ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 433 ตอบแทนบุญคุณ
บทที่ 433
ตอบแทนบุญคุณ
“เซี่ยอวี่ เจ้าคิดที่จะทำอะไรน่ะ? ปล่อยคุณปู่ของข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
เมื่อเหมียวหรุ่ยเห็นเหมียวจวงกำลังถูกทำร้ายอย่างรุนแรงอยู่นั้น นางก็ได้รีบพูดใส่ชายร่างโตที่อยู่ตรงหน้านางด้วยความโมโห
ชายร่างใหญ่เซี่ยอวี่นั้นสามารถดูออกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลเหล่านี้แน่ ซึ่งทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมาพร้อมกับลูกน้องนั้น พวกเขาก็ได้เข้าควบคุมตัวเหมียวจวงทันที และตัวเขาก็ได้เดินมาอยู่ตรงหน้าของเหมียวหรุ่ยและจ้องมองเหมียวหรุ่ยด้วยสายตาที่ถวิลหา
“เสี่ยวหรุ่ย การแต่งงานของพวกเรานั้นลากยาวมานานเกินไปแล้วนะ เจ้าไม่คิดว่าพวกเราควรจะแต่งงานกันได้แล้วหรอกเหรอ? ยิ่งปล่อยให้นานมันจะยิ่งไม่ดีนะรู้มั๊ย?”
เซี่ยอวี่นั้นไม่สนใจในคำพูดของเหมียวหรุ่ย และยังปล่อยให้คนของเขาคอยควบคุมตัวเหมียวจวงเอาไว้ ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่สนใจผู้เฒ่าผู้แก่เลยแม้แต่น้อย และมีแค่เหมียวหรุ่ยที่อยู่ในสายตาของเซี่ยอวี่ และมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขาตอนที่พูดกับนาง
ถึงแม้ว่าเซี่ยอวี่นั้นจะเป็นอันธพาลที่รู้จักกันไปทั่วทั้งหมู่บ้านสกุลเหมียวและมักสร้างปัญหาในหมู่บ้านบ่อยๆ ทั้งหมดเป็นเพราะลูกน้องของเขานั้นดุร้ายและป่าเถื่อน อีกทั้งผู้ใหญ่บ้านสกุลเหมียวนั้นก็ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยอวี่อีก ดังนั้นจึงมีคนที่กล้าจะเผชิญหน้ากับพวกเขาอยู่ไม่มากนัก
ดังนั้นเซี่ยอวี๋จึงได้เป็นเหมือนจอมมารที่น่าเกรงขามของหมู่บ้านสกุลเหมียว และทำเรื่องไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง แต่ชาวบ้านต่างก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ทำให้เซี่ยอวี่นั้นคิดว่าหมู่บ้านสกุลเหมียวนั้นยอมจำนนต่ออำนาจของเขาแล้ว ทำให้เขากระทำการรุนแรงมากขึ้นไปอีก และหลังจากที่เขาตกหลุมรักเหมียวหรุ่ยแล้ว ตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานพาเหมียวหรุ่ยกลับบ้านของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวเขาก็ได้ตามจีบเหมียวหรุ่ยมาหลายต่อหลายหนแล้ว
แต่เหมียวหรุ่ยก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบเซี่ยอวี่ และหลังจากที่ได้ยินที่เซี่ยอวี่กล่าวแล้ว นางก็ได้ต่อว่ากลับไป “อย่ามาพูดอะไรไร้สาระ ข้าเคยบอกว่าจะแต่งงานกับเจ้าเมื่อไรกัน? และเศษกระดาษที่มีลายเซ็นคุณปู่มันก็แค่ เศษกระดาษที่ใช้การอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!”
ทันทีที่นางได้ยินคำว่า “แต่งงาน” ดวงตาของเหมียวหรุ่ยก็ได้ปรากฏซึ่งความโกรธขึ้นมาทันที
เพราะเซี่ยอวี่นั้นหลงในความงามของเหมียวหรุ่ย ทำให้เขาบังคับให้เหมียวจวงให้เซ็นหนังสือที่เขาเรียกว่าหนังสือหมั้นในตอนที่เหมียวหรุ่ยไม่อยู่ ซึ่งเหมียวหรุ่ยที่ไม่ชอบเซี่ยอวี่ตั้งแต่แรกแล้วนั้น หลังจากที่เรื่องนี้เกิดขึ้น นางก็ได้รู้สึกไม่พอใจคนคนนี้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินที่เซี่ยอวี่กล่าว นางก็ได้ไม่ลังเลที่จะต่อว่าในความไร้ยางอายของเขา
แต่ทว่าเซี่ยอวี่นั้นก็ไม่ได้รู้สึกละอายแก่ใจเลยแม้แต่น้อย และหลังจากที่ได้ยินที่เหมียวหรุ่ยต่อว่าเขา ก็ได้มีแววตาที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา และจับข้อมือของเหมียวหรุ่ยและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแอบเก็บหนุ่มไว้ในบ้านของเจ้า เจ้าคิดจะนอกใจข้าอย่างนั้นเหรอ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตกอยู่ในมือของชายอื่นแน่ เจ้าจงจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจจนตายได้เลย!”
ซึ่งเหตุผลที่เซี่ยอวี่พาคนมาถึงหน้าประตูในคราวนี้ก็เพราะเขาได้ยินมาว่าเหมียวหรุ่ยนั้นได้ช่วยเย่เย่เอาไว้ เซี่ยอวี่ที่เห็นเหมียวหรุ่ยเป็นเหมือนผู้หญิงของตัวเองนั้น ก็แน่นอนว่าย่อมรับไม่ได้ที่มีชายแปลกหน้าอาศัยอยู่ในบ้านของเหมียวหรุ่ย ดังนั้นเขาจึงได้พาคนของเขามาที่บ้านของเหมียวหรุ่ย และตั้งใจที่จะพาเหมียวหรุ่ยไปก่อนที่ข้าวสารจะกลายเป็นข้าวสุกเสียก่อน
“เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า? คุณชายเย่ก็แค่มารักษาตัวอยู่ที่บ้านของข้าเท่านั้น! ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากที่มีความคิดที่ชั่วร้ายและสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้างน่ะ!”
เหมียวหรุ่ยที่พยายามอย่างสุดแรงเพื่อที่จะให้หลุดจากมือของเซี่ยอวี่นั้น แต่แรงของเซี่ยอวี่นั้นก็มีมากกว่านางนัก ไม่ว่านางจะดิ้นรนเพียงใดก็ไม่สามารถสลัดหลุดจากการควบคุมของเซียอวี่ได้เลย นางจึงได้ตะโกนใส่เซี่ยอวี่ด้วยความโมโห แต่เซี่ยอวี่ก็ได้ยิ้มตอบกลับมาหลังจากได้ยินที่นางกล่าวโดยไม่สนใจที่จะแย้งเหมียวหรุ่ยเลยแม้แต่น้อย
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะไม่ให้นางแต่งงานกับเจ้า!”
เหมียวหรุ่ยดิ้นรนอย่างสุดแรงภายใต้แรงของเซี่ยอวี่ แต่ความพยายามของนางก็ไร้ผล เมื่อเห็นเช่นนี้เหมียวจวงที่มองดูอยู่ก็ได้ตะโกนไปยังเซี่ยอวี่และพรรคพวก แต่ตัวเขานั้นก็แก่เกินกว่าที่จะขัดขวางอะไรเซี่ยอวี่กับพรรคพวกได้ เหมียวหรุ่ยจึงได้ถูกเซี่ยอวี่ลากตัวไป
“เซี่ยวหรุ่ยเจ้าตามข้ามาดีๆเถอะ! หลังจากที่พวกเราแต่งงานกัน ข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองหลงเจียง และเจ้าจะไม่เสียใจที่แต่งกับข้าแน่นอน ในเวลานี้เมืองหลงเจียงได้เปลี่ยนไปแล้ว และเหล่าคนที่เคยปกครองเมืองหลงเจียงนั้นพวกเขาจะถูกประหารในวันนี้แล้ว ในอนาคตเมืองหลงเจียงจะต้องการผู้มีความสามารถจำนวนมากอย่างแน่นอน แล้วเมื่อนั้นเจ้ากับข้าก็จะอยู่กันอย่างสุขสบาย!”
เพราะเซี่ยอวี่กับพรรคพวกนั้นเพิ่งกลับมาจาก เมืองหลงเจียง ซึ่งพวกเขานั้นพอจะรู้ข่าวคราวจากโลกภายนอกไม่น้อย ซึ่งเขาคิดว่าหลังจากที่ทำให้เหมียวหรุ่ยกลายเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ก็จะพานางไปที่เมืองหลงเจียงเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ราวกับว่าตัวเขาได้คาดหวังกับอนาคตของเขาเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม
อย่างไรก็ตามเหมียวหรุ่ยนั้นกลับเฉยกับคำพูดเกลี้ยกล่อมของเซี่ยอวี่ แต่ทว่าเป็นเพราะนางไม่สามารถหลุดจากการจับของเซี่ยอวี่ได้ นางจึงได้ถูกพาตัวไปออกห่างจากบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และในขณะที่มีความสิ้นหวังปรากฏบนใบหน้าของเหมียวหรุ่ยอยู่นั้นเอง หน้าต่างชั้นสองของบ้านเล็กๆหลังนั้นก็ได้เปิดออกแล้วเย่เย่ก็ได้กระโดดลงมาจากข้างบนอย่างใจเย็น
“ที่เจ้าว่ามาเป็นเรื่องจริงรึ?”
เย่เย่ที่เปิดหน้าต่างและออกมาจากห้องนั้น ก็ได้กระโดดลงมาจากชั้นสองมาอยู่ตรงหน้าของเซี่ยอวี่ ซึ่งการกระทำทั้งหมดเกิดขึ้นในรวดเดียวราวกับน้ำไหล และรวดเร็วเสียจนเซี่ยอวี่กับคนอื่นๆตั้งตัวไม่ทัน
ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินที่เย่เย่ถาม เซี่ยอวี่จึงได้ตอบเย่เย่ไปโดยที่ไม่รู้ตัว “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง พวกเราเพิ่งกลับมาจากเมืองหลงเจียง จึงไม่มีใครที่รู้ดีไปมากกว่าพวกเราแล้ว”
แต่จากนั้นเซี่ยอวี่ก็รู้สึกตัวได้ว่าท่าทีของเขาเมื่อสักครู่นั้นค่อนข้างขี้กลัวนัก เขาจึงได้รีบทำเป็นดุดันและตะโกนใส่เย่เย่ “เจ้าคือคุณชายเย่อย่างนั้นสินะ? ที่หมู่บ้านสกุลเหมียวนี้เป็นถิ่นของข้าเซี่ยอวี่คนนี้ เจ้าจงออกไปจากที่นี่ภายในเวลา 1 เค่อเสีย ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเจ้าไม่ได้นะ!”
แต่ทว่าเย่เย่นั้นไม่สนใจอีกฝ่ายเลย แต่กลับตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วขณะ
จากที่เซี่ยอวี่กล่าวเมื่อสักครู่ เย่เย่ก็พอจะเดาได้ว่า อวี๋เซี่ยลี่กับพรรคพวกนั้นคงจะถูกจับตัวไปแล้ว อย่างไรก็ดี จงเจิ้งหมิงกับซ่างกวานอวี่นั้นหนีไปอย่างรวดเร็วมาก คงเป็นไปไม่ได้ที่หม่าเจาจะไล่ตามพวกเขาได้ทัน
ส่วนอวี๋เซี่ยลี่กับพรรคพวกนั้นเป็นลูกน้องสายตรงของ เย่เย่ ซึ่งนอกจากพวกเขาจะไม่หนีเอาชีวิตรอดหลังจากที่หม่าเจาได้บรรลุขึ้นจักรพรรดิเทพแล้ว แต่พวกเขากลับเลือกที่จะยังอยู่ที่ลานกว้างและพร้อมที่จะตายไปพร้อมกับหม่าเจา ความกล้าหาญในนี้ได้ทำให้เย่เย่ได้เข้าใจถึงความภักดีของพวกเขาเสียใหม่ ดังนั้นหลังจากที่เย่เย่ได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพแล้ว ย่อมแน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องรีบกลับไปที่เมืองหลงเจียงเพื่อช่วยอวี๋เซี่ยลี่กับพรรคพวก
“คุณชายเย่หนีไปเถอะ! เซี่ยอวี่กับพรรคพวกนั้นต่างก็เป็นพวกอันธพาล ถ้าหากเจ้ายังอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องทำอันตรายเจ้าแน่!”
ในขณะที่เย่เย่กำลังคิดที่จะกลับไปที่เมืองหลงเจียงอยู่นั้น เหมียวหรุ่ยที่อยู่ใกล้ๆเขานั้นไม่อยากที่จะให้เย่เย่นั้นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย จึงได้ตะโกนบอกกับเย่เย่ด้วยความกังวล
ถึงแม้ว่านางจะตกใจกับความเร็วในการฟื้นตัวของเย่เย่ แต่นางก็ไม่คิดว่าหลังจากที่เย่เย่ปรากฏตัวออกมานั้นจะทำให้เซี่ยอวี่กับพรรคพวกนั้นชะงัก แต่เหมียวหรุ่ยก็ยังกังวลว่าการต่อสู้กันระหว่างพวกเซี่ยอวี่กับเย่เย่นั้นจะทำให้แผลเก่าของเขากำเริบได้ ดังนั้นนางจึงได้รีบเกลี้ยกล่อมให้เย่เย่รีบหนีออกไปจากที่นี่
เสียงของเหมียวหรุ่ยนั้นก็ได้ปลุกให้เย่เย่นั้นตื่นจากการครุ่นคิด เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นมาและจ้องไปที่เซี่ยอวี่กับพรรคพวกและกล่าวกับเซี่ยอวี่ด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉิง “เห็นแก่ที่พวกเขาบอกข่าวเมื่อสักครู่ให้ รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้! และอย่ากลับมาให้อยู่ตรงหน้าเหมียวหรุ่ยอีก ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมาเหมียวหรุ่ยกับพวกเซี่ยอวี่ต่างก็พากันตกใจพร้อมกัน และมองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง
มีเพียงเหมียวจวงที่เหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ และมีสีหน้าคาดหวังปรากฏในดวงตาของเขา
“นี่เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า? ถึงได้มากล้าพูดเช่นนี้กับข้าเซี่ยอวี่เช่นนี้?”
หลังจากที่หายตกใจ เซี่ยอวี่ก็ได้ปล่อยเหมียวหรุ่ยด้วยสีหน้าที่ดุดันแล้วเดินไปหาเย่เย่พร้อมกับต่อยเย่เย่ที่ใบหน้า
ตัวเขานั้นได้อยู่เหนือผู้คนในหมู่บ้านสกุลเหมียวมาเป็นเวลาหลายปี และไม่มีใครที่กล้ามาขู่เขาเช่นนี้ซึ่งๆหน้ามาก่อน นอกจากนี้เซี่ยอวี่นั้นคิดที่จะใช้โอกาสนี้ทำให้เหมียวหรุ่ยยอมแพ้ จึงได้ปล่อยมือของเขาแล้วเข้าไปตายเย่เย่
“ลูกพี่สุดยอด!”
“จัดการอัดให้คุณชายไม่รู้ประสีประสาคนนี้ให้ตายเลย!”
“อย่าได้เมตตาเด็ดขาด!”
เหล่าลูกน้องของเซี่ยอวี่ก็ได้พากันพูดเชียร์ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ เย่เย่ก็ได้กระทืบพื้นเบาๆ
ตึงๆๆๆๆ!
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงสะเทือนดังเข้าหูของทุกคน และพวกเซี่ยอวี่ก็ได้พากันลอยขึ้นฟ้าแล้วจากนั้นก็ตกลงมากระแทกกับพื้นทันที
ตุบๆๆๆๆ!
ในขณะที่พวกเขาตกลงมากระแทกพื้นนั้น เซี่ยอวี่กับพรรคพวกต่างก็ทำเสียงดังขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาตกลงใส่พื้น
“อ๊าก! ช่วยด้วย!”
“เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว!”
“ขาข้า! ขาข้าหักแล้ว!”
แล้วแต่ละคนต่างก็พากันร้องโหยหวนอยู่ใกล้ๆบ้านเล็กๆหลังนั้น หลังจากที่พวกเซี่ยอวี่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกลงกับพื้นนั้น พวกเขาต่างก็แข้งขาหักตกอยู่ในสภาพที่อเนจอนาถอย่างสุดๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้เหมียวหรุ่ยกับเหมียวจวงที่มองดูอยู่ต่างก็มองไปที่เย่เย่ด้วยความตกใจ แม้แต่เหมียวจวงที่รู้อยู่แล้วก็ยังต้องทำความเข้าใจกับพลังและความลึกลับของเย่เย่เสียใหม่ หลังจากที่ได้เห็นพลังที่น่าทึ่งของเย่เย่แล้ว
ในขณะที่เซี่ยอวี่กับพรรคพวกที่ร้องโอดครวญอยู่กับพื้นนั้น พวกเขาก็ได้มองไปที่เย่เย่ด้วยความหวาดกลัวราวกับเห็นผียังไงอย่างงั้น พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างก็ลอยขึ้นฟ้าและตกลงมากระแทกพื้น หลังจากที่พวกเขาตกลงพื้นความกลัวที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนนี้ได้ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกหวาดกลัวเย่เย่อย่างสุดๆ และไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังเย่เย่อีก
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ! ถ้าช้าแม้แต่ก้าวเดียว ก็อย่าหวังจะได้ออกไปจากที่นี่!”
เย่เย่ก็ได้มองเซี่ยอวี่กับพรรคพวกด้วยสายตาที่หนาวเย็น และนิ่งเรียบในน้ำเสียงของเขา
เมื่อเซี่ยอวี่กับพรรคพวกได้ยินเข้า พวกเขาต่างก็พากันรีบหนีออกไปไกล แม้แต่คนที่ขาหักก็ยังรีบคลานหนีอย่างสุดกำลังด้วยความกลัวว่าเย่เย่จัดการฆ่าทิ้งเสียที่นี่
หลังจากที่พวกเขาจากไปเย่เย่ก็ได้หยิบเอายาขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา ซึ่งข้างในได้ใส่ยาปลุกวิญญาณเอาไว้ที่สามารถช่วยปลุกให้พลังยุทธ์ของคนตื่นขึ้นมาได้ เพราะ เย่เย่นั้นคิดที่จะใช้สิ่งนี้เป็นรางวัลเพื่อช่วยปลุกใจให้ผู้คนในเมืองหลงเจียงนั้นตั้งใจฝึกวิชากันมากขึ้น เขาจึงได้ซื้อยามีค่าต่างๆไว้เป็นจำนวนมากและเก็บเอาไว้กับตัว รวมถึงยาปลุกวิญญาณจำนวนหนึ่งที่จะช่วยปลุกให้พลังยุทธ์ของผู้คนตื่นขึ้นมาได้
หลังจากที่แนะนำสรรพคุณของยานี้แก่เหมียวหรุ่ยแล้ว เขาก็ได้มอบยาปลุกวิญญาณนี้ให้กับมือของอีกฝ่ายและกล่าวกับเหมียวหรุ่ย “หลังจากที่ทานยาปลุกวิญญาณแล้ว มันจะช่วยเพิ่มโอกาสที่พลังยุทธ์ในกายของเจ้าให้ตื่นขึ้นมา แล้วก็จะไม่ใช่ปัญหาในการต่อกรกับพวกเซี่ยอวี่อีก แต่มันก็จะหมายความว่าเจ้าจะย่างเท้าเข้าสู่วิถียุทธ์แล้ว และจะไม่มีใครที่จะสามารถบอกได้ถึงความยากลำบากที่เจ้าจะต้องเผชิญในอนาคต ขอให้เจ้าจงคิดดูให้รอบคอบ”
หลังจากที่กล่าวจบเย่เย่ก็ได้หยิบเอายันต์จำนวนหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อและมอบให้กับเหมียวหรุ่ยและกล่าว “ถ้าหากว่าเจาไม่อยากที่จะเข้าสู่วิถียุทธ์ ก็ใช้ยันต์แช่แข็งนี้เป็นไพ่ตายของเจ้า การใช้งานยันต์แช่แข็งนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณแต่อย่างใด ใครก็สามารถใช้มันได้ และพลังของมันก็มากพอที่จะฆ่ายอดยุทธ์ให้ตายได้ภายในเสี้ยววิ แต่เจ้าจะต้องไม่บอกให้ใครรู้เด็ดขาดว่าเจ้ามีของชิ้นนี้ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกฆ่าเสียเอง!”
ยันต์แช่แข็งนี้เองก็เป็นของที่เยเย่ซึ้อมาเพื่อใช้เป็นของรางวัลด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าลูกน้องส่วนใหญ่ของเขานั้นมีวรยุทธ์ที่สูงกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีคนธรรมดาเป็นจำนวนมากในครอบครัวของพวกเขา ถึงแม้ว่ายาปลุกวิญญาณกับยันต์แช่แข็งเหล่านี้จะไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขา แต่ก็เป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้สำหรับครอบครัวของพวกเขา
เย่เย่ก็ได้มอบยาปลุกวิญญาณกับยันต์แช่แข็งให้กับเหมียวหรุ่ย เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำในของอีกฝ่ายที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ หลังจากที่เสร็จแล้วก่อนที่เหมียวหรุ่ยจะได้แสดงความขอบคุณกับเย่เย่ เย่เย่ก็ได้รีบเหาะขึ้นฟ้าไปและมุ่งไปยัง เมืองหลงเจียงเสียก่อนแล้ว