ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 450 ดาวเหนือโปรย
บทที่ 450
ดาวเหนือโปรย
ในแทบจะทันทีที่ทั้งสองคนถูกเว่ยเหยียนสวนกลับมานั้น ยอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีทั้ง 9 เองที่ได้กระเด็นออกมาที่ลานกว้างนั้น ก็ได้พากันแยกย้ายไปโจมตีเหยียนเสียอวิ๋นกับคนระดับสูงของตระกูลเหยียนทันที
พวกเขาต่างก็สู้กันอย่างเต็มที่ ราวกับว่าพวกเขาคิดที่จะจบศึกนี้อย่างรวดเร็ว หมายที่จะจัดการจบชีวิตพวก เหยียนเสียอวิ๋นให้ได้ ก่อนที่เว่ยเหยียนจะจัดการกับผู้อาวุโสทั้งสองได้สำเร็จ
“บ้าชิบ!”
แต่ทว่าพวกเหยียนเสียอวิ๋นนั้นก็ไม่ยอมที่จะให้ถูกฆ่าง่ายๆ พร้อมกันกับที่เหล่ายอดฝีมือจากสำนักแก้วหลากสีโจมตีมา เหยียนเสียอวิ๋นกับเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นก็ได้พากันโจมตีสวนกลับไปเช่นกัน
ยอดฝีมือของตระกูลเหยียนนั้นมียอดฝีมือราชันย์เทพอยู่เกือบ 20 คน ถึงแม้จะมีแค่ 5 คนรวมเหยียนเสียอวิ๋นที่อยู่ในระดับสูงสุดราชันย์เทพ แต่พลังต่อสู้โดยรวมของพวกเขาก็ยังเหนือกว่ายอดฝีมือทั้ง 9 จากสำนักแก้วหลากสี ในตอนที่อีกฝ่ายได้บุกเข้ามาโจมตีพวกเขานั้น เหยียนเสียอวิ๋นกับคนอื่นๆก็ได้ผนึกพลังร่วมกันสู้ทันที และทุกคนต่างก็เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหมายฆ่าฟันบนใบหน้าของพวกเขา
เปรี้ยงๆๆๆๆ!
มีเสียงระเบิดดังมาอย่างต่อเนื่องไปทั่วทั้งเขาเหยียนเป่ย และลูกหลานของตระกูลเหยียนทั้งหมดต่างก็รู้ถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่บ้านหลักสกุลเหยียน
แต่ทว่าเนื่องจากวรยุทธ์ของพวกเขานั้นอยู่ในระดับต่ำ ต่อให้พวกเขาไปเข้าร่วมต่อสู้ด้วยก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเหยียนเสียอวิ๋นได้อยู่ดี และอาจจะเข้าถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเขาเปล่าๆ ดังนั้นคนในตระกูลเหยียนเหล่านี้จึงต่างก็เฝ้ามองดูการต่อสู้นี้อยู่ห่างๆ และไม่กล้าที่จะมาเข้ามาใกล้ศึกนี้ง่ายๆ
ที่ใจกลางของการต่อสู้นั้นหลังจากที่ผู้อาวุโสทั้งสองถูกเว่ยเหยียนโจมตีสวนกลับมาแล้ว พวกเขาต่างก็ชะงักเพียงเล็กน้อยแล้วพุ่งเข้าไปหาเว่ยเหยียนอีก
มีความแน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในดวงตาของทั้งคู่ และตัดสินใจที่จะจัดการฆ่าเว่ยเหยียนทิ้งเสียที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะต้องกลายเป็นชิ้นๆก็ตาม ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่มีใครที่จะช่วยตระกูลเหยียนของพวกเขาได้แล้ว
“แบบนี้แหละ!”
หลังจากที่เห็นสายตาที่แน่วแน่ในดวงตาของผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว เว่ยเหยียนก็ไม่ได้มีทีท่าเย้ยหยันพวกเขาอีก แต่ยิ้มอย่างยอมรับในตัวพวกเขาแทน พร้อมด้วยไฟในการต่อสู้ที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา
ถ้าหากผู้อาวุโสทั้งสองไม่ต่อสู้กับเขาอย่างเตรียมใจที่จะตายแล้ว เว่ยเหยียนก็คงจะไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าจะไม่รับการโจมตีของทั้งคู่อย่างเอาจริงเอาจังด้วย แต่ในเวลานี้ผู้อาวุโสทั้งสองนั้นได้รู้ถึงความน่ากลัวของเว่ยเหยียนแล้ว ทั้งคู่จึงได้เตรียมใจที่จะตายและบุกเข้ามาโจมตีอีก และได้ทำให้เว่ยเหยียนนั้นมีไฟอยากที่จะสู้ขึ้นมา
“ไปลงนรกซะ!”
“เอาชีวิตของเจ้ามา!”
ผู้อาวุโสทั้งสองก็ได้ร่วมแรงกันอีกหน และหลังจากที่บุกเข้าไปหาเว่ยเหยียนแล้ว พวกเขาต่างก็ใช้กระบวนท่า”ดาวเหนือโปรย”ใส่เว่ยเหยียนพร้อมกัน
แล้วท้องฟ้าเหนือเขาเหยียนเป่ยก็ได้พลันมืดสนิท แล้วสายธารดวงดาวจากทั่วทั้งท้องฟ้าก็ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองสาย สายธารดวงดาวที่ส่องสว่างทั้งซ้ายและขวานั้นต่างก็เหมือนกันราวกับกระจกเงา
ภายใต้พลังของผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว สายธารดวงดาวทั้งสองก็ได้ร่วงหล่นลงมาพร้อมกัน แล้วพุ่งกระแทกใส่เว่ยเหยียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างไม่รีรอ
ตูม!
ในตอนที่สายธารดวงดาวได้หล่นลงมาใกล้นั้น แสงจากภูเขาเหยียนเป่ยก็ได้สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเหล่าคนของตระกูลเหยียนที่เฝ้าดูการต่อสู้นี้อยู่ห่างๆนั้นก็พากันหลับตาอย่างช่วยไม่ได้เพื่อกันไม่ให้ตาต้องบอดเพราะแสงที่แสบจ้า
พลังปราณในอากาศก็ได้เกิดการปั่นป่วนขึ้นมา ลมก็พัดกรรโชกหนัก และแผ่นดินก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับว่าไม่สามารถรับแรงกระแทกของสายธารดวงดาวที่ร่วงหล่นลงมานี้ได้ สิ่งก่อสร้างสูงระฟ้าในบ้านหลักสกุลเหยียนนั้นก็ได้ถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง และกำแพงอาคารก็ได้ลงมาปกคลุมพื้น ฝุ่นควันก็ได้คละคลุ้งไปทั่วไปบ้านสกุลเหยียน
แต่ทว่าภายใต้การถล่มทลายของ 2 ยอดฝีมือจักรพรรดิเทพแล้ว เว่ยเหยียนก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่ได้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใดๆ
หลังจากมองไปที่สายธารดวงดาวที่อยู่เหนือหัวของเขาแล้ว ก็ไม่ได้ออกกระบวนท่าใดๆออกมา เขาแค่หลบด้วยขาข้างหนึ่งแล้วจากนั้นก็ได้สะบัดฝ่ามือขวาสวนกลับสายธารดวงดาวที่อยู่เหนือหัวของเขาไปตรงๆ
ตูม!
ราวกับว่าพลังปราณในอาการที่กำลังปั่นป่วนนั้นก็ได้ถูกสยบด้วยฝ่ามือของเขา แล้วพลังปราณเหล่านั้นก็ได้หลั่งไหลมารวมกันที่ฝ่ามือของเขา
ก็ได้มีลมแรงก็ได้หยุดพัด ฝุ่นควันก็ได้หายไป ราวกับว่าทั้งหมดในโลกนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเว่ยเหยียนแล้ว แม้แต่สายธารดวงดาวทั้งสองที่อยู่เหนือหัวของเขานั้นก็ได้สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่รู้สึกได้ถึงพลังจากหมัดของเว่ยเหยียน แล้วสายธารดวงดาวนั้นก็ได้เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
ตูมๆๆๆๆ!
ในตอนที่หมัดของเว่ยเหยียนปะทะเข้ากับสายธารดวงดาวทั้ง 2 นั้นเอง สายธารดวงดาวทั้งสองก็ได้ถอยกลับไปแล้วกลางวันก็ได้กลับคืนมา แล้วก็ได้เกิดการระเบิดขึ้นไปทั่วทั้งบ้านหลักสกุลเหยียนในทันที
แผ่นดินปริแตก อาคารสูงทั้งหลายก็ได้ถล่มลงมา แล้วทั่วทั้งบ้านสกุลเหยียนก็ได้ถูกทำลายจนสิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะลูกหลานสกุลเหยียนได้ออกมาจากบ้านกันก่อนหน้านี้ ก็เกรงว่าคงจะได้มีการสูญเสียจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในตระกูลเหยียนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแน่
“อุ่ฟ!”
“อุ่ฟ!”
ผู้อาวุโสทั้งสองก็ได้เหวี่ยงหมัดของพวกเขาไปที่ เว่ยเหยียนแล้วก็ได้มีสายธารดาราร่วงหล่นมาอีกหน แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าใกล้เว่ยเหยียนนั้นพวกเขาก็ถูกหมัดของเว่ยเหยียนเสียก่อนและกระเด็นออกไปอีกหน และได้รับบาดเจ็บหนักกว่าหนที่แล้วเสียอีก
แต่ตัวเว่ยเหยียนกลับยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะซีด แต่ไฟต่อสู้ในดวงตาของเขานั้นกลับลุกโชติช่วงยิ่งขึ้นไปอีก
ในเวลานี้ก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งสองจะเปิดฉากโจมตี เว่ยเหยียนนั้นก็ได้บุกเข้าไปโจมตีพวกเขาก่อน
“คราวนี้เป็นทีของข้าบ้างล่ะ!”
ความเร็วของเขานั้นรวดเร็วดั่งสายฟ้า และภายในชั่วพริบตา เขาก็ได้มาปรากฏตัวตรงหน้าของผู้อาวุโสทั้งสอง
หลังจากที่รู้สึกได้ถึงหายนะถึงชีวิตแล้ว ผู้อาวุโสถงอวิ๋นกับฮว๋าเฟิงก็ได้ถอยทันที และพยายามที่จะรักษาระยะห่างจากเว่ยเหยียน
แต่ทว่าพวกเขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าเหยื่อกำลังจะหนี เว่ยเหยียนก็ได้ยื่นมือออกไปแล้วความเสื้อของทั้งคู่พร้อมกัน แล้วจากนั้นก็ได้อาศัยโอกาสนั้นดึงผู้อาวุโสทั้งสองเข้าหาตัวเขาพร้อมกัน
“ไปลงนรกเสียเถอะ!”
ก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งสองจะได้ทันป้องกันตัว เว่ยเหยียนก็ได้โจมตีใส่ทั้งคู่ที่หน้าอกด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วซัดฝ่ามือใส่พวกเขาอีกทีจนกระทั่งกระอักเลือด แล้วร่างของทั้งคู่ก็ได้กระเด็นลงไปกองที่พื้นราวกับว่าที่สายป่านขาด
ตุบ!
ตุบ!
เกิดเป็นเสียงทึบดังขึ้นมา 2 ครั้งจากตรงกลางการต่อสู้ในแทบจะพร้อมกัน แล้วคนในตระกูลเหยียนที่มองดูผู้อาวุโสทั้งสองถูกเว่ยเหยียนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสนั้นก็ได้กระวนกระวายอย่างสุดๆในใจของพวกเขา
“ท่านผู้อาวุโส!”
เมื่อเหยียนเสียอวิ๋นเห็นเช่นนี้เขาก็ได้รีบตะโกนออกมา และปรากฏซึ่งความกังวลในดวงตาของเขาอย่างไม่ปิดบัง
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ไปช่วยทั้งสองคน ยอดฝีมือของสำนักแก้วหลากสีทั้ง 9 คนก็ได้โผล่เข้ามาขวางและโจมตีใส่พวกเหยียนเสียอวิ๋นทันที
เมื่อเห็นว่าเว่ยเหยียนกำลังได้เปรียบ ยอดฝีมือทั้ง 9 ของสำนักแก้วหลากสีต่างก็รู้สึกยินดีและกำลังใจของพวกเขาก็ได้เพิ่มมากขึ้น ภายใต้การโจมตีอย่างสุดกำลังนี้ แม้ว่าพวก เหยียนเสียอวิ๋นนั้นจะจะเป็นกังวลอย่างสุดๆ แต่พวกเขาก็ไม่อาจที่จะช่วยผู้อาวุโสทั้งสองไปพร้อมกับการสู้กับศัตรูไปพร้อมกันได้
“ยอมแพ้เสีย! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า!”
มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองที่กำลังนอนอยู่ที่พื้นตรงหน้าเขาแล้ว ใบหน้าของเว่ยเหยียนก็ได้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ราวกับตัวเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าทั้งคู่นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะได้รับบาดเจ็บจากการปะทะเมื่อสักครู่ แต่เมื่อเทียบกันกับอาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว สภาพของเว่ยเหยียนในปัจจุบันนั้นเรียกได้ว่าดีกว่าทั้งคู่มาก ดังนั้นเขาจึงได้มองไปที่ทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่มั่นใจว่าชนะแล้ว ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่เห็นทั้งคู่อยู่ในสายตาของเขาแล้ว
“ยอมแพ้? แล้วให้เป็นทาสของเจ้ากับสำนักแก้วหลากสีงั้นเหรอ?”
“ลูกผู้ชายตระกูลเหยียนล้วนแต่ยอมหักไม่ยอมงอ พวกเขาเลือกที่จะยอมตายดีกว่าจะก้มหัวให้กับเจ้า!”
ผู้อาวุโสทั้งสองก็ได้มองอีกฝ่ายด้วยความแน่วแน่บนใบหน้าของพวกเขา หลังจากที่ตอบเว่ยเหยียนแล้วพวกเขาก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมกันและบุกเข้าโจมตีใส่เว่ยเหยียนอีกหน
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว ข้าก็จะสงเคราะห์พวกเจ้าเอง!”
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่นั้นยังดื้อด้าน เว่ยเหยียนก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ แล้วพอทั้งคู่บุกเข้าหาเขานั้น ก็ได้ใช้กำลังเต็มที่เพื่อเตรียมตัวโจมตีใส่อีกหน
“ดาวเหนือโปรย!”
แต่ทว่าผู้อาวุโสทั้งสองนั้นไม่ได้โจมตีใส่ในทันที หลังจากที่พุ่งเข้าไปตรงหน้าของเว่ยเหยียนแล้ว ก็ได้กำหมัดแน่นแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นการผสมผสานกระบวนท่าดาวเหนือโปรย
ตูม!
ทั้งสองคนก็ได้หมุนอย่างรวดเร็วสุดๆ และก่อนให้เกิดพายุหมุนขึ้นตรงหน้าของเว่ยเหยียน ราวกับมีพายุกำลังโถมเข้าใส่เว่ยเหยียน
ไม่เพียงแค่นั้นแต่ท้องฟ้าที่เพิ่งได้ความแจ่มใสกลับคืนมานั้นก็ได้พลันมืดครึ้มอีกหน สายธารดวงดาวที่เดิมทีแบ่งออกเป็นสองนั้น ก็ได้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งแล้วจากนั้นก็ได้เริ่มหมุนเป็นพายุที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า
แสงจากดวงดาวนั้นสว่างไสว และดาวดวงน้อยที่อยู่ในสายธารดวงดาวก็ได้มารวมกัน เพียงแค่มองผ่านๆก็ได้ทำให้คนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ไม่สิ้นสุด ไม่เพียงแค่นั้นแต่ในขณะที่สายธารดวงดาวยังคงหมุนอยู่ ก็ได้กระแทกใส่เว่ยเหยียนอีกหนราวกับคิดที่จะทำลายเขาให้หายไปจากโลกนี้พร้อมกันด้วยพลังที่สั่นระรัวดั่งใจเต้นนี้
เว่ยเหยียนที่อยู่ที่พื้นนั้นก็ได้ถูกบังคับให้ต้องถอยหลบพายุนี้ แล้วตัวเขาก็ได้มีน่าหวาดกลัวขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
แล้วเขาก็ได้ใช้พลังอย่างสุดกำลังต่อยเข้าไปที่พายุที่ผู้อาวุโสทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเขาสร้างขึ้นมา เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ถูกพายุหมุนนี้ผลักจนเข้าสู่ทางตันทีละก้าวๆ
ตูม!
หลังจากที่พายุนี้ถูกเว่ยเหยียนต่อยจนต้องกระเด็นกลับไปแล้ว มันก็ได้พุ่งกลับมาหาเขาอีกหนหลังจากที่ชะงักไปเพียงแปปเดียว ราวกับว่าพายุนี้จะไม่ยอมหยุดง่ายๆจนกว่า เว่ยเหยียนจะถูกทำลาย
สายธารดวงดาวนี้ก็ได้เข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆราวกับว่าจะขยี้เว่ยเหยียนให้กลายเป็นชิ้นๆ และพลังทำลายที่น่ากลัวนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เว่ยเหยียนต้องมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว แม้แต่พวกเหยียนเสียอวิ๋นที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ไม่ไกลออกไปนั้น ก็ได้พลันหยุดมือของพวกเขาพร้อมกันและถอยออกมาเพื่อทิ้งระยะห่าง
“หึ! พวกเจ้าคิดจริงๆเหรอว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้น่ะ! นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกร้องเองนะ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วดวงตาของเว่ยเหยียนก็ได้ปรากฏแสงออกมา และหลังจากที่ทำเสียงพ่นลมออกจากจมูกใส่ผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว เขาก็ได้กำหมัดแน่นอีกหนแล้วต่อยใส่พายุอย่างสุดกำลัง
ตูม!
ก็ได้มีแสงสีฟ้าออกมาจากแขนเสื้อของเขา แล้วพุ่งขึ้นฟ้าราวกับฟ้าผ่า แล้วปะทะเข้าสายธารดวงดาวที่ตกลงมา
ตูมๆๆๆๆ!
หลังจากที่แสงที่ฟ้าที่ดูไม่โดดเด่นนี้ปะทะเข้ากับสายธารดวงดาวที่อยู่ข้างบนแล้ว ก็ได้ทำให้สายธารดวงดาวนั้นเกิดถล่มทลาย ดวงดาวก็ได้ระเบิดออกและแสงจากดวงดาวก็ได้ค่อยๆหายไป แล้วสายธารดวงดาวหมุนวนนั้นก็ได้หายไปจนหมดสิ้นก่อนที่จะตกลงมาถึงพื้น
ไม่เพียงแค่นั้นแต่พายุหมุนที่เกิดจากผู้อาวุโสทั้งสองนั้นก็เหมือนกับขาดพลังไปหลังจากที่สายธารดวงดาวล่มสลาย แล้วก็ได้หายไปในทันทีเช่นกัน แล้วผู้อาวุโสทั้งสองก็ได้ตกลงมาจากกลางอากาศอย่างหมดสภาพ และกระอักเลือดออกมาอีกหน แล้วสีหน้าของพวกเขานั้นก็อ่อนระโหยโรยแรงอย่างสุดๆด้วย
เห็นได้ชัดว่าการรวมกระบวนท่าผสมผสานของทั้งสองคนนี้ถูกทำลายลงแล้ว ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองนั้นถูกพลังสะท้อนกลับเข้าตัว ในเวลานี้ทั้งสองจึงอยู่ในสภาพใกล้ตายและไม่สามารถที่จะเป็นเสี้ยนหนามของเว่ยเหยียนได้อีก