ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 442 สบโอกาส
บทที่ 442
สบโอกาส
“ใช้แต่พลังจะมีประโยชน์อะไร? ใช้หัวของเจ้าด้วย!”
ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงก็ได้กล่าวอย่างดูถูก จากนั้นก็ได้ถอยหลบออกมาแล้วเดินกลับไปข้างหน้าแล้วซัดใส่เหยียนเจิ้นตงด้วยฝ่ามืออีกหน
ตูม!
เดิมทีความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นก็เหนือกว่าเหยียนเจิ้นตงมากนัก และด้วยการใช้พลังปราณเข้าช่วย ทำให้พลังของฝ่ามือนี้มากเกินกว่าที่เหยียนเจิ้นตงจะต้านรับได้
ในขณะเดียวกันกับที่ถูกผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงซัดฝ่ามือใส่นั้น เหยียนเจิ้นตงก็ได้ถอยกลับไปเป็นเส้นตรง เท้าของเขาลากพื้นไปจนเป็นรอยยาวอยู่ที่พื้น แล้วตัวเขาก็ได้ไปกระแทกกับกำแพงภูเขาและจมอยู่ในกองหินในสภาพอเนจอนาถอีกหน
เพื่อที่เหยียนเจิ้นตงจะสามารถบรรลุขีดจำกัดของตัวเองและคว้าโอกาสที่จะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพโดยอาศัยความเป็นความตายนั้น ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นก็หาได้มีความปรานีแม้แต่น้อยไม่
“ขออีกครั้ง!”
เหยียนเจิ้นตงที่ลุกขึ้นยืนจากกองหินนั้น เมื่อเห็นท่าทีของผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงแล้ว เขาก็ได้ตะโกนออกมาด้วยความยินดีและแทนที่จะถอยหนี ก็ได้พุ่งไปข้างหน้าเพื่อปะทะกับผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงอีกหน ราวกับต้องการที่จะบีบคั้นตัวเองจนถึงขีดสุด
ในเวลานี้ตระกูลเหยียนของเขาแม้เหมือนจะดูสงบดี แต่อิทธิพลจากการหายไปของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้เริ่มเห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ถึงแม้ว่าเหล่าคนทั่วๆไปของตระกูลเหยียนนั้นจะไม่ได้ล่วงรู้ถึงข่าวนี้ แต่พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเช่นกัน
เพื่อที่จะฟื้นฟูกำลังใจของตระกูลเหยียนกลับมาและเพื่อปกป้องความสงบสุขของตระกูลเหยียนภายใต้สถานการณ์ที่อลหม่านของดินแดนเทียนหนานนี้ ผู้อาวุโสถงอวิ๋นและฮว๋าเฟิงนั้นก็ได้ทุ่มพลังของพวกเขาในการฝึกฝนจักรพรรดิเทพคนใหม่ขึ้นมา
และในบรรดาลูกหลานตระกูลเหยียนในปัจจุบัน นอกจากเหยียนลี่หยางที่จากไปพร้อมกับเย่เย่แล้ว ก็มีเพียง เหยียนเจิ้นตงที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดจะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้เหยียนเจิ้นตงเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลตามเดิม แต่ได้บีบคั้นเหยียนเจิ้นตงให้ถึงขีดจำกัดอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้เขาคว้าโอกาสที่จะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพในระหว่างความเป็นความตายนี้ และเพิ่มยอดฝีมือจักรพรรดิเทพขึ้นมาในตระกูลเหยียนอีกคน
ส่วนผู้นำตระกูลเหยียนคนปัจจุบันนั้น ก็ให้ เหยียนเสียอวิ๋นที่เหยียนเจิ้นตงเป็นคนแนะนำให้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแทนเขา แล้วทั่วทั้งตระกูลเหยียนก็ได้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยภายใต้การจัดการของเหยียนเสียอวิ๋น แม้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เหยียนเสียอวิ๋นก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาจนส่งผลกระทบกับเหยียนเจิ้นตงที่กำลังพยายามบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพ
ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนที่หม่าเจายิ่งใหญ่อยู่ในเมืองหลงเจียงและเย่เย่จะเป็นหรือตายนั้นก็ไม่อาจทราบได้นั้น เหล่าคนในระดับสูงของตระกูลนั้นก็ได้เริ่มสงสัยขึ้นมา พวกเขานั้นสงสัยในตัวตนของอาจารย์ที่เย่เย่บอกมา ซึ่งหลังจากเรื่องนี้แล้วเหยียนเสียอวิ๋นกับพรรคพวกต่างก็สงสัยเย่เย่มากขึ้นไปอีก
อย่างไรเสียอาจารย์ที่เย่เย่บอกนั้นก็ทรงพลังขนาดที่สามารถจับผู้อาวุโสเป่ยซานอย่างเป็นๆได้ ดังนั้นก็น่าที่จะสามารถจัดการหม่าเจาได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่เย่เย่เกิดเรื่องแล้ว คนที่เย่เย่เรียกว่าอาจารย์นั้นกลับไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเลย ทำให้เหยียนเสียอวิ๋นกับพรรคพวกนั้นอดสงสัยไม่ได้ว่าที่เย่เย่บอกกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ยังดีที่ไม่นานนักหลังจากที่เย่เย่กลับมาที่เมืองหลงเจียงในฐานะจักรพรรดิเทพและสังหารหม่าเจาผู้ที่เป็นจักรพรรดิเทพเหมือนกันอย่างซึ่งๆหน้านั้น ความแข็งแกร่งและศักยภาพของ เย่เย่นั้นก็ได้ทำให้ทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานต้องตกตะลึงอีกครั้ง พวกเหยียนเสียอวิ๋นนั้นก็ได้ล้มเลิกความคิดสงสัยเย่เย่ และได้รีบส่งผู้ส่งสารไปที่เมืองหลงเจียงเพื่อแสดงความยินดีพร้อมด้วยยาวิเศษและสมุนไพรจำนวนมากทันที
เดิมทีตามการจัดการของเหยียนเสียอวิ๋นนั้น ในตอนที่ผู้ส่งสารของตระกูลเหยียนได้มอบของขวัญให้กับเย่เย่นั้น ก็ช่วยเตือนเย่เย่ให้ช่วยบอกอาจารย์ของเขาให้รีบปล่อยตัว ผู้อาวุโสเป่ยซานได้แล้ว แต่ทว่าเหยียนเสียอวิ๋นนั้นไม่คาดคิดว่า เย่เย่นั้นจะยังหมดสติอยู่หลังจากที่ผู้ส่งสารได้ไปถึงเมืองหลงเจียงแล้ว
ผู้ส่งสารตระกูลเหยียนนั้นก็ได้รออยู่หลายวัน เมื่อไม่รู้ว่าเย่เย่นั้นจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร เขาก็ได้มอบของขวัญให้แล้วเดินทางกลับเขาเหยียนเป่ย โดยที่ล้มเหลวที่จะแสดงเจตนารมณ์ของตระกูลเหยียนในนามของเหยียนเสียอวิ๋นเลย
เหยียนเสียอวิ๋นก็ได้รู้สึกเสียดายนักหลังจากที่ได้ทราบเรื่องนี้ แต่ในเวลานี้สมาพันธ์โม่ไห่นั้นก็ได้เติบโตอย่างมาจนชนิดที่ว่าตระกูลเหยียนนั้นไม่อาจที่จะดูแคลน หรือเท่าเทียมได้อีกต่อไป
ดังนั้นหลังจากที่ผู้ส่งสารของตระกูลเหยียนกลับมา เหยียนเสียอวิ๋นก็ได้ตัดสินใจที่จะไปหาเย่เย่ที่เมืองโม่ไห่ด้วยตัวเอง เขานั้นไม่เชื่อว่าการให้เกียรติถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่สามารถทำให้เย่เย่รู้สึกตื้นตันในความจริงใจของตระกูลเหยียนได้ หรือต่อให้เย่เย่ไม่รู้สึกอะไร ซ่างกวานจ้งและพรรคพวกในสมาพันธ์โม่ไห่นั้นก็ย่อมที่จะพูดดีๆให้ตระกูลเหยียนต่อหน้าเย่เย่บ้าง และเมื่อถึงเวลานั้นความหวังที่ผู้อาวุโสเป่ยซานจะได้มองเห็นแสงตะวันอีกครั้ง ก็จะไม่ใช้ความหวังลมๆแล้งๆอีกต่อไป
นอกจากเรื่องของเจรจากับเย่เย่แล้ว อีกจุดประสงค์ของเหยียนเสียอวิ๋นนั้นก็เพื่อรักษาเสถียรภาพในตระกูลเหยียน อย่างน้อยๆก่อนที่เหยียนเจิ้นตงจะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้นั้น ตัวเขาก็ไม่ยอมที่จะให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลเหยียนจนส่งผลถึง เหยียนเจิ้นตงเด็ดขาด
ในขณะที่เหยียนเจิ้นตงกับผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นต่อสู้กันอย่างหนักในเขาเหยียนเป่ยอยู่นั้น ผู้อาวุโสของตระกูลเหยียนอีกคน ผู้อาวุโสถงอวิ๋นนั้นก็กำลังเฝ้ามองดูอย่างตั้งใจอยู่ และหวังที่จะพบวิธีการบรรลุที่เหมือนสมกับเหยียนเจิ้นตงโดยผ่านการต่อสู้นี้
ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะได้ทุ่มเทอย่างมากในการเตรียมยาอุษาชาดขึ้นมาอีกหน และคิดที่จะมอบให้กับเหยียนเจิ้นตงเมื่อถึงเวลา และให้เขาทานยาเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพ แต่ทว่าเหยียนเจิ้นตงนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะคว้าโอกาสที่จะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้เลย ให้ทานยาวิเศษไปก็เสียของเปล่า เพราะยานั้นจะส่งผลกับเหยียนเจิ้นตงหรือเปล่านั้นก็ไม่อาจรู้ได้
ส่วนเหยียนเจิ้นตงนั้นก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นในตอนที่เขาสู้กับผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นเขาก็ได้ทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเรียนรู้มาตลอดชีวิตของเขานั้น พยายามที่จะความโอกาสที่จะบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพให้ได้อย่างสุดกำลัง
ตูม! ตูม! ตูม!
หลังจากที่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นพุ่งไปตรงหน้าของ เหยียนเจิ้นตง เขาก็ได้ซัดฝ่ามือใส่เหยียนเจิ้นตง 3 ครั้งรวด ทำให้เหยียนเจิ้นตงกระอักเลือดออกมาและจมเข้าไปในกำแพงหินในหุบเขา
มองจากข้างนอกเข้าไปข้างในก็จะพบถ้ำที่มีรูปร่างที่เกิดจากตัวของเหยียนเจิ้นตง เดิมทีถ้าหากยอดฝีมือราชันย์เทพโดนการโจมตีที่รุนแรงนี้ของผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงเข้าไป ถ้าเขาไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ แต่ทว่าด้วยประสบการณ์ต่อสู้มากมายของเหยียนเจิ้นตงแล้ว ก็ได้ปัดป้องจุดตายของเขาและต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้ได้ ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บถึงกับชีวิต
“เอาคืนไปบ้าง!”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นกำลังบุกเข้ามาหมายที่จะเผด็จศึกนั้นเอง เหยียนเจิ้นตงก็ได้ตั้งหลักและเผยกระบวนท่าของเขาห่านเหนือล่องใต้โจมตีใส่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงอย่างสุดกำลังของเขา
“แคว้ก!”
แล้วหมัดของเหยียนเจิ้งตงนั้นก็ได้ส่งเสียงเหมือนห่านร้องดังก้องมาจากในถ้ำ
ท่ามกลางความตกตะลึง ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงก็ได้มองเห็นฝูงห่านที่บินในขบวนลูกศรบินพุ่งจากเหนือลงใต้ และหมัดของ เหยียนเจิ้นตงก็ได้ปลายลูกศรนั้น
ถึงแม้ว่าความเร็วของฝูงห่านนี้จะไม่มากนัก แต่พลังของมันนั้นก็ดูถูกไม่ได้ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือจักรพรรดิเทพต้องถอยได้
ตูม!
ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงก็ได้เหวี่ยงหมัดของเขาและสู้กับ เหยียนเจิ้นตงอย่างไม่ยั้งคิด แล้วในตอนนั้นเองถ้ำนั้นก็ได้ถล่มลงมาจากลูกหลงของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคน ทั้งดินและหินที่อยู่เหนือหัวก็ได้ถล่มลงมาใส่ทั้งคู่ราวกับเทพแห่งภูผานั้นกำลังโกรธจัด
แต่ทว่าเหยียนเจิ้นตงที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพนั้น แน่นอนว่าไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตาของเขา ในแทบจะทันทีที่ถ้ำได้ถล่มลงมา เขาก็ได้ระเบิดพลังออกมาจากกองดินและหินแล้วพุ่งขึ้นฟ้าออกจากด้านบนของหุบเขา
ซู่ม!
ราวกับดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เหยียนเจิ้นตงก็ได้สลัดตัวหลังจากที่พุ่งขึ้นฟ้ามา แล้วฝุ่นควันที่ติดตัวของเขาก็ได้หลุดออกและลอยไปอย่างช้าๆราวกับเมฆที่ล่องลอย
ซู่ม!
ในแทบจะทันทีหลังจากที่เหยียนเจิ้นตงได้ออกมาจากกองหิน ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงเองก็ได้พุ่งขึ้นฟ้ามาและมายืนอยู่ตรงหน้าเหยียนเจิ้นตง แล้วต่อยใส่เหยียนเจิ้นตงอีกโดยไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสได้หายใจ
“กระบวนท่าเมื่อสักครู่ไม่เลวเลย โจมตีต่ออย่างสุดแรงของเจ้าเลย!”
ในตอนที่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงต่อยใส่เหยียนเจิ้นตงนั้น ก็ได้มีสายตาชื่นชมอย่างเห็นได้ยากในดวงตาของเขา และในขณะเดียวกันก็ได้พูดปลุกใจเหยียนเจิ้นตง
“น้อมรับคำสั่ง!”
ถึงแม้เหยียนเจิ้นตงจะบาดเจ็บจากการปะทะเมื่อสักครู่ แต่ไฟสู้ในตัวของเขานั้นก็ได้ลุกโชนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ขานรับผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงแล้ว เขาก็ได้ใช้กระบวนท่าของเขาอีกครั้งเพื่อโจมตีสวนผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงกลับไป และมีเสียงห่านก็ได้ดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
“แคว้ก!”
หมัดที่ไม่ยอมแพ้นี้ก็เหมือนจะทรงพลังขึ้นมาอย่างมากหลังจากที่ได้รับคำชมจากผู้อาวุโสฮว๋าเฟิง ดวงตาของ เหยียนเจิ้นตงนั้นก็ได้มีสมาธิมากกว่าก่อนหน้า และคิดที่จะใช้กระบวนท่านี้ใส่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงได้ลิ้มรสการถูกกดดันเป็นครั้งแรกบ้าง
แต่ทว่าผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงเองก็เป็นถึงยอดฝีมือในระดับจักรพรรดิเทพ แม้ว่าพลังกระบวนท่าของเหยียนเจิ้นตงนั้นจะเหนือกว่าที่เขาคาดเอาไว้ แต่ด้วยการเตรียมใจเอาไว้แล้ว ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นก็ไม่ได้ออกแรงมากนักเพื่อขัดขวางการโจมตีของอีกฝ่าย
ยกมือ, จับ, ผลักไปอีกทาง!
ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงก็ได้ทำทุกอย่างในคราวเดียว และก่อนที่เหยียนเจิ้นตงจะได้ทันตั้งตัว เขาก็ได้สูญเสียการทรงตัว แล้วตัวของเขาก็ได้เซไปหาผู้อาวุโสฮว๋าเฟิง
ดึงเข้ามา, ยกขา, งอเข่า!
หลังจากที่อาศัยจากแรงโจมตีของเหยียนเจิ้นตงดึงตัวเขาเข้ามาแล้ว ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงก็ได้ยกขาขึ้นมาแล้วงอเข่าและแทงใส่ท้องของเหยียนเจิ้นตง พลังที่รุนแรงนี้ก็ได้ทำให้เหยียนเจิ้นตงนั้นหน้าซีดในทันที และแรงไม่ยอมแพ้ของเขานั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ซึ่งร่องรอย
แต่ในขณะที่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นคิดว่าการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นคงจะต้องจบลงชั่วคราวนั้นเอง เหยียนเจิ้นตงที่โดนโจมตีใส่อย่างหนักนั้นก็ได้พลันลืมตาขึ้นมา ในขณะที่ซัดฝ่ามือใส่เขาผู้อาวุโสเป่ยซานนั้น ก็ได้ฝืนบิดตัวเองกลางอากาศเพื่อให้สลัดหลุดจากการควบคุมของผู้อาวุโสฮว๋าเฟิง
ทรงตัว, พุ่งตัว, พุ่งตัว, แล้วก็พุ่ง!
เหยียนเจิ้นตงกลับมาโผล่ตรงหน้าของผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงในชั่วพริบตา และก่อนที่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงจะตั้งตัวทัน เขาก็ได้เข้าสวมกอดผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงเอาไว้อย่างแน่นหนา
แล้วพุ่งเข้าหาภูเขาอย่างสุดแรง ไม่ว่าผีหรือสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงที่ถูกเหยียนเจิ้นตงกอดนั้นก็ได้ดิ้นรนสุดกำลังเมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังที่มหาศาลที่จับตัวเขาเอาไว้ และจับเขากลับหัวกลับหางกระแทกใส่พื้นดินที่อยู่เหนือหัว เหยียนเจิ้นตง
ตูมมมม!
เกิดเป็นเสียงดังสนั่นออกมาจากใต้หุบเขา ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงที่ถูกเหยียนเจิ้นตงโหม่งเข้ากับพื้นนั้น ในเวลานี้ร่างกายท่อนบนของเขานั้นได้จมลงพื้นไปเหลือแค่เพียงส่วนขาที่ยื่นออกมาจากพื้น ดูแล้วน่าขายหน้าอย่างสุดๆ
ส่วนเหยียนเจิ้นตงที่โจมตีสวนกลับกลางอากาศได้สำเร็จนั้น ยังคงยืนนิ่งราวกับตกตะลึงแต่ดวงตาของเขากลับปิดสนิท เหมือนว่าตัวเขานั้นกำลังนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขาเมื่อสักครู่อย่างถี่ถ้วน
ผู้อาวุโสถงอวิ๋นที่ยืนมองดูอยู่นั้น ก็ได้มีรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏออกมาเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาได้มาปรากฏตัวที่ก้นหุบเขาในทันที แล้วมองไปที่ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงที่ยังดินอยู่ที่พื้นแล้วกล่าวอย่างล้อเลียน “รู้สึกไม่เลวเลยใช่ไหม ที่ยอดฝีมือจักรพรรดิเทพต้องมาติดแหง่กอยู่กับพื้นด้วยฝีมือของยอดฝีมือราชันย์เทพน่ะ?”