ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 477 โอกาสทั้ง 3 ครั้ง
บทที่ 477
โอกาสทั้ง 3 ครั้ง
“ถึงแม้ว่าข้าจะปล่อยให้ท่านตรวจ แต่ก็อย่าคิดว่า ข้าเสิ่นเฟยคนนี้จะปล่อยให้เจ้ามาลูบคมไม่รู้จบได้! ข้ายอมให้เจ้าอย่างมากก็แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นและ และแน่นอนว่ามันจะไม่เหมือนเดิมในครั้งที่ 3 ราคามันย่อมที่จะต่างไปจากก่อนหน้านั้น! ถ้าหากว่าเจ้ายังอยากจะตรวจอยู่ก็เริ่มได้เลย แต่ถ้าไม่อยากก็ถอยกลับไป อย่าทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาน่า!”
เย่เย่ก็ได้พูดกับเยว่ปู้ฝานอย่างเย็นชา โดยไม่มีความรู้สึกเลยว่าข้อเรียกร้องของตัวเองนั้นมันมากเกินไป
สีหน้าของเยว่ปู้ฝานก็ได้ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง แต่ทว่าในเรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว ตัวเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกเย่เย่หลอกแน่ๆ ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เยว่ปู้ฝานก็ได้ตอบเย่เย่กลับไปอย่างเยือกเย็น: “ตรวจสิ! ทำไมจะไม่ตรวจล่ะ? ข้าหวังว่าเจ้าจะยังคงมีท่าทีมั่นใจเหมือนอย่างในตอนนี้นะ!”
ในขณะที่เขาพูด เยว่ปู้ฝานก็ได้เดินไปที่รถเข็นที่อยู่บนแท่นชั่ง
เพราะเขานั้นรู้สึกได้ว่าไม่ว่าเย่เย่นั้นจะพยายามยื่นข้อเสนอไว้พิลึกมากขนาดไหนก็ตามที ตัวเขาก็ต้องการเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการเปิดโปงการโกงของเย่เย่ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบครั้งที่ 2 และ 3
เย่เย่ที่ยังคงมีสีหน้าที่สงบนิ่งบนใบหน้าของเขานั้น ในตอนที่เยว่ปู้ฝานเดินผ่านเขาไปเขาก็ได้ถือโอกาสยื่นพลั่วมาตรฐานของเขาจิ้นโม๋ซานให้กับเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
เยว่ปู้ฝานก็ได้หยิบเอาอีเต้อที่เย่เย่ให้มาเดินขึ้นไปบนแท่นชั่ง แต่ความสงสัยของเขานั้นกลับมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามจะมีเพียงความจริงเท่านั้นที่จะปรากฏออกมาหลังจากที่เขาตรวจสอบรถเข็นเย่เย่ ดังนั้นหลังจากที่เยว่ปู้ฝานเดินไปตรงหน้ารถเข็นแล้ว เขาก็ไม่รอช้าเอาพลั่วแหย่เข้าไปในกองแร่ในรถเข็นเพื่อเขี่ยให้กองแร่นั้นกลับขึ้นเอาด้านล่างขึ้นมาด้านบน
หมับ!
แต่ทว่าก่อนที่เยว่ปู้ฝานจะได้เริ่มลงมือทำอะไร เย่เย่ก็ได้มาปรากฏอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้และคว้าเอาข้อมือของเยว่ปู้ฝานเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะคนแร่ในรถเข็นต่อได้อีก
“พอแล้ว! การตรวจครั้งแรกจบลงแล้ว ในเวลานี้ได้โปรดช่วยบอกผลของการตรวจของท่านให้พวกเราฟังหน่อย ถ้าหากว่าท่านหัวหน้าเหมืองเยว่ไม่สามารถแสดงหลักฐานออกมาว่าข้าโกงได้ ก็ได้โปรดจ่ายค่าชดเชยมาให้ข้าเป็นก้อนแร่เหล็กม่วง 1 ก้อนด้วย!
หลังจากที่เย่เย่เข้ามาหยุดเยว่ปู้ฝานเอาไว้ เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและกล่าวเสียงดังให้เคอเสี่ยวหมิงกับคนอื่นๆที่อยู่ด้านล่างได้ยินด้วยสีหน้าที่บริสุทธิ์ใจ
“เอาจริงดิ? นี่ข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ? ที่ข้าทำก็แค่เอาพลั่วปักเข้าไปในกองแร่เองก็ถือว่าตรวจแล้วอย่างนั้นเหรอ? เจ้าโกงกันชัดๆ!”
เยว่ปู้ฝานก็ได้มองไปที่เย่เย่ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความตกตะลึง และในที่สุดก็รู้ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวของเย่เย่แล้ว เขานั้นรู้สึกเกลียดชังเย่เย่จนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ทว่ามือของเขานั้นไม่สามารถขยับได้ภายใต้การจับของเย่เย่เลย ทำให้ตัวเขาที่กำลังโกรธทำได้แค่ต่อว่าเย่เย่ออกไปเท่านั้น
แต่ที่เยว่ปู้ฝานคาดไม่ถึงคือแทนที่เย่เย่นั้นจะรู้สึกละอายใจ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมามองเยว่ปู้ฝานด้วยใบหน้าที่หนาวเย็นและกล่าว: “ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงน่ะจะสามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้เพียงแค่มองผ่านๆ ซึ่งข้าก็อุตส่าห์ให้เจ้าเอาพลั่วเข้าไปแหย่ในกองแร่เลยนะยังจะต้องการอะไรอีก? เจ้าเคยคิดถึงความรู้สึกของแร่บ้างไหม? เจ้าลองนึกดูนะว่าเจ้าจะรู้สึกเช่นไรเวลาถูกคนอื่นมาแหย่โดยไม่มีเหตุผลน่ะ? อย่ามาทำเป็นหมานั่งบนเกี้ยวโดยไม่รู้มันเคลื่อนที่อย่างไรนะ!”
เย่เย่กล่าวพร้อมกับดึงมือของเยว่ปู้ฝานที่ยังจับพลั่วออกมาจากกองแร่ ราวกับไม่ต้องการเยว่ปู้ฝานเข้าใกล้รถเข็นของเขามากนัก ในเวลานี้เย่เย่นั้นปกป้องกองแร่ของเขาราวกับเป็นพ่อที่หวงลูกสาว และเยว่ปู้ฝานเป็นเหมือนกับคนโรคจิตในสายตาของเขาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะต่อว่าขนาดไหนก็ตามที
ในใจของเยว่ปู้ฝานก็ได้ตกใจขึ้นมาและมองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว ราวกับว่าทัศนคติทั้ง 3 ของเขาได้ถูกเย่เย่ทำลายลงไปแล้ว
แต่ทว่าตัวเขาเองก็เป็นถึงยอดฝีมือราชันย์เทพเหมือน ดังนั้นเขาจึงได้รีบเรียกเรี่ยวแรงกลับคือมาและโต้เถียงเย่เย่อย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน: “เจ้ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่? ทำไมเจ้าถึงได้พูดจาไร้สาระออกมาได้เวอร์วังนัก? นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าที่เจอคนที่หน้าด้านได้ขนาดนี้!”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้หันหน้าไปหาเคอเสี่ยงหมิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปแล้วกล่าว: “ผู้ดูแลเคอข้าร้องขอให้การตรวจครั้งแรกเป็นโมฆะด้วย และให้เสิ่นเฟยลงมาจากแท่นชั่งเดี๋ยวนี้! ถ้าหากเขายังคงมาจุ้นจ้านเช่นนี้ทุกครั้ง ต่อให้โอกาสข้าเป็นร้อยครั้ง ข้าก็คงไม่ได้ตรวจสอบจริงๆสักที!”
เคอเสี่ยวหมิงกับคนอื่นๆที่อยู่ข้างล่างนั้นต่างก็รู้สึกงุนงงเมื่อเขาเห็นการกระทำของเย่เย่
ซึ่งอาจพูดได้ว่าคำขอของเยว่ปู้ฝานนั้นก็มีเหตุผลอยู่ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เย่เย่เป็นคนที่ผู้อาวุโสชิวซื่อเจี๋ยให้ค่าอย่างมากแล้ว เคอเสี่ยวหมิงก็ไม่กล้าที่จะไปล่วงเกินเขามากนัก ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้ว เคอเสี่ยวหมิงก็ได้กล่าวกับ เยว่ปู้ฝานและเย่เย่ที่อยู่บนเวที: “เอาเป็นว่าการตรวจสอบครั้งแรกนั้นจะไม่นับเป็นโมฆะแต่ท่านเสิ่นเฟยได้โปรดช่วยเลิกเข้าไปยุ่งกับการตรวจของหัวหน้าเหมืองเยว่ด้วย! ถ้าหากท่านเสิ่นเฟยยังเข้าไปวุ่นวายอีก ข้าก็คงต้องขอประกาศในท่านไม่ผ่านการตรวจและล้มเหลวในการทำตามเป้าของเดือนนี้!”
เคอเสี่ยวหมิงก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็เริ่มเหนื่อยกับการกระทำต่างๆของเย่เย่แล้ว
ไม่เพียงแค่เคอเสี่ยวหมิงแต่เจ้าของเหมืองคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังของเคอเสี่ยวหมิงต่างก็มองมาที่เย่เย่ด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเย่เย่เป็นราชันย์เทพแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าเคอเสี่ยวหมิงไม่อยู่เมื่อไร หัวหน้าเหมืองเหล่านี้ก็คงจะจัดการลงโทษคนหน้าด้านสุดๆคนนี้แทนสวรรค์จนตายไปแล้ว!
“ก็ได้ๆ! ในเมื่อท่านยืนกรานเช่นนั้น ข้าก็ไม่อยากทำให้ผู้คนโมโหข้าไปมากกว่านี้! แต่โอกาสแรกของท่านก็ใช้ไปแล้ว จำเอาไว้ว่าท่านต้องจ่ายข้าเป็นหินแร่ด้วย 1 ก้อนล่ะ! ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านหนีไปจนสุดขอบโลก ข้าก็จะทำให้รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่โกงคนอื่นน่ะ!”
เย่เย่ที่อยู่บนแท่นชั่งก็ได้ยักไหล่ให้ทุกคนอย่างช่วยไม่ได้ แต่ทว่าก่อนที่เขาจะลงมาจากแท่นชั่ง เขาก็ยังหันกลับมาและกล่าวเตือนเยว่ปู้ฝานราวกับว่าตัวเขาเกลียดคนที่โกงคนอื่นมากที่สุด
“เก็บเอาไว้พูดกับตัวเองเถอะ! จะหันมามองทางข้าไปทำไม? ไม่มีใครในเขาจิ้นโม๋ซานแห่งนี้ที่ไร้ยางอายไปมากกว่าเจ้าอีกแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นกะอีแค่หินแร่ก้อนเดียว เจ้าคิดว่าข้า เยว่ปู้ฝานเป็นใครกันที่จะมาขี้เหนียวกับอีแค่หินแร่ก้อนเดียวเนี่ย? อย่ามาดูถูกกันให้มากนักนะ!”
เยว่ปู้ฝานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโหขึ้นมาเมื่อเขาเห็นเย่เย่พูดขู่เขา แต่ยังดีตัวเขาเองก็เริ่มปรับตัวกับนิสัยของเย่เย่ได้แล้วจึงได้สามารถกลับมาเยือกเย็นได้ไว
แต่เยว่ปู้ฝานก็ยังอดรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้เมื่อเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสราคาถูกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะลงจากแท่นชั่งไปแล้วและยากที่จะขึ้นมารบกวนเขาได้อีก แต่เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เหมือนอย่างเมื่อสักครู่แล้ว เยว่ปู้ฝานก็ได้ตัดสินใจที่จะกลับด้านกองแร่ในรถเข็นในคราวเดียว
สวบ!
เขาก็ได้แทงพลั่วในมือของเขาลงไปในกองแร่อีกหนและพอรู้สึกได้ว่าพลั่วของเขาแทงไปจนถึงก้นรถเข็นแล้ว ใบหน้าของเยว่ปู้ฝานก็ได้มีสีหน้าพึงพอใจขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ได้ทำการตักขึ้นมาทันที!
กร็อบ!
ในขณะที่เยว่ปู้ฝานกำลังคิดว่าตัวเขาจะกลับแร่ในรถเข็นขึ้นมาได้แน่ๆอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงหักดังก้องไปทั่วทั้งค่าย
แล้วก็พบว่าพลั่วที่เยว่ปู้ฝานใช้กลับกองแร่นั้นไม่อาจทานแรงของเขาได้ จึงได้หักออกเป็น 2 ท่อนจากตรงกลางทันที!
เกือบทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็งุนงงและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะคุณภาพของพลั่วที่ทางเขาจิ้นโม๋ซานจัดการมาให้นั้นแทบจะเทียบได้กับอาวุธวิเศษระดับเทพอสูรเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแตกหักได้โดยง่าย
เยว่ปู้ฝานที่อยู่บนแท่นชั่งเองก็ได้ตกใจ และมองไปที่พลั่วที่หัก 2 ท่อนในมือของเขาแล้วดวงตาของเขาก็ไร้ซึ่งสีหน้าอื่นใดน้องจากความอ้ำอึ้ง แต่ไม่นานนักเยว่ปู้ฝานก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกได้ ก็ได้หันไปมองเย่เย่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก!
ส่วนเย่เย่ในเวลานี้ที่อยู่ด้านล่างของแท่นชั่งก็ได้เลิกปั้นสีหน้า และแอบหัวเราะเยว่ปู้ฝานอย่างชั่วร้าย ราวกับว่าแผนการของเขาสัมฤทธิผลแล้ว และดวงตาของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความภูมิใจและชั่วร้าย!
“แม่งเอ๊ย!!! คำนวณไว้ถึงตรงนี้เลยอย่างนั้นเรอะ? ก็คิดอยู่แล้วว่าทำไมเจ้าถึงได้ส่งพลั่วมาให้ข้าแต่โดยดี ที่แท้ก็วางแผนเอาไว้นี่เอง! ผู้เฒ่าฉีกับความไร้ยางอายก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ตัวล่อ แต่แผนการจริงๆของเจ้ากลับอยู่ตรงนี้!”
เยว่ปู้ฝานก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และมองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่ตกตะลึง และในเวลานี้ตัวเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมขึ้นมา
ถ้าหากที่เขาเดาถูกต้อง เย่เย่นั้นคงคิดเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะมาที่ค่ายในวันนี้ เขาจึงได้เลือกเอาพลั่วที่ใกล้จะพังมาและจัดการตกแต่งให้เหมือนกับพลั่วปกติ และเพราะพลั่วนี้ใกล้จะหักแล้ว ขอเพียงตัวเขาออกแรงสักหน่อยก็จะหักออกอย่างง่ายดาย และทำให้เขาเสียโอกาสอีกหนไป
ถึงแม้ว่าเยว่ปู้ฝานนั้นจะอยากแกล้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกลับแร่ในรถเข็นด้วยมือ แต่เขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเย่เย่นั้นคงไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่ ถ้าหากเขายังคงดึงดันทำต่อไป เย่เย่ก็จะต้องประกาศว่าเขาเริ่มการตรวจครั้งที่ 3 ไปแล้วอย่างแน่นอน
“จะเอายังไงต่อดี? ถ้าหากว่าจะตรวจสอบต่อ ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไรเราก็จะต้องจ่ายมาให้เสิ่นเฟย 3 ล้านตั๋วทอง! แต่ถ้าหากว่าล้มเลิกเสียตอนนี้สิ่งที่เราทำลงไปทั้งหมดก็จะสูญเปล่าอย่างนั้นเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกที่ถูกเขาเล่นงานเช่นนี้ ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยดีเลย!”
เยว่ปู้ฝานก็ได้ลังเลอยู่ในใจของเขาอยู่พักหนึ่ง และแม้แต่เคอเสี่ยวหมิงกับคนอื่นๆที่อยู่ด้านล่างต่างก็มีสีหน้าลำบากใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
“ช่างมันเถอะท่านหัวหน้าเหมืองเยว่ ในครั้งนี้เราปล่อยเขาไปเถอะ!”
“ใช่ๆ อย่างไรเสียราคา 3 ตั๋วทองนั้นก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยนะ!”
“เสิ่นเฟยนั้นเจ้าเล่ห์มาก ไม่รู้เลยว่าตัวเขาอาจจะยังมีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่อีกก็ได้ ขอหัวหน้าเหมืองเยว่จงคิดให้รอบคอบ!”
เหล่าหัวหน้าเหมืองที่สนิทกับเยว่ปู้ฝานก็ได้เริ่มพากันเกลี้ยกล่อมเขา ราวกับว่าพวกเขาไม่อยากที่จะเห็นเยว่ปู้ฝานตกลงไปในหลุมพรางของเย่เย่มากไปกว่านี้ ในเวลานี้พวกเขาต่างเห็นในความน่ากลัวที่แท้จริงของเย่เย่ และถ้าหากว่าเลือกได้ พวกเขาก็คงไม่เลือกที่จะเป็นศัตรูกับเย่เย่ต่ออย่างแน่นอน
“ในเวลานี้ท่านก็ได้ใช้โอกาสทั้ง 2 ครั้งหมดไปแล้วและติดหนี้ข้าเป็นก้อนแร่ 2 ก้อน ถ้าหากว่าท่านต้องการที่จะตรวจต่อ ตามที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้า ท่านจะต้องจ่ายข้าเป็นจำนวนเงิน 3 ล้านตั๋วทอง! ท่านลองคิดดูให้ดีๆนะ!”
เย่เย่ก็ได้ทำเป็นไม่สนใจที่หัวหน้าเหมืองคนอื่นๆพูดถึงเขา และได้จ้องมองไปที่แท่นชั่งและกล่าวกับเยว่ปู้ฝานอย่างเยือกเย็น
มีการเตือนแฝงอยู่ในคำพูดของเขา ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่อยากที่จะให้เยว่ปู้ฝานนั้นตรวจต่อ ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ เยว่ปู้ฝานก็คงคิดว่าเย่เย่นั้นกำลังกลบเกลื่อนความผิด และทำให้เขาอยากที่ตรวจต่อ
แต่ในเวลานี้ตัวเขาชักไม่มั่นใจแล้วว่าจะยังมีหลุมพรางของเย่เย่ซ่อนอยู่อีกหรือเปล่า ถึงได้พูดเหมือนอยากให้เขาตรวจต่อ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเยว่ปู้ฝานก็เชื่อว่าต่อให้เขายินดีที่จะจ่าย 3 ล้านตั๋วทองเพื่อตรวจต่อ ผลก็คงจะไม่ออกอย่างที่เขาคาดหวังเป็นแน่
“จะเอายังไงดี? หมอนั่นหวังอะไรอยู่กันแน่? เราควรที่จะตรวจต่อหรือหยุดดี?”
ในเวลานี้ในใจของเยว่ปู้ฝานก็ได้คัดแย้งกันจนถึงในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังยืนอยู่ตรงทางแยกของชีวิตอีกหน และไม่รู้ว่าจะมีผลเช่นใดรออยู่เขาอยู่ข้างหน้าเลย