ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 464
บทที่ 464
ไล่ต้อน
เพลงกระบี่ของเจ้าชื่อว่าอะไร?”
เว่ยเหยียนก็ได้หรี่สายตาลง จากแทนที่หัวเราะให้กับความอ่อนแอของเย่เย่กลับถามขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“ขุนเขาไร้น้ำไหล!”
เย่เย่เองก็มีสีหน้าที่เยือกเย็น ราวกับแค่กำลังคุยอยู่กับฝ่ายตรงข้ามเฉยๆ ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆในคำพูดของเขา
“ชื่อไม่เลว!”
เว่ยเหยียนก็ผงกหัวหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ และกล่าวกับเย่เย่อย่างเสียดาย: “ช่างน่าเสียดายที่ข้าไม่ชอบฝึกวิชากระบี่เท่าไร ไม่อย่างนั้นหลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าไปแล้วข้าคงจะใช้มันเป็นของรางวัลสำหรับฝึกวิชาก็คงจะไม่เลว!”
แล้วเย่เย่ก็ได้เดินออกมาข้างหน้าแล้วชี้กระบี่ไร้เมฆาไปที่เว่ยเหยียนแล้วกล่าวเชิงยั่วยุ: “หากคิดว่ามีความสามารถมากพอ ก็เชิญมาชิงเอาไปได้เลย!”
ตูม!
ทันทีที่พูดจบ เว่ยเหยียนก็ได้พุ่งเข้าไปหาเย่เย่ทันที แต่ทว่าเป้าหมายของเขานั้นไม่ใช้กระบี่ไร้เมฆาหรือเพลงกระบี่แต่อย่างใด หากแต่เป็นชีวิตของเย่เย่
“มังกรท่องสมุทร!”
ในขณะที่กำลังพุ่งเข้าไปหาเย่เย่อยู่นั้นเว่ยเหยียนก็ได้ใช้กระบวนท่ามังกรท่องสมุทรและมีมังกรโปร่งแสงทะยานออกมาจากฝ่ามือของเขาอีกหนแล้วพุ่งชนใส่เย่เย่
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ในตอนที่มังกรโปร่งแสงได้ปรากฏออกมานั้นก็ได้มีแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อของ เว่ยเหยียนด้วย ซึ่งมันก็คือกระสวยแสงราตรีเดียวที่เป็นอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิเทพที่เขาได้มาจากเขาศักดิ์สิทธิ์ไท่ยวนนั่นเอง
ฟิ่ว!
สะสวยแสงราตรีเดียวก็ได้พุ่งตามมังกรโปร่งแสงไปราวกับสายฟ้าแล่บ แล้วไพ่ตายทั้งสองของเว่ยเหยียนก็ได้พุ่งตรงเข้าไปหาเย่เย่พร้อมกัน และได้ปิดทางหนีของเย่เย่เอาไว้จนหมดสิ้น
พลังปราณในอากาศก็ได้เกิดการปั่นป่วนขึ้นมา และแม้แต่แสงก็ยังต้องถูกบดบังภายใต้การโจมตีของเว่ยเหยียน ทำให้ท้องฟ้าเหนือลานกว้างต้องมืดลงชั่วคราว พายุหมุนทั้ง 2 ลูกที่กำลังหมุนอยู่อย่างบ้าคลั่งรอบๆเย่เย่นั้นก็ได้หายไปในทันทีเมื่อต้องเผชิญกับพลังคุกคามของเว่ยเหยียน ราวกับว่าพวกมันถูกดูดพลังทั้งหมดออกไปจนสลายหายไปในชั่วพริบตา
การโจมตีของเว่ยเหยียนนั้นยังมาไม่ถึงเย่เย่ แต่มันก็ได้เผยมาซึ่งพลังที่ทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้ ทำให้ผู้ชมในลานกว้างรวมถึงจักรพรรดิเทพทั้ง 3 อย่างเหยียนลี่หยาง ต้องกลั้นลมหายใจและมองดูอยู่อย่างเงียบๆ และรอยคอยชมผลสรุปของไพ่ตายของเว่ยเหยียนครั้งนี้อยู่อย่างเงียบๆ
ที่ลานกว้าง เย่เย่นั้นไม่ได้แสดงออกถึงความกลัวไพ่ตายของเว่ยเหยียนแต่อย่างใดแต่เขาเองก็ไม่ได้เลือกที่จะต้านรับตรงๆเหมือนกัน ในชั่วขณะที่มังกรท่องสมุทรกับกระสวยแสงราตรีเดียวกำลังจะถึงตัวของเย่เย่นั้น เย่เย่ก็ได้ดึงเอาพลังปราณมังกรไปไว้ที่เท้าของเขาและหายตัวไปจากสายตาของเว่ยเหยียนทันที
“เร็วมาก!”
เว่ยเหยียนก็ได้ตกใจที่เย่เย่ยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่อีก แต่ด้วยความสามารถในการรับรู้ถึงพลังปราณของเขานั้น เว่ยเหยียนก็ได้ต่อยออกไปทางซ้ายในชั่วขณะที่เหว่ยเหยียนหายตัวไปทันที
แก๊ง!
กระบี่ไร้เมฆากับหมัดของเว่ยเหยียนก็ได้ปะทะกัน และเกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันมาจากตรงกลางของลานกว้างทันที
หลังจากที่เย่เย่ได้มาปรากฏตัวอยู่ทางซ้ายของเว่ยเหยียนแล้ว เขาก็ได้ใช้เพลงกระบี่ภูเขาไร้น้ำไหลเข้าสังหารเว่ยเหยียนทันที ซึ่งถึงแม้การเคลื่อนไหวนั้นจะช้าแต่ก็แฝงไปด้วยจิตสังหารที่ไร้ขีดจำกัด
ตูมมมม!
จากไกลๆ ตรงจุดที่เย่เย่ยืนอยู่เมื่อสักครู่นั้นก็ได้ถูกมังกรโปร่งแสงกระแทกใส่จนเป็นหลุมขนาดใหญ่ และเกิดเป็นฝุ่นควันรู้ดอกเห็นพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ซึ่งพลังทำลายที่แผ่ออกมานั้นก็ได้ทำให้ทุกคนในลานกว้างนั้นต้องตกตะลึง
ซึ่งในขณะเดียวกันกับที่มังกรโปร่งแสงกระแทกเข้ากับพื้นนั้น กระสวยแสงราตรีเดียวที่ถูกเว่ยเหยียนปล่อยออกไปนั้น ก็รับรู้ได้ถึงการเรียกหาของเว่ยเหยียนก็ได้พลันตีโค้งเลี้ยวกลับมาพุ่งใส่เย่เย่ที่อยู่ไม่ไกลจากเว่ยเหยียนทันที
ฟิ่ว!
ความเร็วของกระสวยแสดราตรีเดียวนั้นรวดเร็วมาก และในขณะที่เย่เย่กำลังใช้ขุนเขาไร้น้ำไหลเพื่อสังหารเว่ยเหยียนอยู่นั้น กระสวยแสงราตรีเดียวก็ได้พุ่งมาหาเว่ยเหยียนเพื่อต้านรับกระบี่ของเย่เย่
แก๊ง หลังจากที่กระบี่ไร้เมฆากับกระสวยแสงราตรีเดียวปะทะกัน ก็ได้เกิดประกายไฟขึ้นมาจากตรงกลางของลานกว้างทันที
เว่ยเหยียนจึงได้ใช้โอกาสนี้รีบถอยออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาระยะห่างจากตัวเขาและเย่เย่ และมีความรู้สึกโชคดีปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
ตัวเขานั้นได้ประเมินพลังของเย่เย่เอาไว้สูงมากแล้วแท้ๆ แต่จากเมื่อสักครู่นี้เขาก็รับรู้ได้ว่าตัวเขานั้นประเมินเพลงกระบี่ขุนเขาไร้น้ำไหลผิดไปจริงๆ ถ้าหากว่ากระสวยแสงราตรีเดียวกลับมาไม่ทันการแล้ว เกรงว่าเว่ยเหยียนนั้นคงจะถูกเย่เย่แทงทะลุไปแล้ว
“ที่แท้เจ้าก็เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณนี่เอง!”
เย่เย่นั้นคิดไม่ถึงว่ากระบี่สังหารของเขานั้นจะถูกขวางด้วยกระสวยแสงราตรีเดียวเข้าเสียก่อน ดังนั้นเย่เย่จึงได้มองไปที่เว่ยเหยียนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดมากขึ้นไปอีก
จากสถานการณ์เมื่อสักครู่แล้ว มีเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมกระสวยแสงราตรีเดียวกลับป้องกันตัวเองได้ทันการด้วยความสามารถในการรับรู้ถึงพลังที่ทรงพลัง ดังนั้นเย่เย่จึงได้มองออกถึงตัวตนอีกอย่างของเว่ยเหยียนได้
แต่ในวันนี้ตัวเขานั้นมุ่งมั่นที่จะสังหารเว่ยเหยียนอย่างสุดๆ ไม่ว่าเว่ยเหยียนนั้นจะมีไพ่ตายที่แข็งแกร่งมากเพียงใด เย่เย่ก็ไม่มีความคิดที่จะถอยเด็ดขาด ซึ่งหลังจากที่กระสวยแสงราตรีเดียวได้เข้ามาขวางกระบี่ไร้เมฆาแล้ว เย่เย่ก็ได้ไม่ลังเลที่จะใช้ขุนเขาไร้น้ำไหลเพื่อสังหารเว่ยเหยียนอีกครั้ง
แก๊งๆๆๆๆ!
แล้วจักรพรรดิเทพก็ได้เข้าต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง กระบี่ไร้เมฆากับกระสวยแสงราตรีเดียวก็ได้ปะทะกันอย่างต่อเนื่องที่ลานกว้าง ทำให้เกิดประกายไฟสาดกระเซ็นไปทั่วลานกว้าง ซึ่งดูแล้วทั้งสวยงามและอันตราย
แต่ทว่าผิดกับในตอนแรกที่เย่เย่เป็นฝ่ายตั้งรับเพียงอย่างเดียว เย่เย่ในเวลานี้ไม่เพียงแต่จะพลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้ แต่ยังดึงเอาพลังปราณมังกรไปไว้ที่เท้าของตัวเองและใช้เพลงกระบี่ขุนเขาไร้น้ำไหลเพื่อค่อยๆต้อนเว่ยเหยียนจนไปถึงทางตัน
ฉึก!
หลังจากนั้นเย่เย่ก็ได้หายตัวไปแล้วกลับมาปรากฏตัวอีกหนพร้อมด้วยกระบี่แทงเข้าไปที่หัวไหล่ของเว่ยเหยียนจากทางด้านหลัง จึงได้มีสีหน้าหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เว่ยเหยียน
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่รู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นไร้พลัง โดยเฉพาะดวงตาที่หนาวเย็นของเย่เย่ที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมาราวกับเป็นยมทูต
“สำนักแก้วหลากสีทุกคนลงมือจัดการฆ่าเย่เย่กับ เหยียนลี่หยางทิ้งที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ถึงแม้ว่าเว่ยเหยียนจะพยายามควบคุมกระสวยแสงราตรีเดียวเพื่อรับมือกับการโจมตีของเย่เย่ แต่เพราะการใช้งานกระสวยแสงที่เป็นอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิเทพเป็นเวลานานๆนั้นจึงได้เสียพลังปราณไปเป็นจำนวนมาก เว่ยเหยียนจึงได้ค่อยๆมีท่าทีจะแพ้ปรากฏให้เห็นแล้ว
หลังจากที่เขาตะโกนบอกกับเหล่ายอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีรอบๆลานกว้าง เว่ยเหยียนก็ได้ถอยออกมาและคิดที่จะร่วมกำลังกับเหล่ายอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีใน เมืองเหยียนเป่ยจัดการกับเย่เย่พร้อมกัน
“น้อมรับคำสั่ง!”
แล้วเหล่ายอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีที่พร้อมอยู่นานแล้วก็ได้ตะโกนออกมาพร้อมกัน แล้วก็ได้พากันเหาะไปที่ตรงกลางลานกว้างอย่างไม่รีรอเพื่อรีบไปช่วยเว่ยเหยียน
“ข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีพวกเจ้าหน้าไหนได้ไปหาพวกเขาทั้งนั้น!”
แล้วในชั่วขณะนั้นเอง เหยียนลี่หยางก็ได้ชักกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพออกมา และเปิดฉากสังหารเหล่ายอดฝีมือสำนักแก้วหลากสีทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือราชันย์เทพของสำนักแก้วหลากสีจำนวนเป็นสิบคนเพียงลำพัง แต่เพราะ เหยียนลี่หยางนั้นได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพแล้วและยังถือครองอาวุธเจ็ดดาราสะท้านเทพที่เป็นถึงอาวุธระดับจักรพรรดิเทพอีก จึงไม่มียอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีคนไหนที่ผ่าน เหยียนลี่หยางไปช่วยเว่ยเหยียนได้
ฉัวะ!
หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ฟันยอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีจนขาดเป็น 2 ท่อนด้วยดาบเดียวแล้ว เหล่ายอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีก็ได้มองไปที่เหยียนลี่หยางด้วยสายตาที่หวาดกลัว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่มีพลังมากพอที่จะช่วยเหลือเว่ยเหยียนแล้ว แต่ในเวลานี้จะปกป้องตัวเองได้หรือเปล่านั้นก็ยังเป็นปัญหาเลย
“ไปตายซะ!”
ดวงตาของเหยียนลี่หยางก็ได้แดงฉานและได้ปลดปล่อยความอยากที่จะฆ่าเหล่ายอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีขึ้นมา ราวกับว่าตัวเขานั้นต้องการที่จะล้างแค้นให้กับสำนักแก้วหลากสี
“ปัดโธ่เว้ย!”
ที่ทางตอนเหนือของลานกว้าง เมื่อเห็นว่าเว่ยเหยียนนั้นกำลังถูกเย่เย่ไล่ต้อนอยู่ และเหล่ายอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีต่างก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีของเหยียนลี่หยางแล้ว ซูเทียนอวี้ก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธทันที
เขาก็ได้เหาะลงมาแล้วรีบพุ่งตัวไปหาเหยียนลี่หยาง และคิดที่จะจัดการกับเหยียนลี่หยางก่อนแล้วค่อยไปช่วยเว่ยเหยียนจัดการกับเย่เย่ แต่ทว่าก่อนที่เขาจะได้เข้าใกล้เหยียนลี่หยาง ซูเทียนอวี้ก็รู้สึกได้ถึงอันตรายที่มาจากข้างหลังของเขา
“มาสู้กับข้านี่!”
เสิ่นจ้งหมิงที่ถูกสั่งให้มาขัดขวางซูเทียนอวี้นั้น เมื่อเห็นว่าซูเทียนอวี้เคลื่อนไหวแล้ว ตัวเขาก็ย่อมที่จะอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป
ถึงแม้ว่าเขาไม่จะคิดว่าตัวเองนั้นจะมีพลังมากพอที่จะจัดการซูเทียนอวี้ได้ แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถถ่วงเวลา ซูเทียนอวี้เอาไว้ได้สักระยะหนึ่งอยู่ ดังนั้นในชั่วขณะที่เขาเห็น ซูเทียนอวี้บุกมานั้นเสิ่นจ้งหมิงก็ได้จัดการซัดใส่หลังของซูเทียนอวี้ด้วยฝ่ามืออย่างสุดกำลังทันที
“เสิ่นจ้งหมิง เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ถึงแม้ว่าทั้งคู่นั้นจะเป็นระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพทั้งคู่ แต่ในตอนที่ซูเทียนอวี้ได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพนั้น เสิ่นจ้งหมิงนั้นยังไม่บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพเลย ดังนั้นพลังของเสิ่นจงหมิงนั้นยังห่างไกลจากซูเทียนอวี้มากนัก
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจ้งหมิงนั้นอาจหาญที่จะมาโจมตีใส่เขาแล้ว ซูเทียนอวี้ก็ได้โกรธจัดและไม่สนอะไรอย่างอื่นอีกต่อไป และกลับหลังหันมาหาเสิ่นจ้งหมิงเพื่อโจมตีสวนกลับทันที
ตูมมม!
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ได้ซัดฝ่ามือใส่กันอย่างสุดกำลัง และเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งเมืองเหยียนเป่ย เหล่ายอดฝีมือในเมืองเหยียนเป่ยนั้นต่างก็พากันมองไปทางจวนเจ้าเมืองด้วยความตกใจและต่างก็รู้สึกสั่นกลัวขึ้นมา
“อั่ก!”
เสิ่นจ้งหมิงนั้นระวังซูเทียนอวี้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ในเวลานี้เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเขานั้นยังประมาทเจ้าสำนักแก้วหลากสีมากไปอยู่ดี หลังจากที่ทั้งสองคนได้แลกฝ่ามืออย่างสุดกำลังกันไปรอบแล้ว เสิ่นจ้งหมิงก็ได้กระอักเลือดออกมาเต็มปาก และมองไปที่ซูเทียนอวี้ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
แต่ทว่าเสิ่นจ้งหมิงเองก็เตรียมตัวมาดีเหมือนกัน หลังจากที่รู้ได้ถึงความต่างมหาศาลระหว่างตัวเขากับซูเทียนอวี้แล้ว เขาก็ได้หยิบเอายันต์ที่เซี่ยงฮว๋าเจ้าสำนักต่างไฟให้มาแล้วชี้ไปที่ซูเทียนแล้วกล่าวอย่างจริงจัง: “หยุดเดี๋ยวนี้! ถ้าหากว่าท่านกล้าขยับอีก ข้าจะใช้ยันต์ฟ้าผ่าสวรรค์ชั้นเก้านี้ระเบิดตัวตายไปพร้อมกับท่าน!”
เมื่อซูเทียนอวี้ได้ยินชื่อยันต์ฟ้าผ่าสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว สีหน้าของเขาก็ไม่ดีขึ้นมาอย่างสุดๆ เพราะยันต์ฟ้าผ่าสวรรค์ชั้นเก้านั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นไพ่ตายของสำนักต่างไฟ ถึงแม้ว่าจะมีอยู่แค่ใบเดียว แต่หากใช้งานแล้วแม้แต่ระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพก็ยังมีสิทธิ์ตายได้
“ไม่นึกเลยว่าเซี่ยงฮว๋านั้นจะยินยอมมอบยันต์ฟ้าผ่าสวรรค์ชั้นเก้าให้เจ้า เจ้าสำนักต่างไฟของเจ้านี่ช่างใจกว้างเสียจริงๆ!”
ซูเทียนอวี้ก็ได้จ้องไปที่เสิ่นจ้งหมิงด้วยสีหน้าที่ดุดัน และหลังจากที่ได้มองไปที่เย่เย่กับเหยียนลี่หยางที่กำลังจะชนะแล้วนั้น ใบหน้าของเขาก็ได้ไม่ดีอย่างสุดขึ้นมา
ถึงแม้ว่าคำขู่ของเสิ่นจ้งหมิงนั้นอาจจะฟังดูเกินจริงไปเสียหน่อย แต่ถ้าหากตัวเขาเกิดโดนยันต์ฟ้าผ่าสวรรค์ชั้นเก้าขึ้นมา แม้ว่าเสิ่นจ้งหมิงจะตายแล้วตัวเขารอด แต่หากเย่เย่กับ เหยียนลี่หยางร่วมมือกันก็เพียงพอที่จะฆ่าเขาได้อยู่ดี ดังนั้นหลังจากที่ไม่พอใจอยู่สักพัก ซูเทียนอวี้ก็ได้เหาะกลับไปตำแหน่งเดิมด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยมและมองไปที่เสิ่นจ้งหมิงที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น
“นั่นแหละดี! วันนี้ท่านกับข้าเป็นเพียงแค่ผู้ชม ไม่ว่าผลการต่อสู้จะออกมาเช่นไรก็ห้ามไปยุ่งทั้งนั้น นี่คือหน้าที่ที่ท่านอาจารย์ของข้าเซี่ยวฮว๋าได้สั่งมาและใคร่ขอให้เจ้าสำนักซูให้ความร่วมมือด้วย!”
เมื่อเสิ่นจ้งหมิงเห็นซูเทียนอวี้กลับไปยังที่นั่งของตัวเองแล้ว เสิ่นจ้งหมิงก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเขาก็ได้หยิบเอายันต์ฟ้าผ่าสวรรค์ชั้นเก้าเก็บใส่ในแขนเสื้อแล้วก็ได้กลับไปยังที่นั่งของตัวเองและกล่าวกับซูเทียนอวี้