอง! นอกจากนี้ยังมีอีก 3 ล้านตั๋วทองที่เยว่ปู้ฝานติดข้าเอาไว้อีกก็รวมเป็น 6 ล้านตั๋วทอง! ไม่นึกเลยว่าแค่เพียงไม่กี่วันก็หามาได้มากขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจิ้นโม๋ซานนี่จะเป็นแดนสวรรค์เสียจริงๆ!”
หลังจากที่เย่เย่ได้คำตอบจากเคอเสี่ยวหมิงแล้ว ก็ได้ผงกหัวด้วยความพึงพอใจเมื่อคิดว่าตัวเขานั้นได้มาถึง 4 ล้านตั๋วทองภายในไม่กี่วันที่เขามาถึงที่เขาจิ้นโม๋ซาน ซึ่งเย่เย่ก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
เยว่ปู้ฝานที่อยู่ไม่ไกลเมื่อได้ยินที่เย่เย่พูดแล้ว เขาก็ได้สติกลับคืนมาทันที ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเย่เย่นั้นใช้วิธีไหนขุดแร่มาให้ได้มากพอ เยว่ปู้ฝานก็รู้ว่าตัวเขานั้นไม่สามารถใช้เหตุผลนี้มาสร้างปัญหาให้เย่เย่ได้อีก
ในเวลานี้มีของอยู่อย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เขาดึงสถานการณ์กลับมาและอาจจะเป็นไพ่ตายทำให้เย่เย่ต้องสูญเสียทุกอย่างด้วย นั่นคือข้อตกลงจ้างงานที่เย่เย่ได้ทำการเซ็นต์กับหัวหน้าเหมืองคนอื่นๆก่อนหน้านี้! ดังนั้นเยว่ปู้ฝานจึงได้เรียกเรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้วค่อยๆเดินไปหาเย่เย่
“หยุดเลย! ลูกไม้ของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลทั้งนั้น ถ้าเจ้ายังอยากที่จะรักษาหน้าของตัวเองแล้ว ข้าแนะให้เจ้าถอยเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า!”
เย่เย่ที่คุยอยู่กับเคอเสี่ยวหมิงเมื่อสักครู่ ก็ได้หันหน้ากลับไปหาเยว่ปู้ฝานที่กำลังเดินเข้ามาหาและกล่าวเตือน เยว่ปู้ฝานอย่างไม่มีพิธีรีตองใดๆ
“แม่งเว้ย! ข้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย!”
เยว่ปู้ฝานก็ได้หยุดด้วยความตกตะลึง แล้วมองไปที่เย่เย่ด้วยสีหน้าที่สงสัย ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่สามารถทำความเข้าใจกับเย่เย่ได้ชั่วขณะ
“หึ! สิ่งที่เจ้ากำลังคิดอยู่น่ะแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว! เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้ายังไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ก็ให้หัวหน้าเหมืองคนอื่นๆที่ทำสัญญาตกลงกับข้าเอาหนังสือสัญญาทั้งหมดออกมาเลย!”
หลังจากที่เย่เย่พูดแย้งใส่เยว่ปู้ฝานแล้ว ก็ไม่คิดที่จะยุ่งอะไรกับเยว่ปู้ฝานอีก และบอกให้หัวหน้าเหมืองที่ทำสัญญาตกลงกับเขานั้นหยิบเอาหนังสือสัญญาออกมา
เมื่อเยว่ปู้ฝานเห็นเย่เย่ดูไร้ซึ่งความกลัวแล้ว ตัวเขาก็ได้รู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกหน เขาได้กะพริบตาให้กับหัวหน้าเหมืองที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งก็ได้ผงกหัวตอบทันทีแล้วต่างก็หยิบเอาหนังสือสัญญาที่พวกเขาเซ็นเอาไว้กับเย่เย่ออกมาจากแขนเสื้อของพวกเขา
เย่เย่ก็ได้เดินไปหาเยว่ปู้ฝานแล้วหยิบเอาหนังสือสัญญามาจากในมือของหัวหน้าเหมือง แล้วชี้ไปที่ข้อความที่เขียนอยู่แล้วอ่านให้เยว่ปู้ฝานฟังเสียงดัง “เจ้าดูให้ชัดๆนะ นี่คือหนังสือตกลงที่ข้าได้ตกลงกับพวกเขาเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาช่วยข้าขุดแร่ รางวัลนั้นจะคิดจากจำนวนที่พวกเขาขุดได้ แร่ 1 ก้อนก็ 2,000 ตั๋วทอง, แร่ 2 ก้อนก็ 4,000 ตั๋วทอง, แร่ 3 ก้อนก็ 6,000 ตั๋วทอง…..แร่ 2,000 ก้อนก็เป็น 2,000 หมั่นโถว, แร่ 2,001 ก้อนก็เป็น 2,001 หมั่นโถว…..”
“นี่เจ้าคำนวณวิธีไหนของเจ้ากัน? ทำไมค่าตอบแทนถึงได้เปลี่ยนไปเป็นหมั่นโถวได้? ข้าไม่เชื่อหลอกว่าพวกเขาจะโง่กันขนาดนั้นน่ะ! เจ้าอย่ามาพูดอะไรเหลวไหลนะ!”
เยว่ปู้ฝานก็ได้หยิบเอาหนังสือสัญญามาจากเย่เย่ด้วยความไม่เชื่อ และหลังจากที่อ่านอยู่สักพักใหญ่ๆ เขาก็อ่านไม่เห็นจุดที่เย่เย่อ่านเมื่อสักครู่ ใบหน้าของเขาจึงได้โล่งอกขึ้นมา แล้วเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาบอกกับเย่เย่ด้วยคำพูดประชดประชัน “ข้าเห็นสูตรคำนวณเขียนเอาไว้ว่าแร่ 1 ก้อน 2,000 ตั๋วทองกับแร่ 2 ก้อน 4,000 ตั๋วทองเท่านั้น ไม่มีตรงไหนที่บอกว่าคำนวณได้เป็นหมั่นโถวอย่างที่เจ้าบอกเลย! ว่ายังไง? ตอนนี้ตัวหนังสือก็เขียนอยู่ชัดเจนตรงหน้าของเจ้าแล้ว เจ้ายังจะคิดดึงดันแก้ไขอีกอย่างนั้นเหรอ?”
เยว่ปู้ฝานก็ได้ยืนอยู่หน้าเย่เย่พร้อมด้วยหนังสือสัญญาราวกับว่าตัวเขานั้นสามารถดึงสถานการณ์กลับมาได้แล้ว ใบหน้าของเขาจึงได้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างสุดๆขึ้นมา
ไม่เพียงแค่เขาแต่หัวหน้าเหมืองคนอื่นๆที่ตกลงทำสัญญากับเย่เย่นั้น หลังจากที่อ่านข้อความในหนังสือสัญญาอย่างตั้งใจแล้ว ก็ไม่พบข้อตกลงที่เย่เย่เพิ่งอ่านเมื่อสักครู่เลย พวกเขาจึงได้พากันรู้สึกโล่งอกและความกังวลของพวกเขาก็ได้หายไปจนหมดสิ้น เช่นเดียวกับเยว่ปู้ฝานที่พวกเขานั้นคิดว่าเย่เย่นั้นคงแค่ใช้ลูกไม้กับพวกเขาเท่านั้น
“นี่พวกเจ้าตาบอดกันรึยังไง? ไม่เห็นตรงที่เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนตรงนี้เหรอ? มองดูหนังสือสัญญาให้ดีๆ จับจ้องไปที่ตรงจุดเหล่านี้นะ!”
เย่เย่ก็ได้กล่าวขึ้นมาพร้อมกับหยิบเอาแว่นขยายออกมาจากในแขนเสื้อของเขา และส่งให้เยว่ปู้ฝานด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหมดความอดทน
เยว่ปู้ฝานก็ได้หยิบเอาแว่นขยายมาและมองดูให้ชัดๆ ก็พบว่ามีตัวหนังสือจากตรงจุดที่เคยเป็นจุดสีดำๆไม่กี่หยุดนั้น ก็ได้กลายเป็นตัวหนังสือภาษาจีนที่มีตัวเล็กอย่างสุดๆ และเนื้อหานั้นก็ตรงตามกับที่เย่เย่บอกออกมาเมื่อสักครู่!
“บ้าไปแล้ว!”
ใบหน้าของเยว่ปู้ฝานก็ได้เขียวคล้ำ และโกรธจัดจนขว้างแว่นขยายในมือของเขาลงพื้นและมองไปที่เย่เย่ด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
“นี่เจ้าเข้าใจอะไรกับคำว่า“ชัดเจน”ผิดหรือเปล่า? ใครจะไปอ่านตัวหนังสือที่เล็กขนาดนี้ออกกันถ้าเจ้าไม่บอก? แล้วเมื่อสักครู่เข้าก็ได้หยิบเอาแว่นขยายส่งมาให้ข้าใช่ไหม? ถ้าหากเจ้ารู้อยู่แล้วว่าต้องใช้แว่นขยายส่องถึงจะอ่านออกได้นั้น เจ้ายังจะกล้าบอกว่าอ่านได้อย่างชัดเจนอยู่อีกเหรอ?”
เยว่ปู้ฝานก็ได้ตัวสั่นด้วยความโกรธ และได้ระบายความไม่พอใจของเขาใส่เย่เย่ราวกับลูกปืนใหญ่
แต่ทว่าเย่เย่ก็ได้ยืนกอดอก และแทนที่จะละอายใจแต่กลับตอบเยว่ปู้ฝานกลับไปด้วยความภาคภูมิใจ “ทำไมท่านถึงได้โมโหนักเล่า ท่านไม่เคยได้ยินคำว่าหัวข้อย่อยอย่างนั้นเหรอ? และอย่างที่ท่านพูดเมื่อสักครู่ตัวหนังสือก็เขียนอยู่ตรงหน้าของท่านแล้วและจะไม่มีใครแก้ไขอะไรได้ทั้งนั้นน่ะ!”
“แต่เจ้าก็ย่อยซะเล็กเกินไปไม่ใช่รึไง? ยอดฝีมือราชันย์เทพผู้น่าเกรงขามแต่กลับหลอกลวงคนที่อ่อนแอกว่าด้วยวิธีการที่เจ้าเล่ห์เช่นนี้ เจ้าไม่กลับถูกฟ้าผ่าตายรึยังไง?”
เยว่ปู้ฝานนั้นคิดว่าตัวเขานั้นสามารถทนทานต่อความไร้ยางอายของเย่เย่ได้แล้วนั้น แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นยังห่างไกลยิ่งนัก หนทางบนโลกนี้ช่างยาวไกลยิ่งนัก และถ้าหากว่าไม่ระวังตัวให้ดีแล้ว ก็จะสูญเสียไปหมดทุกอย่าง และหนังสือสัญญาในมือเขาเวลานี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี!
“อย่างไรก็ดี ข้อตกลงในหนังสือสัญญาก็ถูกเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว พวกเราก็จะต้องทำตามสิ่งที่อยู่ในสัญญา! ผู้ดูแลเคอข้าต้องขอรบกวนท่านช่วยจ่ายเป็นหมั่นโถว 2,000 ก้อนให้กับพวกเขาเป็นค่าตอบแทนที โดยค่าใช้จ่ายก็หักเอาจากค่าตอบแทนของหัวหน้าเหมืองเยว่ อย่างไรเสียเขาก็ยังติดหนี้ข้าอยู่ 3 ล้านตั๋วทองกับแร่เหล็กม่วงอีก 2 ก้อน ซึ่งค่าใช้จ่ายเท่านี้จิ๊บๆอยู่แล้ว!”
เย่เย่ก็ได้เลิกพูดพร่ำทำเพลงกับพวกเยว่ปู้ฝานอีก หลังจากที่เขากล่าวกับเคอเสี่ยวหมิงเสร็จ เขาก็ได้เดินอาดๆออกไปจากฝูงชนแล้วหายไปจากตรงๆหน้าของทุกคนราวกับแม่ทัพที่ได้รับชัยชนะ