ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 470 เคอเสี่ยวหมิง
บทที่ 470
เคอเสี่ยวหมิง
ภายใต้การนำทางของชิวซื่อเจี๋ย เย่เย่กับพรรคพวกก็ได้เดินมาถึงด้านในของเขาจิ้นโม๋ซานอย่างรวดเร็ว
เทือกเขาจิ้นโม๋ซานที่กว้างใหญ่นี้เพียงแค่มองผ่านๆก็จะพบเมืองอยู่มากมาย ถึงแม้ว่าเหมืองมากมายนี้จะเป็นเหมืองเปล่าที่ถูกขุดไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการขุดเหมืองที่เหลือ
ชิวซื่อเจี๋ยก็ได้พาเย่เย่กับพรรคพวกไปยังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งในหุบเขา ซึ่งที่นั่นจะมีค่ายพักอยู่ ซึ่งที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ที่เหล่าคนที่มาขุดเหมืองใช้พักผ่อนในวันหยุด
ในเวลานี้ก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูสุขุมและสง่างามที่กำลังวุ่นวายอยู่ในค่ายนั้น เมื่อเขาเห็นชิวซื่อเจี๋ยพาเย่เย่กับพรรคพวกมาที่ค่ายแล้ว เขาก็ได้ออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้นทันทีและกล่าว: “เคอเสี่ยวหมิงคารวะผู้อาวุโสชิว!”
ชิวซื่อเจี๋ยก็ได้ผงกหัวให้กับชายหนุ่มแล้วชี้ไปที่เย่เย่กับพรรคพวกแล้วล่าว: “คนเหล่านี้เป็นคนขุดเหมืองในเขาจิ้นโม๋ซานกลุ่มใหม่ที่มาในวันนี้ เข้าก็ให้พวกเขาไปขุดกันที่เมืองใหม่สุดก็แล้วกัน! ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรก็แจ้งให้ข้าทราบทันที!”
“ผู้น้อยรับทราบแล้ว!”
มีความสงสัยปรากฏอยู่ในดวงตาของเคอเสี่ยวหมิง เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองก็ได้รับคำสั่งมาจากทางเขาเช่นกันว่าจะหยุดรับคนขุดเหมืองมาเพิ่มแล้ว เขาจึงได้รู้สึกสงสัยขึ้นมากับการปรากฏตัวของพวกเย่เย่ที่อยู่ด้านหลังของชิวซื่อเจี๋ย แต่ชิวซื่อเจี๋ยวนั้นคือผู้ที่รับผิดชอบดูแลเขาจิ้นโม๋ซานจากสำนักมารทะเล คำสั่งของเขานั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังนั้น เคอเสี่ยวหมิงจึงไม่ถามอะไรกลับไป
“แล้วก็คุณชายเย่เย่คนนี้เป็นถึงยอดฝีมือระดับราชันย์เทพ ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์สำนักมารทะเลของพวกเรา แต่เจ้าก็ยังจำเป็นต้องให้ความเคารพกับเขาเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า อย่าได้คิดอาศัยชื่อเสียงของสำนักเป็นจิ้งจอกอ้างบารมีเสือล่ะ!”
หลังจากที่เคอเสี่ยวหมิงขานรับ ชิวซื่อเจี๋ยก็ได้ชี้ไปที่ เย่เย่ทีอยู่ข้างหลังเขาแล้วกล่าวกับเคอเสี่ยวหมิงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของเขาที่มีต่อเย่เย่อย่างไม่ปิดบัง
เมื่อเคอเสี่ยวหมิงได้ยินที่ชิวซื่อเจี๋ยกล่าวแล้ว ก็ได้พลันมีแสงปรากฏในดวงตาของเขาทันที: “ผู้น้อยเข้าใจแล้ว! หากไม่มีเหตุจำเป็นผู้น้อยจะไม่ล่วงเกินท่านเย่เย่อย่างแน่นอน!”
ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลเขาจิ้นโม๋ซานแล้วเคอเสี่ยวหมิงจึงได้คุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของเขาจิ้นโม๋ซานเป็นอย่างดี แล้วเขาก็พอจะเดาได้ว่าที่ชิวซื่อเจี๋ยกล่าวแนะนำเย่เย่นั้นก็เพราะว่าชิวซื่อเจี๋ยนั้นต้องการสร้างความชื่นชอบให้กับเย่เย่เพราะเขาต้องการทำให้ เย่เย่นั้นกลายมาเป็นศิษย์ของสำนักมารทะเล เพื่อที่จะให้ได้ค่าตอบแทนที่มหาศาลจากทางสำนัก
อย่างไรเสียสำนักมารทะเลนั้นในเวลานี้ก็มีศัตรูอยู่ทั่วทั้งดินแดนตงไห่ ซึ่งนอกจากจะต้องการแร่ใช้ทำอาวุธวิเศษเป็นจำนวนมหาศาลแล้ว ก็ยังต้องการยอดฝีมือจำนวนมากมาเป็นโล่มนุษย์อีกด้วย แน่นอนว่าถ้าเป็นคนที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าราชันย์เทพแล้วก็คงจะไม่สนใจเลย แต่หากเป็นยอดฝีมือราชันย์เทพแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าหากว่าชิวซื่อเจี๋ยนั้นสามารถทำให้ยอดฝีมือราชันย์เทพที่มาที่เขาจิ้นโม๋ซานคนนี้กลายมาเป็นศิษย์สำนักมารทะเลได้แล้ว ค่าตอบแทนที่เขาจะได้นั้นก็จะมากกว่าที่เขาได้จากการมาประจำการอยู่ที่เขาจิ้นโม๋ซานทุกปีเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เย่ที่สามารถบรรลุขึ้นเป็นราชันย์เทพได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้นั้น แสดงให้เห็นว่าศักยภาพในอนาคตของเขานั้นไร้ขีดจำกัด หลังจากที่สามารถทำให้เย่เย่กลายมาเป็นศิษย์สำนักมารทะเลได้แล้ว ค่าตอบแทนที่เขาจะได้รับนั้นก็จะมหาศาลอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ชิวซื่อเจี๋ยนั้นจะให้ความสำคัญกับ เย่เย่นัก
ในขณะเดียวกันเคอเสี่ยวหมิงเองก็เดาได้ว่าที่ชิวซื่อเจี๋ยนั้นให้เย่เย่กับพรรคพวกขึ้นเขามาได้นั้นหลังจากจากที่ได้รับคำสั่งมาแล้วก็คงเพื่อที่จะซื้อใจเย่เย่และคิดที่จะเกลี้ยกล่อมเย่เย่ให้เขาสำนักมารทะเลในภายหลัง
การที่เขาได้ก้าวหน้าจากศิษย์ธรรมดาๆกลายมาเป็นผู้ดูแลได้นั้นเพราะหัวของเขานั้นสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดีกว่าคนอื่นๆ ในเวลานี้เคอเสี่ยวหมิงก็พอจะเดาได้ถึงเจตนาของชิวซื่อเจี๋ย ก็แน่นอนว่าเขาจำเป็นที่จะต้องทำตัวดีๆต่อหน้าชิวซื่อเจี๋ย ดังนั้นเขาจึงได้ทำมือคารวะเย่เย่และกล่าวด้วยอย่างจริงใจ: “ขอยินดีต้อนรับท่านเย่เย่และทุกคนสู่เทือกเขาจิ้นโม๋ซาน! ขอได้โปรดจงสบายใจได้ ขอเพียงพวกเจ้าทุกคนทำตามกฎของเขาจิ้นโม๋ซานแล้ว และไม่ยักยอกเอาก้อนแร่เหล็กม่วงที่พวกเจ้าขุดได้ออกไป ทางสำนักมารทะเลก็จะยินดีที่จะจ่ายให้พวกเจ้าตามที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้าอย่างแน่นอน ในฐานะผู้ดูแลเขา จิ้นโม๋ซานนี้ ข้าเคอเสี่ยวหมิงจะขอรับรองความปลอดภัยในสิทธิ์และผลประโยชน์ของพวกเจ้าทุกคนอย่างแน่นอน ขอได้โปรดจงวางใจ!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา เหล่าคนที่อยู่ด้านหลังของเย่เย่นั้นต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อย่างไรเสียชื่อเสียงของสำนักมารทะเลในดินแดนตงไห่นั้นก็มีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะตกลงมาที่สำนักมารทะเลนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวาย แต่เมื่อเห็นว่า ชิวซื่อเจี๋ยนั้นเป็นคนที่มีเหตุผลและเคอเสี่ยวหมิงเองก็เหมือนจะเป็นคนที่พูดได้ง่ายด้วยแล้ว ก็ได้มีสีหน้าสบายใจขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา
ชิวซื่อเจี๋ยก็ได้จ้องไปที่เคอเสี่ยวหมิงด้วยความชื่นชมแล้วจากนั้นก็ได้จากไปหลังจากที่พูดด้วยไม่กี่คำ
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะตั้งใจที่จะเกลี้ยกล่อมให้เย่เย่เข้าสำนักมารทะเลก็ตามที แต่เพื่อเลี่ยงไม่ให้เย่เย่นั้นระวังตัวมากจนเกินไปแล้ว ชิวซื่อเจี๋ยก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้วิธีค่อยๆเป็นค่อยๆไปจะดีกว่า นอกจากนี้ถึงแม้ว่าวรยุทธ์และศักยภาพของเย่เย่นั้นจะไม่ธรรมดา แต่ตัวเขาก็ยังไม่รู้จักอีกด้านของเย่เย่ดีพอ
ดังนั้นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดก็คือการให้เย่เย่อยู่ในเหมืองสักระยะไปก่อน หรือจนกว่าจะหาโอกาสทดสอบเขาได้ ดังนั้นชิวซื่อเจี๋ยจึงได้ไม่มาคุยอะไรกับเย่เย่หลังจากที่พูดกับเคอเสี่ยวหมิงเสร็จ เขาก็ได้หายไปจากสายตาของเย่เย่กับพรรคพวกทันทีหลังจากที่มอบหน้าที่ให้กับเคอเสี่ยวหมิงแล้ว
“เอาล่ะทุกคน อย่าได้รอช้าตามข้าไปดูเหมืองใหม่กันเถอะ! หลังจากที่พวกเจ้าได้ไปดูที่ทำงานของพวกเจ้าแล้ว ข้าก็จะทำการแจกจ่ายอุปกรณ์ขุดเหมืองของทางสำนักมารทะเลให้ แล้วพวกเจ้าก็สามารถเริ่มงานได้ทันที!”
หลังจากที่ชิวซื่อเจี๋ยจากไป เคอเสี่ยวหมิงก็ได้กล่าวแนะนำเย่เย่เรื่องขอการขุดเเร่แก่เย่เย่กับพรรคพวกด้วยรอยยิ้ม และจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
แม้แต่ตัวเย่เย่เองนั้นก็เริ่มที่จะสงสัยแล้วว่าข้อมูลเกี่ยวกับสำนักมารทะเลที่เขาได้มานั้นมันถูกต้องหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ศิษย์สำนักมารทะเลจะพูดดีกับเขาเช่นนี้
แต่ในท้ายที่สุดเย่เย่ก็ได้สลัดความสงสัยในหัวออกไปและตัดสินใจที่จะทำภารกิจให้ถึงที่สุด อย่างไรเสียเขาก็ได้รับงานนี้มาแล้ว ถ้าหากว่าเขากลับไปโดยที่ไม่ทำงานให้เสร็จแล้ว เย่เย่นั้นไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับเงินตอบแทนแล้วแต่ยังอาจจะโดนตามเก็บโดยมือสังหารจากหอธารสวรรค์ด้วย
เพื่อที่จะไม่ลากตัวเองเข้าไปสู่ปัญหาแล้ว เย่เย่ก็ได้รีบขจัดความสงสัยในหัวตัวเองทิ้งไป และเริ่มเดินตามเคอเสี่ยวหมิงเข้าไปในเมืองที่พวกเขาจะต้องทำการขุด
“ท่านเย่เย่ ทางสำนักมารทะเลของพวกเรานั้นได้ทำการเปิดเหมืองนี้ได้ไม่นาน เหมือนนี้จึงอุดมไปด้วยแร่อย่างมาก หากว่าท่านตั้งใจขุดเหมืองแล้ว ข้าขอรับรองได้เลยว่าเมื่อใดที่ท่านออกไปจากเขาจิ้นโม๋ซานแห่งนี้ ท่านจะต้องทำเงินได้อย่างมากมาย หรืออาจจะแลกเป็นยาวิเศษต่างๆสำหรับใช้ฝึกวิชาที่ท่านเฝ้ารอมานานก็เป็นได้!”
หลังจากที่เคอเสี่ยวหมิงได้พาเย่เย่กับพรรคพวกมายังเหมืองที่อยู่ห่างจากค่ายพักไปเพียงเล็กน้อย เขาก็ได้ทุบอกตัวเองและกล่าวรับรองกับเย่เย่และคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังของเย่เย่ด้วยความปรารถนาดี
“ขอบพระคุณผู้ดูแลเคอเสี่ยวหมิงมาก! ข้ารู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับการจัดการของสำนักมารทะเล และข้าขอฝากเนื้อฝากตัวกับท่านตอนที่อยู่ในเขาจิ้นโม๋ซานแห่งนี้ด้วย!”
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะเป็นถึงยอดฝีมือราชันย์เทพ และจะต้องเป็นที่เคารพของคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนอย่างราชันย์เทพต่อหน้าของเคอเสี่ยวหมิง
เฉินผิงที่อยู่ด้านหลังเย่เย่เองก็ได้กล่าวขอบคุณเช่นกัน และดวงตาของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจยามที่มองไปที่เคอเสี่ยวหมิง ถ้าหากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าสำนักมารทะเลนั้นเป็นศัตรูกับทั่วทั้งดินแดนตงไห่แล้ว บางทีจอมยุทธ์พเนจรเหล่านี้อาจที่จะมีความคิดอยากที่จะเข้าสำนักมารทะเลก็ได้
“ท่านเย่เย่สุภาพเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ทำตามหน้าที่ของข้าเท่านั้น แล้วก็ที่เขาจิ้นโม๋ซานนั้นจะมีกฎที่ว่าแต่ละเหมืองจะต้องมีคนคุมงาน 1 คน ที่จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องต่างๆภายในเหมืองนั้นๆ ข้าคิดว่าควรที่จะให้ท่านเย่เย่เป็นคนรับหน้าที่นี้ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการเสียเวลาในเลือกหาคนขึ้นมาทำหน้าที่นี้!”
เคอเสี่ยวหมิงก็ได้ตอบเย่เย่อย่างถ่อมตัวแล้วจากนั้นก็ได้แนะนำให้เย่เย่ขึ้นเป็นคนคุมงานของเหมืองนี้
“ข้าไม่รู้หรอกว่าทำไมข้าถึงได้เหมาะสมให้รับหน้าที่เป็นคนคุมงานของเหมืองนี้ แต่ถ้าหากมียุ่งยากมากเกินไปแล้ว ข้าเกรงว่าข้าคงจะไม่สะดวกที่จะรับหน้าที่นี้!”
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะซาบซึ้งในน้ำใจของเคอเสี่ยวหมิง แต่เขาก็ไม่อยากแผนการลอบสังหารโจวปู้เหยี่ยนของเขาต้องได้รับผลกระทบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ เขาจึงได้ถาม เคอเสี่ยวหมิงกลับไปอย่างสงสัย
ไม่เพียงแค่เย่เย่ แต่เฉินผิงกับคนอื่นๆเองก็ได้มองไปที่ เคอเสี่ยวหมิงกลับไปอย่างสงสัย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองก็อยากที่จะทำความเข้าใจกับกฎของเขาจิ้นโม๋ซานอย่างละเอียดเช่นกัน
“หึๆ จริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนักหรอก แค่ทางเขาจิ้นโม๋ซานนั้นจะแจกจ่ายงานให้เหมืองต่างๆทุกเดือน ตามความต้องการและจำนวนของผู้ที่ทำงานในแต่ละเหมือง และหน้าที่ของคนคุมงานก็จะคอยดูแลให้คนที่ทำงานในเหมืองนั้นทำงานเสร็จตามเป้า ซึ่งถ้าหากเหมืองไหนทำงานได้ไม่สำเร็จตามเป้าแล้ว ทุกคนนอกจากคนคุมงานแล้วจะต้องหยุดงานเป็นเวลา 3 วันเพื่อเป็นการลงโทษ!”
เคอเสี่ยวหมิงก็ได้อธิบายกฎให้กับเย่เย่และคนอื่นๆฟังด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเย่เย่ก็ได้มีสีหน้าที่ผ่อนคลายลงมาแล้วก็ตอบกลับเคอเสี่ยวหมิงกลับไป “ฮะๆงั้นเหรอ! ทำงานไม่สำเร็จตามเป้าจะถูกพักงานเป็นเวลาแค่ 3 วันเองเหรอ แบบนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรน่ะสิ แบบนี้ไม่เรียกว่าลงโทษหรอก ควรจะเรียกว่าวันหยุดด้วยซ้ำ อย่างไรเสียคนเราเองก็ต้องการวันพักผ่อนเช่นกัน จะว่าไปเมื่อสักครู่ท่านบอกแค่การลงโทษของคนงานขุดเหมือง แล้วบทลงโทษของคนคุมงานล่ะ? คงไม่ใช่พักงาน 10 วันหรอกใช่ไหม? ฮะๆเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะอาสาเป็นคนคุมงานเอง!”
เย่เย่ก็ได้ยิ้มและถามเคอเสี่ยวหมิงกลับไป แต่เขาเองก็มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว
เพราะจุดประสงค์ที่เขามาที่เขาจิ้นโม๋ซานนั้นไม่ใช่เพื่อมาขุดแร่ ดังนั้นถ้าหากมีโอกาสที่เขาจะอู้ได้ เย่เย่ก็ย่อมไม่พลาดโอกาสนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งจากที่เคอเสี่ยวหมิงพูดเมื่อสักครู่แล้ว เขาก็พอจะเดาได้ว่าต่อให้บทลงโทษของคนคุมงานนั้นจะไม่ใช่หยุดงาน 10 วันก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่มากไปกว่านั้นแน่ๆ เขาจึงได้กล่าวอย่างมีเจตนาที่จะเป็นคนคุมงานออกมา
เคอเสี่ยวหมิงนั้นแม้จะยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นทำให้เย่เย่ต้องสั่นกลัว และรอยยิ้มที่หนาวเย็นก็ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขาทันที: “บทลงโทษของคนคุมงานก็จะเข้มงวดกว่านั้นนิดหน่อย ถ้าหากเหมืองที่รับผิดชอบนั้นไม่สำเร็จตามเป้าที่ให้ในเดือนนั้นๆแล้ว คนคุมงานของเหมืองนั้นๆก็จะถูกฆ่าตายคาที่!”
“มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ? ทำไมคนอื่นๆในเหมือนถึงโดนแค่พักงาน 3 วัน แต่คนคุมงานกลับโดนฆ่าเล่า? ความต่างของทั้งสองฝ่ายมันมากเกินไปไหม? กฎเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?”
เย่เย่ก็ได้จับจ้องไปที่เคอเสี่ยวหมิงที่ยังคงยิ้มอยู่ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด และรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายและเลือดเย็นอย่างไม่สิ้นสุดออกมาจากเบื้องหลังของรอยยิ้มนั้น
ในเวลานี้เย่เย่ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมสำนักมารทะเลถึงได้กลายเป็นศัตรูไปทั่วทั้งดินแดนตงไห่ เพราะเหมืองในสำนักมารทะเลนั้นยังมีบรรยากาศฆ่าฟันถึงขนาดนี้แล้ว ภายในสำนักมารทะเลจะเป็นเช่นไรนั้น? เย่เย่ไม่อยากที่จะนึกภาพเลย
“นี่ก็เป็นแค่สร้างบรรยากาศที่ดีและเป็นการเตือนให้คนอื่นๆได้รู้เท่านั้น! ขอเพียงแต่ละเหมืองสามารถทำงานตามที่กำหนดได้ ก็จะไม่มีใครถูกลงโทษทั้งนั้น!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเคอเสี่ยวหมิงนั้นยังคงแจ่มใสเช่นเดิม แต่เย่เย่นั้นไม่ได้เชื่อเข้าแล้วในเวลานี้
หลังจากที่ได้ยินการอธิบายอย่างไม่คิดมากของ เคอเสี่ยวหมิงแล้ว เย่เย่ก็ได้กล่าวกลับไป: “แบบนี้มันจะเป็นการสร้างบรรยากาศดีๆในการทำงานได้ยังไง? หากมียอดฝีมือระดับราชันย์เทพมาพูดว่าจะฆ่าเช่นนี้? กฎแบบนี้เห็นได้ชัดว่ามันเหนือกว่าคำว่าเตือนไปแล้ว อาจจะเหนือกว่าคำว่าข่มขู่ด้วยซ้ำ! แบบนี้มันไม่ถูกต้อง ใครมันจะอยากไปเป็นกันเล่าตำแหน่งคนคุมงานเนี่ย! ใครอยากจะเป็นก็เป็นเองก็แล้วกัน!”