ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 456 พบเจอ
บทที่ 456
พบเจอ
ณ เขาฉีอวิ๋นที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของดินแดน เทียนหนาน ในขณะที่ละแวกริมชายฝั่งทะเลตั้งอยู่ทางทิศใต้ และเขาเหยียนเป่ยตั้งอยู่ทางทิศเหนือ
หลังจากที่เว่ยเหยียนได้สังหารผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเหยียนไปและได้เข้ายึดครองภูเขาเหยียนเป่ยนั้น ตระกูลเหยียนที่หลบหนีออกมาจากภูเขาเหยียนเป่ยนั้นก็ได้แยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทางหลบหนีกันไปยังที่ต่างๆ ซึ่งก็มีกลุ่มหนึ่งที่นำโดย เหยียนไห่อวิ๋นยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพของตระกูลเหยียนที่โชคร้ายถูกพบโดยคนของสำนักแก้วหลากสีเข้า และได้ถูกล้อมโดย 4 ยอดฝีมือระดับสูงสุดของราชันย์เทพของสำนักแก้วหลากสีล้อมอยู่ในเขาฉีอวิ๋นแห่งนี้
เนื่องจากกลัวการเข้ามาขัดขวางของสำนักต่างไฟแล้ว สำนักแก้วหลากสีจึงได้ไม่กล้าที่จะส่งยอดฝีมือจักรพรรดิเทพออกมาตามล่าตระกูลเหยียนเพิ่ม จึงมีแค่ยอดฝีมือทั้ง 4 คนจากในหมู่ 9 คนที่ติดตามเว่ยเหยียนมาที่ภูเขาเหยียนเป่ย
“เหยียนไห่อวิ๋น คิดว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีกอย่างนั้นเหรอ? ที่นี่จะเป็นที่ตายของเจ้าในวันนี้!”
ชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้าของทั้ง 4 คนนี้มีชื่อว่า จางลี่เทียน เขาได้นำพายอดฝีมือ 3 คนที่เหลือไล่ตามคนในตระกูลเหยียนที่เหลือรอด แต่เพราะว่าตระกูลเหยียนนั้นระวังตัวอย่างมาก พวกเขานั้นได้ทำการอำพรางที่อยู่ของตัวเองโดยผ่านวิธีการต่างๆ จนกระทั่งในเวลานี้พวกเขาก็พบกลุ่มคนของตระกูลเหยียนเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น
จางลี่เทียนก็ได้จับจ้องไปที่พวกเหยียนไห่อวิ๋นอย่างระแวดระวังสุดๆ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะไปไล่ล่าคนในตระกูลเหยียนกลุ่มอื่นๆได้ทัน ดังนั้นจางลี่เทียนกับพรรคพวกจึงได้ให้ความสนใจกับพวกเหยียนไห่อวิ๋นเป็นพิเศษ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถจับตัวพวกเหยียนไห่อวิ๋นแล้วพากลับไปที่เมืองเหยียนเป่ยได้ แต่จางลี่เทียนก็จะไม่คิดที่จะปล่อยให้พวกเขารอดไปจากที่นี่ได้แน่
“ฮึ่ม! เจ้าพวกลิ่วล้อสำนักแก้วหลากสี ต่อให้พวกเราหนีรอดไปจากที่นี่ไม่ได้ ตระกูลเหยียนของพวกเราก็จะไม่ยอมสยบต่อพวกเจ้าแน่! ถ้าพวกเจ้าอยากที่จะสู้แล้วล่ะก็ พวกเราก็ยินดีที่จะสู้กับพวกเจ้าจนตัวตาย!”
เหยียนไห่อวิ๋นก็ได้ออกมาคอยปกป้องคนใน ตระกูลเหยียนคนอื่นๆที่อยู่ข้างหลังเขา และมองไปที่พวก จางลี่เทียนด้วยความเคร่งเครียดในดวงตาของเขา
เพราะว่ามีคนมากกว่า 20 คนอยู่ในกลุ่มของเขารวมถึงตัวเขาด้วย แต่มียอดฝีมือราชันย์เทพแค่ 3 คนเท่านั้น และมีเขาเพียงคนเดียวที่อยู่ในระดับสูงสุดราชันย์เทพ เมื่อถูกล้อมโดยพวกจางลี่เทียนเช่นนี้แล้ว เหยียนไห่อวิ๋นก็รู้ดีว่าโอกาสที่พวกเขาจะรอดไปได้นั้นต่ำมาก
แต่ถึงอย่างนั้นเหยียนไห่อวิ๋นก็ไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้ต่อพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงแค่เขาแต่คนในตระกูลเหยียนคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังเหยียนไห่อวิ๋นนั้นต่างก็มีสีหน้าที่แน่วแน่บนใบหน้าของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นยินดีที่จะตายมากกว่าที่จะตกเป็นตัวประกันของสำนักแก้วหลากสี แล้วให้สำนักแก้วหลากสีขู่คนในตระกูลเหยียนคนอื่นๆด้วยชีวิตของพวกเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วสีหน้าจางลี่เทียนก็ได้หนาวเย็นขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าโอกาสที่จะเกลี้ยกล่อมเหยียนไห่อวิ๋นกับพรรคพวกให้ยอมแพ้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่เขาก็ยังกล่าวกับพวกเหยียนไห่อวิ๋นอย่างหนาวเย็นหวังโชคอันน้อยนิด: “เหยียนไห่อวิ๋น แม้ว่าเจ้านั้นจะไม่กลัวตาย แต่คนใน ตระกูลเหยียนที่อยู่ข้างหลังเจ้าก็ใช่ว่ายินดีที่จะร่วมเดินทางไปเจ้าไปเฝ้ายมบาลด้วยเสียหน่อย! ขอเพียงพวกเจ้ายอมแพ้ต่อสำนักแก้วหลากสีเสียตอนนี้ ข้าสัญญาว่าจะพาพวกเจ้ากลับไปที่เมืองเหยียนเป่ยอย่างปลอดภัย ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะยึดเอาโอกาสสุดท้ายนี้เอาไว้!”
หลังจากที่กล่าวจบพวกจางลี่เทียนก็ได้ยืนรอคำตอบของตระกูลเหยียนอย่างเงียบๆ
แต่ทว่าแม้ว่าจะมีความลังเลปรากฏบนสีหน้าของลูกหลานในตระกูลเหยียนบางคน แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่มีใครเลยที่คิดจะทรยศต่อเหยียนไห่อวิ๋น ราวกับว่าพวกเขานั้นแน่วแน่ที่จะสู้กับสำนักแก้วหลากสีจนตัวตาย
“ดี! ดีมากๆ! ในเมื่อพวกเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว พวกเราก็จะทำให้พวกเจ้าสมหวังเดี๋ยวนี้แหละ!”
จางลี่เทียนก็ได้มองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ดีอย่างสุดๆ หลังจากที่เขาส่งสายตาให้กับอีก 3 คนแล้ว ยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพทั้ง 4 ก็ได้พุ่งเข้าไปหาพวกเหยียนไห่อวิ๋นพร้อมกัน และจิตสังหารก็ได้แผ่ออกมาจากตัวของศิษย์สำนักแก้วหลากสีทั้ง 4 คน
“ฆ่า! พวกตระกูลเหยียนทุกคนจะต้องตาย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเหยียนไห่อวิ๋นก็ได้ละทิ้งความคิดทั้งหมดของเขาไป และได้สั่งให้ลูกหลานตระกูลเหยียนที่อยู่ข้างหลังเขาสู้กันอย่างสุดกำลัง และสู้กับพวกจางลี่เทียนอย่างถึงที่สุด
“สู้กับพวกเขา!”
“ล้างแค้นให้ผู้อาวุโสทั้งสอง!”
“ข้าขอสาบานว่าจะไม่ยอมแพ้ และยินดีที่จะตายมากกว่าที่จะยอมแพ้!”
แล้วสองยอดฝีมือราชันย์เทพที่อยู่ข้างหลังเหยียนไห่อวิ๋นนั้น เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆที่ยังอยู่ในระดับจอมเทพกับเทพอสูร ต่างก็เผชิญหน้ากับจางลี่เทียนด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ และดวงตาของพวกเขาก็ได้เต็มไปด้วยความเศร้าสลดของการตาย
แต่ทว่าในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะสู้ตายกันอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงที่หนาวเย็นดังก้องไปทั่วทั้งเขาฉีอวิ๋น
“ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสสูงสุดของสมาพันธ์โม่ไห่ ช่วยเหลือตระกูลเหยียนและจัดการสังหารพวกลิ่วล้อของสำนักแก้วหลากสีให้หมด!”
แล้วทุกคนก็ได้หันหน้าไปยังที่มาของเสียง แล้วก็พบยอดฝีมือราชันย์เทพ 3 คนเหาะมาจากไกลๆอย่างรวดเร็ว
คนที่นำหน้ามานั้นก็เหาะมาด้วยความเร็วที่มากกว่าอีก 2 คนที่เหลือ และหลังจากที่เห็นพวกจางลี่เทียนแล้ว เขาก็ได้ขว้างมีดบินสีดำทั้ง 9 เล่มออกไปจากแขนเสื้อไปยังพวกเขาทันที
คนคนนี้ก็คือเหยียนเสี่ยวเฟยที่เร่งรีบออกมาจากเมืองหลงเจียงหลังจากที่ได้รับทราบข่าว และยังมียอดฝีมือราชันย์เทพอีก 2 คนที่เพิ่งเข้าร่วมกับเมืองหลงเจียงได้ไม่นานตามเขามาด้วย
ฟิ่วๆๆๆๆ!
มีดบินสีดำทั้ง 9 เล่มของเหยียนลี่หยางนั้นเป็นถึงชุดเซ็ตอาวุธวิเศษในระดับจักรพรรดิเทพ หลังจากที่ขว้างออกจากแขนเสื้อของเขาไปแล้ว ก็ได้มีสายฟ้าสีดำทั้ง 9 เส้นปรากฏต่อหน้าพวกจางลี่เทียน
“แย่แล้ว หลบเร็ว!”
จางลี่เทียนนั้นรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าที่แผ่ออกมาจากมีดบินสีดำ และรีบบอกกับอีก 3 คนที่เหลือให้ถอยหลบการโจมตีสายฟ้าแล่บของเหยียนเสี่ยวเฟยทันที
“คิดว่าจะหนีได้อย่างนั้นเหรอ?”
แต่ทว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดมือเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่พวกจางลี่เทียนได้หลบการโจมตีของมีดบินแล้ว เขาก็ได้ควบคุมให้มีดบินสีดำทั้ง 9 เล่มนั้นออกไล่ล่าและฆ่าพวกจางลี่เทียนทันทีด้วยจิตสังหารที่ดุดันราวกับนักล่า
ถึงแม้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเหยียนในตอนที่เขาอยู่ที่เมืองหลงเจียง แต่เขานั้นก็ได้กระตือรือร้นอย่างมากในการออกค้นหาที่อยู่ของตระกูลเหยียนที่หลบหนีอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่พบที่อยู่แล้วก็ได้พาคนออกมาช่วยเหลือทันที
“เหยียนเสี่ยวเฟย!”
เมื่อเหยียนไห่อวิ๋นเห็นเหยียนเสี่ยวเฟยปรากฏตัวออกมา หัวใจของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกขึ้นมาทันที
ไม่เพียงแค่เขาแต่ลูกหลานตระกูลเหยียนคนอื่นๆเองต่างก็มีสีหน้าลำบากใจ และมองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจและรู้สึกผิด
ซึ่งพูดได้ว่าก่อนที่เหยียนเสี่ยวเฟยจะปรากฏตัวออกมาที่งานประลองยุทธ์ประจำตระกูลเหยียนในครั้งก่อนนั้น มีอยู่แค่เพียงไม่กี่คนที่รู้ถึงตัวตนของเหยียนเสี่ยวเฟย แต่หลังจากนั้นคนในตระกูลเหยียนเกือบทั้งหมดต่างก็รู้ว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้ทำอะไรกับเหยียนเสี่ยวเฟยเอาไว้
ในเวลานี้ไม่ว่าพวกเขานั้นจะเป็นลูกหลานตระกูลเหยียนที่อยู่ฝ่ายสนับสนุนผู้อาวุโสเป่ยซานหรือไม่ก็ตาม พวกเขาต่างก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าตระกูลเหยียนนั้นติดหนี้ชีวิต เหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว ในเวลานี้เมื่อเห็นเหยียนเสี่ยวเฟยโผล่มาช่วยตระกูลเหยียนโดยที่ไม่สนใจเรื่องในอดีตแล้ว เหยียนไห่อวิ๋นกับพรรคพวกต่างก็มีความรู้สึกทับซ้อนขึ้นในใจของพวกเขา และมีความละอายใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
“พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่? พวกเจ้าจะปล่อยให้พวกเขาหนีออกไปจากที่นี่ได้รึยังไง?”
เมื่อเห็นพวกเหยียนไห่อวิ๋นมัวแต่ตกตะลึงแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา และในขณะเดียวกันก็ได้เข้าโจมตีพวกจางลี่เทียนต่อ และตะโกนบอกให้เหยียนไห่อวิ๋นกับพรรคพวกให้พวกเขาเข้าสกัดพวกจางลี่เทียนที่กำลังหนีทันทีเพื่อจัดการเก็บพวกเขาเสียที่นี่
“ใช่แล้ว! จัดการฆ่าพวกมันทิ้งเสียที่นี่!”
“หลังจากที่ไล่ล่าพวกเราเสียตั้งนาน ถึงคราวพวกเขาจะต้องลิ้มรสความสิ้นหวังบ้างแล้ว!”
“คนของตระกูลเหยียนทุกคนลงมือพร้อมกัน อย่าปล่อยให้คนในสำนักแก้วหลากสีหนีรอดไปสักคน!”
เหยียนไห่อวิ๋นกับพรรคพวกก็ได้รู้สึกตัวหลังจากที่ได้ยินเสียงเตือนของเหยียนเสี่ยวเฟย และรีบเข้าล้อมพวกจางลี่เทียนหมายสังหารพวกเขาทันที
พวกจางลีเทียนที่เพิ่งจะหลบการโจมตีของ เหยียนเสี่ยวเฟยออกมาได้นั้น ก็ได้ลิ้มรสความรู้สึกของการถูกล้อมเข้าบ้างแล้ว
“เหล่าศิษย์น้อง ถอนตัวก่อน!”
จางลี่เทียนก็ได้รีบออกคำสั่งบอกให้เหล่ายอดฝีมือสำนักแก้วหลากสีถอนทัพทันที แล้วจากนั้นก็ได้ฉวยโอกาสรีบกลับตัวและหนีออกไปไกล หวังที่จะหนีออกไปจากวงล้อมของ เหยียนเสี่ยวเฟยและพรรคพวกในทันที
“ตายอยู่ที่นี่นี่แหละ!”
หลังจากยอดฝีมือราชันย์เทพอีก 2 คนจากเมืองหลงเจียงมาถึง ภาระของเหยียนเสี่ยวเฟยจึงได้ลดลงไปทันที ในคราวนี้ เหยียนไห่อวิ๋นกับพรรคพวกก็ได้เข้ามาร่วมสู้ด้วยแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยจึงได้รวบรวมพลังของเขาไปที่คนคนเดียว และออกไล่ล่าจางลี่เทียนไปเมื่อเห็นว่าจางลี่เทียนนั้นกำลังคิดที่จะหนี
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เข้าควบคุมมีดบิดทั้ง 9 เล่มอีกหนและรวมกันกลายเป็นกระบี่สีทอง หลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยชี้นิ้วไปที่จางลี่เทียนที่อยู่ตรงหน้าเขา กระบี่สีทองก็ได้พุ่งตัดผ่านอากาศและไปปรากฏตัวอยู่เหนือหัวของ จางลี่เทียนทันที
“อย่าหวัง!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายที่มาจากทางด้านหลังของตัวเองแล้ว จางลี่เทียนก็ได้รีบหันหลังกลับไปแล้วต่อยใส่กระบี่สีทองอย่างสุดกำลังทันที
ตูมมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งเขาฉีอวิ๋น และแรงระเบิดที่น่ากลัวก็ได้ทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบๆจางลี่เทียน
“อุ่ฟ!”
ถึงแม้จางลี่เทียนจะยังไม่ตาย แต่เขาก็ได้กระเด็นและกระอักเลือดออกมาจากปากเพราะแรงกระแทกจากกระบี่สีทอง และสีหน้าของเขาก็ได้ซีดเผือดอย่างสุดๆ
ในขณะที่จางลี่เทียนคิดว่าตัวเองรอดมาได้อย่างหวุดหวิดแล้วนั้น เหยียนเสี่ยวเฟยที่มาพร้อมกับกระบี่สีทองนั้นก็ได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของจางลี่เทียน และก่อนที่จางลี่เทียนจะได้ทันตั้งตัว เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ซัดฝ่ามือใส่เขาอย่างแรงที่หน้าอก
ตูม!
จางลี่เทียนก็ได้ถูกฝ่ามือของเหยียนเสี่ยวเฟยจนลอยไปกระแทกเข้ากับภูเขาชีอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของเขา แล้วก้อนหินก็ได้ถล่มลงมาใส่ มีฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วแต่จางลี่เทียนนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาถูก เหยียนเสี่ยวเฟยฆ่าตายไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย!”
“หนีเร็ว!”
“ข้ายังไม่อยากตาย!”
ทันทีที่จางลี่เทียนตาย กำลังใจของยอดฝีมือจากสำนักแก้วหลากสีที่เหลืออีก 3 คนก็ได้สลายไปทันที และต่างก็แยกย้ายรีบหนีไปคนละทิศละทาง
แต่ยิ่งพวกเขากระวนกระวายเท่าไร การโจมตีของพวกเขาก็ยิ่งยุ่งเหยิงเท่านั้น ในขณะที่พวกเหยียนไห่อวิ๋นนั้นไม่ได้เร่งรีบอะไร และไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกเขาตรงๆ ทำเพียงแค่รั้งพวกเขาเอาไว้ป้องกันไม่ให้พวกเขาหนีไปจากวงล้อมของพวกเขาได้เท่านั้น
หลังจากที่เห็นพลังของเหยียนเสี่ยวเฟยเมื่อสักครู่แล้ว เหยียนไห่อวิ๋นกับพรรคพวกก็ได้ประเมินค่าเหยียนเสี่ยวเฟยสูงขึ้นไปอีก และคิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นแข็งแกร่งเทียบได้กับยอดฝีมือระดับเริ่มต้นจักรพรรดิเทพ โดยเฉพาะชุดมีดบินสีดำของเขาที่มีพลังที่น่ากลัวที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพนั้นจะรับได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ปล่อยยอดฝีมือสำนักแก้วหลากสีทั้งสามคนให้เหยียนเสี่ยวเฟยจัดการ และพยายามทำให้พวกจางลี่เทียนต้องตายอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลด้วยวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
ซึ่งเหยียนเสี่ยวเฟยก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง ด้วยชุดมีดบินสีดำที่เย่เย่ให้เขามานั้น เขาก็ได้สร้างผลงานอย่างใหญ่หลวงด้วยการจัดการสังหารยอดฝีมือราชันย์เทพทั้ง 4 คนที่มาไล่ล่าพวกเหยียนไห่อวิ๋นจนสิ้น
ทันทีที่ศัตรูตายลงทั้งหมด เหยียนเสี่ยวเฟยกับพรรคพวกก็ไม่ได้รอช้ารีบพาพวกเหยียนไห่อวิ๋นเร่งเดินทางกลับไปที่เมืองหลงเจียงทันที
ส่วนคนในตระกูลเหยียนกลุ่มอื่นๆที่หนีรอดจากภูเขา เหยียนเป่ยมาได้นั้น ก็ได้ถูกเหล่ายอดฝีมือที่นำโดยพวก จงเจิ้งหมิงนำพาพวกเขากลับมา
ในเวลานี้เพื่อที่จะนำพาคนในตระกูลเหยียนกลับมาที่เมืองหลงเจียงอย่างปลอดภัยนั้น เย่เย่ก็ได้ส่งยอดฝีมือในเมืองทั้งหมดออกไป ซึ่งการช่วยเหลือคนในตระกูลเหยียนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนัก ในฐานะที่เมืองหลงเจียงเป็นเมืองที่เย่เย่อยู่นั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครที่กล้าทะเล่อทะล่าเข้ามาในเมืองนี้ โดยเฉพาะในเวลานี้ที่สมาพันธ์โม่ไห่ได้ยึดครองพื้นที่แม่น้ำและภูเขาครึ่งหนึ่งของละแวกริมชายฝั่งทะเลเอาไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัยในเมืองหลงเจียงและเมืองโม่ไห่เลย