ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 426 ในช่วงเวลาเฉียดเป็นเฉียดตาย
บทที่ 426
ในช่วงเวลาเฉียดเป็นเฉียดตาย
“วันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้าทุกคน!”
หลังจากที่หม่าเจาได้แสดงวิชาต้องห้ามออกมา อารมณ์ของเขาก็ได้กลายเป็นรุนแรงอย่างสุดๆ และในเมื่อพลังยุทธ์ของเขาคงที่แล้ว พลังของเขาก็ได้แข็งแกร่งมากว่ายอดฝีมือที่เพิ่งบรรลุขึ้นจักรพรรดิเทพมากนัก ดังนั้นหลังจากที่เขาจับจ้องไปที่ตำแหน่งของเย่เย่กับพรรคพวกแล้ว ก็ได้ไปปรากฏตัวตรงหน้าของเย่เย่อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ
“รีบหนีไปพร้อมกับซ่างกวานอวี่ก่อน!”
มีความแน่วแน่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเย่เย่ หลังจากที่บอกกับจงเจิ้งหมิงเสร็จ เขาก็ได้รีบพุ่งตัวเข้าไปหาหม่าเจาทันที
ตูมมมม!
แล้วทั้งสองคนก็ได้ปะทะกันกลางอากาศ และลอยเหนือพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เกิดเป็นควันรูปดอกเห็ดและลมกระโชกแรงพัดเอก จงเจิ้งหมิงกับซ่างกวานอวี่ต้องถอยออกไปพอสมควร
“อั่ก!”
หลังจากที่เย่เย่รับหมัดของหม่าเจา ก็ได้กระอักเลือดออกมาจากปากของเขาทันที และกระเด็นออกไปราวกับว่าวที่สายป่านขาดทันทีด้วยพลังของหม่าเจา
“เย่เย่!”
ซ่างกวานอวี่กับจงเจิ้งหมิงก็ได้ตะโกนออกไปพร้อมกัน และดวงตาก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
ซ่างกวานอวี่ต้องการที่จะไปหยุดหม่าเจาเพื่อช่วยเย่เย่ แต่จงเจิ้งหมิงก็ได้ความนางเอาไว้แล้วกล่าวกับซ่างกวานอวี่อย่างเคร่งเครียด “เจ้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก!”
ซ่างกวานอวี่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับมา แต่พวก อวี๋เซี่ยลี่ที่มองภาพรวมของสถานการณ์ออกก็ได้รีบมาหาซ่างกวานอวี่ในทันทีและกล่าวขอร้องซ่างกวานอวี่อย่างจริงจัง “คุณหนูซ่างกวานได้โปรดรีบออกไปจากที่นี่เถอะครับ! ข้าจะอยู่ที่นี่กับท่านเจ้าเมืองจวบจนวาระสุดท้าย เพื่อเป็นการตอบแทนความพระคุณของท่านผู้นำสมาพันธ์!”
จนกระทั่งถึงเวลานี้ทุกคนต่างก็ไม่คิดว่าเย่เย่นั้นจะสามารถหยุดหม่าเจาได้เป็นเวลานานนัก พวกเขาจึงได้ให้จงเจิ้งหมิงนั้นหนีออกไปพร้อมกับซ่างกวานอวี่ และก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกอวี๋เซี่ยลี่นั้นจะสามารถหนีพ้นจากการตามล่าของหม่าเจาได้
ถึงแม้ว่าความสามารถของอวี๋เซี่ยลี่นั้นยังจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเพิ่มอีกเยอะ แต่ความจงรักภักดีของเขาที่มีต่อซ่างกวานจ้งนั้นไม่เป็นที่สงสัยเลย ไม่อย่างนั้นซ่างกวานจ้งก็คงไม่ส่งเขามาที่เมืองหลงเจียง และในเวลานี้เพื่อที่จะเป็นภาระให้จงเจิ้งหมิงกับซ่างกวานอวี่ อวี๋เซี่ยลี่กับพรรคพวกจึงได้คิดที่จะอยู่ที่นี่จนวินาทีสุดท้าย
“พวกเจ้า!”
แล้วดวงตาของซ่างกวานอวี่ก็ได้แดงขึ้นมา และไม่รู้ว่าตอบอะไรไปสักพักหนึ่ง
จงเจิ้งหมิงเองก็ยังมองไปที่พวกอวี๋เซี่ยลี่ด้วยความคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าพวกเขานั้นจะรับรู้ถึงช่วงเวลาวิกฤติได้มากขนาดนี้ แต่ทว่าตัวเขานั้นก็พลันนึกถึงคำที่เย่เย่ได้ฝากฝังเขาเอาไว้ได้ หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักเขาก็ได้กล่าวกับซ่างกวานอวี่อย่างเคร่งเครียด “คุณหนูซ่างกวาน ไม่มีเวลาแล้วรับหนีไปกับข้าเถอะ!”
“ไม่ ถ้าเย่เย่ไม่ไป ข้าก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
ถึงแม้ว่าซ่างกวานอวี่นั้นจะทึ่งกับความกล้าหาญและจงรักภักดีของพวกอวี๋เซี่ยลี่ และพอนางหันไปมองเย่เย่ที่กำลังขัดขวางหม่าเจาที่ลานกล้างอย่างเต็มที่แล้ว นางก็ได้ส่ายหัวอย่างหนักแน่นและปฏิเสธที่จะจากไปโดยไม่สนใจคำเกลี้ยกล่อมของจงเจิ้งหมิง
ถ้าหากซ่างกวานอวี่นั้นเป็นเพียงแค่ลูกน้องที่จงรักภักดีของเย่เย่แล้ว จงเจิ้งหมิงก็คงจะปล่อยให้นางทำตามใจ แต่ ซ่างกวานอวี่นั้นยังมีอีกฐานะหนึ่งนั่นคือบุตรีเพียงคนเดียวของผู้นำสมาพันธ์โม่ไห่ ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับนางที่นี่ ต่อให้ จงเจิ้งหมิงสามารถรอดกลับไปที่เมืองโม่ไห่ได้ ตัวเขาก็คงไม่กล้าที่จะสู้หน้าซ่างกวานจ้งไปตลอดแน่
ดังนั้นหลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก จงเจิ้งหมิงก็ได้พูดขึ้นมา “ขอล่วงเกินด้วย!”
แล้วเขาก็ได้ฉวยโอกาสที่ซ่างกวานอวี่นั้นไม่สามารถตอบโต้ได้ทันไปอยู่ข้างหลังของซ่างกวานอวี่และทำให้เธอหมดสติไป จากนั้นจงเจิ้งหมิงก็ได้แบกพาซ่างกวานอวี่หนีออกไปจากเมืองหลงเจียงและหายลับตาไปในชั่วพริบตา
พวกอวี๋เซี่ยลี่นั้นต่างก็มีสีหน้าบอกไม่ถูกปรากฏขึ้นมา แต่ไม่นานนักพวกเขานั้นต่างก็ตั้งสติได้ และด้วยความมุ่งมั่นที่ปรากฏในดวงตาของพวกเขาก็ได้มองไปที่เย่เย่กับหม่าเจาที่อยู่ที่ลานกว้าง และพร้อมที่จะสละชีวิตของตัวเองตายไปพร้อมกับหม่าเจา
ที่ตรงกลางของลานกว้างนั้น เย่เย่ก็ได้สู้กับหม่าเจ้าอย่างไม่คิดชีวิตอีกหนและได้กระอักเลือดออกมาพร้อมกับเศษเนื้อ และทั้งร่างของเขานั้นก็อยู่ในสภาพสะบักสะบอมไปหมด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นนับตั้งแต่ที่เขาได้มาที่แผ่นดินว่านหลิง ถ้าหากร่างของเย่เย่นั้นไม่ได้พลังของวิญญาณมังกรช่วย ตัวเขาก็คงจะถูกหม่าเจาฆ่าตายไปนานแล้ว
“หืม? เจ้ายังไม่ตายอีกเหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะทนทานมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้! แต่ตอนนี้ข้าเบื่อที่จะเล่นกับเจ้าแล้ว ข้าจะส่งเจ้าตรงไปยังยมโลกเดี๋ยวนี้แหละ!”
หม่าเจาที่เห็นเย่เย่ที่ถูกอัดจนน่วมและอวัยวะภายในแหลกจนปนมากับเลือดที่กระอักออกมา แต่ยังคงสามารถยืนอยู่ได้นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เย่อีกหน
แต่ในเวลานี้ตัวเขานั้นเหนือกว่าเย่เย่อยู่มากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นเย่เย่อยู่ในสายตาเลย เมื่อเขานึกถึงตอนที่เขาถูก เย่เย่กดดันในตอนแรกนั้น ก็ได้มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหม่าเจา และบุกเข้าไปหาเย่เย่อีกหนด้วยเจตนาที่มุ่งร้ายในดวงตาของเขา
แต่ทว่าในขณะที่หม่าเจาคิดที่จะสังหารเย่เย่ในคราเดียวนั้น พวกอวี๋เซี่ยลี่ก็ได้รีบเข้ามาหาเย่เย่และเอาตัวบังเย่เย่ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาด้วยความสั่นกลัว
อวี๋เซี่ยลี่จ้องไปที่หม่าเจาด้วยความกลัว แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าพูดกับหม่าเจาด้วยสีหน้าที่ดุดัน “อย่าเข้ามานั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาข้าจะระเบิดตัวตายพร้อมกัน! ต่อให้พวกเราต้องตาย ก็จะขอลากเจ้าไปตายด้วยกัน!”
ทันทีที่เขาพูดจบอวี๋เซี่ยลี่กับลูกน้องของเขาก็ได้เร่งพลังปราณในร่าง ราวกับพร้อมที่จะระเบิดตัวเองในชั่วขณะถัดมาและสลายไปพร้อมกับหม่าเจา
แต่ทว่าหลังจากที่เห็นท่าทีของพวกเขาแล้ว หม่าเจาก็ปรากฏแค่สีหน้ายุ่งยากใจเท่านั้น และมองไปที่พวกอวี๋เซี่ยลี่ราวกับกำลังมองคนโง่อยู่
ซึ่งก่อนที่หม่าเจาจะได้ตอบอะไร เย่เย่ที่อยู่ด้านหลังของพวกอวี๋เซี่ยลี่นั้นก็ได้เดินขึ้นหน้ามาและถีบอวี๋เซี่ยลี่ออกไปพ้นทาง และถีบเหล่าลูกน้องของอวี๋เซียลี่ออกไปพ้นทางด้วยเช่นกัน
“ทำไมข้าถึงได้มีลูกน้องที่โง่อย่างพวกเจ้านะ? กลุ่มคนหยิบมือที่มีพลังยังไม่ถึงระดับราชันย์เทพน่ะ ต่อให้ระเบิดตัวเองพร้อมกันพวกเจ้าคิดเหรอวะจะสามารถทำอะไรยอดฝีมือในระดับจักรพรรดิเทพได้น่ะ? ออกไปให้พ้นๆไป!”
เย่เย่ก็ได้ตะโกนว่าพวกอวี๋เซี่ยลี่ราวกับกำลังโกรธจัด แต่ทว่าหากมองอย่างใกล้ชิดแล้วจะดูออกได้ไม่ยากว่าเย่เย่ที่อ่อนแออย่างสุดๆเมื่อสักครู่นี้ ได้ฟื้นคืนเรี่ยวแรงกลับมาทีละเล็กละน้อย และความมุ่งมั่นก็ได้ค่อยๆกลับคืนมาในดวงตาของเขา
ที่บริเวณขอบลานกว้างนั้น อวี๋เซี่ยลี่ที่ถูกเย่เย่ถีบออกมานั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่เย่เย่ที่อยู่ในลานกว้างด้วยสีหน้าที่กลุ้มใจ พวกเขาทั้งเกลียดตัวเองที่มีวรยุทธ์ต่ำต้อยและรู้สึกซาบซึ้งที่เย่เย่ยังช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย
อวี๋เซี่ยลี่ที่ได้ยินคำต่อว่าที่แน่วแน่ของเย่เย่แล้ว แม้ว่าพวกเขานั้นพร้อมที่จะเป็นหรือตายไปพร้อมกับเย่เย่ก็ตาม แต่ในเวลานี้พวกเขาก็ได้แต่ต้องทำตามคำสั่งของเย่เย่ และพาลูกน้องของเขาหนีไปจากที่นี่ให้ไว
“แยกย้าย!”
หลังจากที่อวี๋เซี่ยลี่ตะโกน เหล่าคนของจวนเจ้าเมืองที่เหลือก็ได้พากันแยกย้ายออกจากเมืองหลงเจียงไปคนละทิศละทางอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเร็วของพวกเขานั้นจะต่างกับ จงเจิ้งหมิงราวฟ้ากับเหว แต่ในเมื่อหม่าเจานั้นยังคงถูกเย่เย่ขวางอยู่นั้น พวกอวี๋เซี่ยลี่ก็สามารถหนีหายไปลับไปจากจวนเจ้าเมืองได้อย่างราบรื่น
สำหรับหม่าเจาความเป็นหรือตายของพวกอวี๋เซี่ยลี่นั้นไม่ได้สำคัญสำหรับเขามากนั้น ขอเพียงแค่เขาสังหารเย่เย่ได้ สมาพันธ์โม่ไห่ก็จะไม่ใช่อะไรที่เขาจะต้องใส่ใจอีกต่อไป ดังนั้นในยามที่ลานกว้างเหลือเพียงแค่ตัวเขากับเย่เย่นั้น หม่าเจาก็ได้มองไปที่เย่เย่โดยไร้ซึ่งความโกรธในดวงตาแต่อย่างใด แต่เหมือนกับกำลังมองไปที่คนตายยังไงอย่างงั้น
เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเจ้าที่มาถึงเมืองหลงเจียงก็ตั้งนานแล้ว แต่ข้ากลับเพิ่งมาเผยไพ่ตายของข้าเพื่อจัดการกับเจ้าในวันนี้?”
หลังจากที่คนอื่นๆหายไปหมดแล้ว หม่าเจานั้นไม่ได้รีบร้อนที่จะสังหารเย่เย่ แต่กลับถามอย่างอ่อนโยน
เย่เย่ก็ได้ยิ้มอย่างฝืนๆหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เพราะอะไรล่ะ? หรือว่าเจ้าวางแผนที่จะฆ่าข้าให้ตายแน่นอน?”
หม่าเจาไม่ได้มองไปที่เย่เย่ และพูดในหัวข้อเมื่อสักครู่ต่อราวกับกำลังพูดอยู่กับตัวเอง “จริงๆแล้วก่อนที่พวกเราจะได้พบกันที่บ้านสกุลเซียว ข้านั้นได้ฝึกวิชาต้องห้ามมังกรคลั่งสำเร็จแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าพวกโง่เซียวหลิงทำพาหนะของข้าหายไป เจ้าก็คงไม่มีชีวิตรอดอยู่ถึงทุกวันนี้หรอก!”
“เพราะว่าข้าไม่สามารถอยู่ห่างจากแรดเขามังกรมากเกินไปได้ในตอนที่ใช้วิชาต้องห้ามมังกรคลั่งนี้ ไม่อย่างนั้นแม้ว่าจะใช้วิชาต้องห้ามนี้ไป ก็ไม่สามารถที่จะดึงเอาเลือดของมังกรที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของแรดเขามังกรมาใช้ได้ แต่ทว่าเมื่อใดที่ทำสำเร็จแล้วก็จะไม่สามารถหยุดยั้งวิชาต้องห้ามนี้ได้แม้ว่าจะใช้แผ่นป้ายสัตว์อสูรก็ตาม ดังนั้นจุดจบของเรื่องนี้เจ้าเองก็ได้เห็นแล้ว ข้าหม่าเจาคนนี้คือผู้ชนะเลิศที่แท้จริง!”
ในขณะที่พูดอยู่หม่าเจาก็ได้เผยสีหน้ายินดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ขึ้นมา ราวกับว่าตัวเขานั้นได้คาดหวังถึงเวลานี้มานานแล้ว
เย่เย่ก็ได้เลิกที่จะอยู่นิ่งเฉย ในขณะที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นพลังกลับคืนมาก็ได้กล่าวกับหม่าเจาด้วยเสียงอันดัง “สิ่งที่เรียกวิชาต้องห้ามน่ะ มันคือวิชาลับที่ห้ามฝึกฝนในแผ่นดิน ว่านหลิง! หากว่ามีใครก็ตามที่ถูกเปิดเผยว่าแอบฝึกวิชาต้องห้ามเหล่านี้ ก็จะตกกลายเป็นเป้าตามล่าจากทั่วทั้งแผ่นดินว่านหลิงทันที แม้ว่าเจ้าจะเอาชนะได้ในวันนี้ แต่เจ้าคิดว่าตัวเจ้าจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยไปได้ตลอดรอดฝั่งจริงๆเหรอ?”
เย่เย่นั้นเคยได้เรื่องเรื่องของตำนานวิชาต้องห้ามอยู่บ้าง ซึ่งทุกๆวิชาต้องห้ามนั้นจะทรงพลังอย่างสุดๆ แต่เพราะขั้นตอนในการใช้วิชาต้องห้ามเหล่านี้นั้นมันโหดร้ายมาก ผลคือทั่วทั้งแผ่นดินว่านหลิงนั้นต่างก็ห้ามใช้วิชาเหล่านี้ จนถึงทุกวันนี้วิชาต้องห้ามเหล่านั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว จะมีก็แค่เพียงทัณฑ์สวรรค์หรือ 3 เขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ยังมีวิชาต้องห้ามเหล่านี้เหลือรอดอยู่
ซึ่งในตอนที่หม่าเจาได้ไปฝึกวิชาอยู่ที่เขาศักดิ์สิทธิ์ไท่ยวนนั้น เขาก็ไปพบร่องรอยของวิชาต้องห้ามมังกรคลั่งโดยบังเอิญ และได้ทำทุกวิถีทางเพื่อจับแรดเขามังกรมาเป็นพาหนะของเขา และเพื่อที่จะบรรลุขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิเทพให้ได้ในคราวเดียว หลังจากที่ฝึกวิชาต้องห้ามนี้สำเร็จแล้ว
แต่ทว่าเมื่อใดที่ความลับที่ว่าเขาแอบฝึกวิชาต้องห้ามนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมา สถานการณ์ของหม่าเจาในดินแดน เทียนหนานนั้นก็จะลำบากอย่างสุดๆ แม้แต่เจ้าสำนักแก้วหลากสีนั้นก็คงจะส่งยอดฝีมือออกมาจับกุมเขาด้วยตัวเองเป็นแน่ และอย่างร้ายที่สุดก็คงจะจัดการสังหารหม่าเจาเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง
แต่ทว่าหลังจากที่ได้ยินที่เย่เย่กล่าวแล้ว หม่าเจ้าก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดูถูก และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอวดดีอย่างสุดๆ
“ถูกไล่ล่างั้นเหรอ? เจ้าไม่รู้เหรอว่าความสงบเรียบร้อยในแผ่นดินว่านหลิงนั้นมันหายไปนานแล้วน่ะ ต่อให้มีใครที่ไม่พอใจในการฝึกวิชาต้องห้ามของข้า ก็คงไม่มีใครที่กล้าโผล่มาสู้กับข้าด้วยตัวเองหรอก? ยิ่งไปกว่านั้นการต่อสู้ในดินแดนเทียนหนานนั้นก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว และสำนักแก้วหลากสีเองก็กำลังต้องการคนอย่างมาก ดังนั้นต่อให้พวกเขารู้ว่าข้าฝึกวิชาต้องห้าม แต่เพื่อเห็นแก่ข้าที่บรรลุขึ้นจักรพรรดิเทพได้แล้ว ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ลงโทษข้า กลับกันพวกเขาก็จะเลื่อนขั้นให้ข้าและใช้ประโยชน์จากข้าใหม่ต่างหาก! แต่น่าเสียดายที่เจ้าคงจะไม่ได้อยู่ดูในเวลานั้นแล้ว!”
หม่าเจานั้นได้กล่าวถึงสถานการณ์ในแผ่นดินว่านหลิงอย่างประชดประชันสุดๆ และมีแววตาที่เย็นยะเยือกปรากฏในดวงตาของเขาในตอนที่กล่าวถึงสำนักแก้วหลากสี
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมาอย่างละเอียด แต่เย่เย่ก็พอจะเดาได้ว่าในช่วงเวลาที่สงบเสงี่ยมของหม่าเจานี้ ตัวเขาก็คงจะเลิกศรัทธากับสำนักแก้วหลากสีไปแล้ว ในเวลานี้สำนักแก้วหลากสีนั้นเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเขานั้น และสิ่งที่เขาต้องการจากสำนักแก้วหลากสีนั้นเหนือกว่าที่สำนักแก้วหลากสีต้องการจากเขาเสียอีก
แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่หม่าเจาพูดกับเย่เย่จบ ตัวเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะส่งเย่เย่ไปยมโลกแล้ว ซึ่งก่อนที่เย่เย่จะฟื้นแรงกลับมาและตอบโต้เขาได้ หม่าเจาก็ได้จัดการซัดฝ่ามือใส่เย่เย่ที่อยู่ตรงหน้าเขาทันที