ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 445 ตระกูลเซียว
บทที่ 445
ตระกูลเซียว
“เซียวอวี่ ไม่ต้องมาทำเป็นแม่สื่อแม่ชักเลยนะ ในตอนนี้ข้าน่ะไม่สนเรื่องของความรักเด็กๆแบบนี้หรอก และข้าก็ทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดของข้าให้กับการฝึกวิชาและดูแลเมืองหลงเจียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าจะให้คนปฏิเสธงานเลี้ยงนี้ไป!”
จงเจิ้งหมิงนั้นยังไม่ได้เตรียมอกเตรียมใจเลย หลังจากที่ซ่างกวานอวี่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่านางต้องการที่จะมายุ่งเรื่องนี้แล้ว จงเจิ้งหมิงก็ได้รีบแสดงออกถึงท่าทีของตัวเอง และไม่ต้องการให้ซ่างกวานอวี่มาทำให้เรื่องนี้มันยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้
แต่ซ่างกวานอวี่ก็ได้ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ จริงๆแล้วหลังจากที่เซียวอวี่อิ๋งได้ส่งจดหมายเชิญมาให้จงเจิ้งหมิงในวันนี้ นางก็ได้บอกให้คนแอบสืบเรื่องของสกุลเซียวมาบ้างแล้ว ในเวลานี้เมื่อเห็นว่าจงเจิ้งหมิงนั้นคิดปฏิเสธที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้แล้ว ซ่างกวานอวี่ก็ได้รีบบอกกับจงเจิ้งหมิงอย่างปลุกใจ “พี่จงเจิ้งหมิงท่านลองคิดดูให้ดีๆนะ! สามพี่น้องบ้านสกุลเซียวนั้นเป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งเมืองหลงเจียงเลยว่า นอกจากเซียวอวี่อิ๋งแล้วพี่น้องของนางอีกสองคนนั้นก็เป็นสาวงามอย่างหาตัวจับได้ยาก ถ้าหากว่าท่านไม่ไปร่วมงานเลี้ยงนี้แล้ว แล้วพวกนางถูกชายอื่นเอาไปเสียก่อนมันก็จะสายไปแล้วก็ได้นะ!”
ซ่างกวานอวี่ก็ได้มุ่งมั่นที่จะช่วยให้จงเจิ้งหมิงนั้นสละความโสดเสียที และหวังให้เรื่องนี้จะช่วยกระตุ้นเย่เย่ได้บ้าง เพื่อที่ว่าจะได้มีเรื่องดีๆเกิดกับตัวเองและเย่เย่
แต่นางก็ไม่คิดว่าหลังจากที่นางพูดเรื่องที่ว่าเซียวอวี่อิ๋งนั้นมีพี่น้องอีก 2 คนแล้ว จงเจิ้งหมิงนั้นจะปฏิเสธเสียงแข็งหนักกว่าเดิม
“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ข้าไม่ชอบที่จะถูกรุมล้อมโดยพวกผู้หญิงตั้งแต่เด็กแล้ว เซียวอวี่เจ้าอย่าได้มายุ่งกับเรื่องของข้าอีก รีบให้คนไปปฏิเสธงานเลี้ยงพรุ่งนี้เสีย ข้าจะเก็บตัวฝึกวิชาแล้ว!”
จงเจิ้งหมิงนั้นไม่รู้ว่าเซียวอวี่อิ๋งนั้นมีพี่น้องอีกสองคนมาก่อน แต่ตอนนี้หลังจากที่รู้เรื่องนี้จากปากของซ่างกวานอวี่แล้ว ก็ได้มีความกลัวปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา แล้วเขาก็ได้กล่าวปฏิเสธซ่างกวานอวี่ออกไปอีกหน
เพราะจงเจิ้งหมิงนั้นเป็นถึงนายน้อยของเมืองโบราณเสียหยาง และผู้หญิงในเมืองเสียงหยางนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นพวกใจกล้าเสียด้วย ดังนั้นจงเจิ้งหมิงจึงได้ตกเป็นเป้าหมายของคุณหนูตระกูลใหญ่ๆมากมายในเมืองเสียหยางตั้งแต่เขายังเด็กจนทำให้กลายเป็นแผลใจของเขา จนทุกวันนี้เขาก็ได้มีอาการต่อต้านขึ้นมาเมื่อถูกรุมล้อมโดยเหล่าผู้หญิง แม้ว่าผู้หญิงใน เมืองหลงเจียงนั้นจะรักนวลสงวนตัวมากกว่าเมืองเสียหยางก็เถอะ
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วซ่างกวานอวี่ก็ได้คิ้วขมวดแน่นขึ้นมา
นางคาดไม่ถึงว่าจงเจิ้งหมิงที่มักจะสุขุมและอ่อนโยนอยู่เสมอนั้น จะมีด้านที่อ่อนแอเช่นนี้อยู่ด้วย แต่ทว่านางนั้นก็กระตือรือร้นอย่างมากที่จะให้จงเจิ้งหมิงสละโสด นางจึงยังไม่ติดที่จะยอมแพ้หลังจากที่ได้ยินที่จงเจิ้งหมิงกล่าว
หลังจากนั้นสักพักซ่างกวานอวี่ก็ได้ตบหน้าผากของตัวเอง แล้วกล่าวกับจงเจิ้งหมิงด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม “ข้ามีความคิดแล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็พาเหยียนเสี่ยวเฟยกับ จางเทียนอวี้ไปร่วมงานพรุ่งนี้ด้วยเป็นไง? มีทั้งสองคนไปประกบข้างด้วยเช่นนี้ พี่จงเจิ้งหมิงก็จะโดดเด่นมากขึ้นและโอกาสที่จะคว้าสาวงามก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วยไง”
เมื่อเห็นจงเจิ้งหมิงพยายามที่หาเหตุผลที่จะมาปฏิเสธอยู่นั้น ซ่างกวานอวี่ก็ได้รีบพูดกับเขา “ห้ามปฏิเสธ! ข้าอุตส่าห์คิดให้ท่านมากขนาดนี้แล้ว ท่านจะต้องไปกับพวกเรา!”
นางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และมีความไม่พอใจอยู่ในสีหน้าของนาง แต่ถ้าหากเหยียนเสี่ยวเฟยกับจางเทียนอวี่ได้ยินที่ซ่างกวานอวี่พูดแล้ว ทั้งคู่ก็คงรู้สึกไม่พอใจยิ่งกว่าแน่ ทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆนอนอยู่เฉยๆก็โดนยิงได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังถูกซ่างกวานอวี่ใช้เป็นแรงงานฟรีอีก แม้จะเจ็บปวดแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
ในตอนที่จงเจิ้งหมิงเห็นสีหน้าของซ่างกวานอวี่แล้ว ก็ได้มีความช่วยไม่ได้ในดวงตาของเขา เขาทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเงียบๆและรู้สึกปวดหัวกับงานเลี้ยงในคืนวันพรุ่งนี้
คืนวันต่อมาที่บ้านสกุลเซียวในเมืองหลงเจียง กลุ่มของเหยียนเสี่ยวเฟยกับจงเจิ้งหมิงก็ได้มาที่บ้านสกุลเซียวตามคำขอร้องอย่างแข็งขันของซ่างกวานอวี่ พวกเขาค่อยๆเดินมายังห้องจัดเลี้ยงภายใต้การนำของข้ารับใช้ของตระกูลเซียว ซึ่งพวกเขาก็ได้ยินคำพูดบ่นไม่อยากของเหยียนเสี่ยวเฟยมาตลอดทาง
“มันก็ชัดอยู่แล้วว่าจงเจิ้งหมิงเป็นคนที่ถูกเชิญ แล้วพวกเรามาทำอะไรที่นี่? คิดจะใช้พวกเราเป็นเหมือนโคมไฟรึยังไง? หรือให้เป็นตัวแทนพ่อของจงเจิ้งหมิงมาเยี่ยมพ่อแม่ของอีกฝ่ายรึยังไง? เฮ้อ ข้าไม่ได้อยู่เฉยๆเหมือนอย่างที่พวกเจ้าคิดนะ! เอาเป็นว่าหลังจากที่พบปะซึ่งๆหน้ากับตระกูลเซียวแล้ว พวกเจ้าก็จัดการกับที่เหลือเองก็แล้วกัน!”
ใบหน้าของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็เต็มไปด้วยความหดหู่และไม่พอใจ และเขาก็เริ่มรู้สึกคิดผิดที่ยอมตกลงมาตามคำขอของซ่างกวานอวี่ให้มาที่บ้านสกุลเซียว
จริงๆแล้วถ้าหากไม่ใช่เพราะซ่างกวานอวี่เป็นลูกสาวของผู้นำสมาพันธ์โม่ไห่แล้ว หากว่าเขาปฏิเสธไปก็จะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าร่วมกับเมืองหลงเจียงของเขาในภายหลังได้ ไม่อย่างนั้นเหยียนเสี่ยวเฟยก็คงจะหันหลังกลับไปแล้ว ไม่อยากที่จะมาทนเห็นจงเจิ้งหมิงกับเสี่ยวอวี่อิ๋งจู๋จี๋กัน
ส่วนจางเทียนอวี้ที่ถูกซ่างกวานอวี่ลากมานั้น ในเวลานี้เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ และมีดวงตาที่เหมือนมองทะลุถึงสัจธรรม ราวกับว่าตัวเขานั้นได้เลิกคิดที่จะต่อต้านไปนานแล้ว
เพราะว่าเขานั้นได้รับบทเรียนมาจากเหยียนเสี่ยวเฟยเมื่อวานนี้ ทำให้ใบหน้าของจางเทียนอวี้นั้นยังคงฟกช้ำดำเขียวอยู่ แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเสียโฉมเลย
จริงๆแล้วถ้าหากไม่ใช่เพราะเขายอมให้หนังสือโป๊ของเขาเพื่อระงับความโกรธของเหยียนเสี่ยวเฟยได้ทันการแล้ว ผลที่ตามมาก็คงจะแย่กว่าตอนนี้แล้ว ดังนั้นจางเทียนอวี้จึงได้ยอมแพ้ในเรื่องนี้และโทษตัวเองที่รนหาที่เอง ตัวเขานั้นต้องการที่จะอาศัยโอกาสนี้สร้างความสนิทสนมกับเหยียนเสี่ยวเฟย แต่เขาก็ไม่นึกว่าจะไปทำร้ายความมั่นใจในตัวเองของอีกฝ่ายขนาดนี้
แต่ทว่าในตอนที่จางเทียนอวี่ได้คิดที่จะใช้ข้ออ้างว่าต้องการรักษาอาการบาดเจ็บบนใบหน้าแล้ว ซ่างกวานอวี่ก็ได้มาถึงที่หน้าประตูและบังคับให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงบ้านสกุลเซียวกับจงเจิ้งหมิง ถึงแม้ว่าจางเทียนอวี้นั้นจะได้ปฏิเสธไปอย่างชัดเจนแล้ว และบอกกับซ่างกวานอวี่ว่าสภาพของเขาในเวลานี้อาจจะทำลายภาพลักษณ์ของทางจวนเจ้าเมืองได้ แต่ภายใต้ความต้องการแกมบังคับของซ่างกวานอวี่แล้ว เขาก็ทำได้แค่เพียงยอมรับและยอมตามพวกเขาไปบ้านสกุลเซียวแต่โดยดี
อย่างไรเสีย แม้แต่เหยียนเสี่ยวเฟยเองก็ยังไว้หน้า ซ่างกวานอวี่เลย นับประสาอะไรกับเขาที่เป็นราชันย์เทพหน้าใหม่ ยอมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำขอของซ่างกวานอวี่ยิ่งกว่า แล้วยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ซ่างกวานอวี่เป็นถึงลูกสาวของผู้นำสมาพันธ์เลย หากนึกถึงความสัมพันธ์ของนางกับเย่เย่แล้ว จางเทียนอวี้ก็ยิ่งไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของซ่างกวานอวี่อย่างเปิดเผยยิ่งขึ้นไปอีก
จริงๆซ่างกวานอวี่เองก็ตกใจตอนที่นางเห็นใบหน้าของจางเทียนอวี้ตอนแรก แต่จุดประสงค์ของนางที่มาตาม จางเทียนอวี้ไปด้วยก็เพื่อให้เขาทำให้จงเจิ้งหมิงโดดเด่นอยู่แล้ว ก็เรียกได้ว่าตรงตามกับที่นางต้องการพอดี ดังนั้นซ่างกวานอวี่ถึงได้ไม่สนใจในข้อโต้แย้งของจางเทียนอวี้แล้วบังคับให้เขาไปที่บ้านสกุลเซียว และเตรียมทำให้จงเจิ้งหมิงนั้นเฉิดฉายในงานเลี้ยงนี้
“นี่ยังไม่ถึงอีกเหรอ? เวลาของข้าเป็นเงินเป็นทองนะ ถ้าไม่ว่าอะไรช่วยไปแจ้งให้ตระกูลเซียวทราบหน่อยได้ไหมว่า บอกว่าข้าขอแสดงความยินดีกับความรักของพวกเจ้าด้วย ส่วนข้าขอตัวกลับไปก่อนและจะรอคอยฟังข่าวดีอยู่ที่จวนเจ้าเมือง”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เมินสภาพเหมือนลูกเมียน้อยของจางเทียนอวี้ และบ่นพึมพำต่อระหว่างที่เดินไป ราวกับมีคำว่าหมดความอดทนติดอยู่บนใบหน้าของเขา
ในขณะที่ซ่างกวานอวี่กำลังจะเกลี้ยกล่อมเขานั้นเอง ก็ได้มาถึงห้องจัดงานเลี้ยงของบ้านสกุลเซียวพอดี เซียวเชียนผู้นำตระกูลเซียว และลูกสาวของเขาอีก 3 คนก็ได้รีบออกจากแถวมาที่หน้าประตูห้องและคารวะพวกเขาอย่างเอาจริงเอาจัง
“ต้องขออภัยในความไม่สะดวกเพราะขากับเท้าของข้า ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่จำต้องต้อนรับพวกท่านที่นี่! ส่วนนี่คือลูกสาวของข้าทั้งสามคน เซียวหว่านเอ๋อ, เซียวอวี่อิ๋งและเซียวซวี่!”
เพราะผู้นำตระกูลเซียว เซียวเชียนนั้นมีอาการป่วยเรื้อรังที่ขาของเขา ทำให้เขาไม่สามารถไปต้อนรับพวกเหยียนเสี่ยวเฟยด้วยตัวเองที่หน้าประตูได้ แล้วลูกสาวของเขาทั้งสามคนก็ล้วนแต่ยังไม่ได้ออกเรือน ยิ่งไม่เหมาะสมที่จะออกไปโชว์ตัวอีก ทุกคนจึงได้ต้อนรับพวกเขาที่ห้องจัดงานนี้
“ผู้นำตระกูลเซียวคิดมากไปแล้ว! การมาเยือนครั้งนี้ถือว่ามารบกวนเสียด้วยซ้ำ จะกล้ารบกวนให้ท่านมาต้อนรับด้วยตัวเองได้อย่างไร? นี่คือขนมที่ขายเฉพาะที่เมืองโม่ไห่ที่ได้ใครคนที่ไว้ใจได้ไปซื้อมา ขอให้ท่านผู้นำตระกูลเซียวได้โปรดรับเอาไว้ด้วย!”
ทันทีที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้พบกับ 3 สาวตระกูลเซียวเป็นครั้งแรก เขาก็ได้ยืมดอกไม้ถวายวัดฉกเอากล่องของขวัญที่ใส่ขนมมาจากในมือของซ่างกวานอวี่ด้วยความเร็วสูง แล้วนำมามอบให้กับเซียวเชียน
ท่าทีของเขานั้นดูจริงใจ และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ต่างไปจากเหยียนเสี่ยวเฟยที่เพิ่งบ่นพึมพำเมื่อสักครู่ราวกับคนละคน!
“เร็ว!”
ไม่ว่าจะเป็นจงเจิ้งหมิง, ซ่างกวานอวี่หรือจางเทียนอวี้ พวกเขาต่างก็ตกใจกับความเร็วของเหยียนเสี่ยวเฟยเมื่อสักครู่ พวกเขานั้นต่างก็ถอนหายใจกับความทรงพลังของ เหยียนเสี่ยวเฟยและในขณะเดียวกันก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหน้าด้านของเขาเสียใหม่
คนที่ยังเพิ่งบ่นพึมพำเมื่อสักครู่ แต่พาได้พบกับบุตรีของตระกูลเซียวอีก 2 คนแล้ว ก็ได้เปลี่ยนท่าทีในทันที ความเร็วในการปรับตัวนี้ทำให้พวกจงเจิ้งหมิงทั้ง 3 คนต้องตกตะลึง
โดยเฉพาะจางเทียนอวี้ที่คิดว่าตัวเขาเพิ่งเห็น เหยียนเสี่ยวเฟยกำลังหดหู่อย่างสุดๆนั้น แต่ในตอนนี้ท่าทีของ เหยียนเสี่ยวเฟยที่ดูสดชื่นอย่างสุดๆนี้ทำให้เขาต้องทำความเข้าใจกับเหยียนเสี่ยวเฟยเสียใหม่ และอดไม่ได้ที่จะบ่นกับ เหยียนเสี่ยวเฟย “ไม่ใช่ว่าเมื่อสักครู่ท่านรีบอยู่เหรอ?”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ? ถึงงานของทางจวนเจ้าเมืองนั้นจะรีบเร่งแต่มารยาทขั้นต่ำก็จำเป็นนะ จางเทียนอวี้เจ้าก็รู้ว่านี่เป็นงานทางการ ถ้าหากทำอะไรลวกแล้วๆ ก็อาจจะทำให้ทางจวนเจ้าเมืองของเราขายหน้าได้ เจ้ากลับไปก่อนก็ได้ ข้าต้องการเจ้าที่นี่แล้ว!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้รีบพูดแย้งขึ้นมา และดุจางเทียนอวี้ด้วยสีหน้าที่จริงจัง และบอกให้เขากลับไปที่จวนเจ้าเมืองก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาแข่งขันกับเขาในงานเลี้ยงนี้
ในตอนที่จางเทียนอวี้ได้ยินที่เหยียนเสี่ยวเฟยกล่าว เขาก็ได้รีบหันหลังและเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา
ตัวเขานั้นไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้แต่แรกแล้ว คำสั่งของเหยียนเสี่ยวเฟยจึงโดนใจเขาพอดี เขาจึงได้เดินออกไปโดยไม่มีท่าทีเสียใจเลยแม้แต่น้อย
“ไปก็ดีนะ รู้ไหมข้าน่ะเกือบจะตกใจตอนที่ได้เห็นเขาในตอนแรก!”
“ใช่ๆ แต่เทียบกันแล้ว ข้าว่าเขาก็ดูดีกว่าตัวเขาตอนปกติอีกนะ!”
“นี่เงียบๆหน่อยสิ เดี๋ยวพวกแขกก็ได้ยินเข้าหรอก!”
ในขณะที่จางเทียนอวี้กำลังจะออกไปนั้นเอง เสียงของทั้ง 3 สาวบ้านสกุลเซียวที่ซุบซิบกันอยู่ไม่ไกลก็ได้มาเข้าหูของพวก เหยียนเสี่ยวเฟยก่อน
ถึงแม้ว่าพวกนางนั้นจะพูดกันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็ตาม แต่พวกเหยียนเสี่ยวเฟยกับจงเจิ้งหมิงนั้นต่างก็เป็นถึงยอดฝีมือราชันย์เทพ การซุบซิบของพวกนางย่อมไม่ใช่ความลับต่อหน้าพวกเหยียนเสี่ยวเฟยอยู่แล้ว
“เจ้ากลับมาก่อน! อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นแขก ในเมื่อพวกเรามาถึงแล้วก็ทานอาหารก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้! ครั้งนี้ข้ายกโทษให้เจ้า แล้วคราวหน้าก็จะเอาไว้ด้วยล่ะ!”
โดยไม่ลังเลเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้รีบรั้งจางเทียนอวี้เอาไว้หลังจากที่คิดแล้วว่าให้จางเทียนอวี้อยู่ต่อก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเขามากกว่า และแกล้งทำเป็นยกโทษให้กับความผิดพลาดของจางเทียนอวี้ในครั้งนี้
จงเจิ้งหมิงกับซ่างกวานอวี่ก็ได้หันไปมอง เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าที่ตกใจ ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้จักกับเหยียนเสี่ยวเฟย ดวงตาของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ
ส่วนจางเทียนอวี้ที่กำลังจากออกไปนั้น ก็จำแต่ต้องกลับมาอย่างเงียบและกลับมารวมกลุ่มหลังจากที่ถูก เหยียนเสี่ยวเฟยรั้งเอาไว้ เพียงแต่หลังจากที่เขาได้รับความเสียหายซ้ำซ้อนจาก 3 พี่น้องตระกูลเซียวและเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว ก็ราวกับมีน้ำตาไฟออกมาจากตาของเขา หลังจากที่กลับมารวมแล้วตัวเขาก็ได้เงียบหนักกว่าเดิม ราวกับว่าตัวเขากำลังจมลงสู่ความเงียบ