ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 424 จักรพรรดิเทพ!
บทที่ 424
จักรพรรดิเทพ!
จนกระทั่งจบงานประลองยุทธ์ แต่ก็ไม่มีใครเลยในลานกว้าง ทั้งผู้เข้าแข่งขันและผู้ที่มาร่วมชมคิดที่จะออกไปจากลานกว้างนี้
เพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าหลังจากที่งานประลองยุทธ์นี้จบแล้ว ช่วงพิเศษที่แท้จริงของงานนี้กำลังจะเริ่ม ซึ่งผู้ชมเกือบครึ่งที่มาดูในวันนี้นั้นไม่ได้มาเพราะงานประลองยุทธ์นี้แต่อย่างใด พวกเขานั้นอยากที่จะมาดูการต่อสู้ที่สุดยอดระหว่างเย่เย่กับ หม่าเจาต่างหาก
จงเจิ้งหมิงที่คอยดูแลงานประลองนี้มาโดยตลอดก็ได้ถอยกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง และพุ่งความสนใจไปที่เย่เย่กับหม่าเจาที่อยู่ข้างๆเขา ส่วนเย่เย่กับหม่าเจานั้นก็ได้จ้องมองกันเองแล้วเหาะขึ้นไปบนเวทีที่อยู่ตรงกลางลานกว้างโดยที่ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไร
แล้วบรรยากาศในลานกว้างจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ก็ได้มาถึงจุดเดือดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ท่านเจ้าเมืองไร้พ่าย!”
“หม่าเจาแข็งแกร่งที่สุด!”
“สมาพันธ์โม่ไห่จงเจริญ!”
“สำนักแก้วหลากสีจะต้องชนะ!”
เหล่าผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายต่างก็ตะโกนออกมาอย่างสุดกำลัง ซึ่งเหล่ายอดฝีมือของจวนเจ้าเมืองนั้นก็ไม่ได้คิดจะออกมาห้ามปรามแต่อย่างใด แต่สีหน้าของพวกเขานั้นกลับกระวนกระวายขึ้นมาอย่างมาก และคอยจับตาดูเหล่าผู้ชมที่คิดจะก่อความวุ่นวาย
ที่บนเวที เย่เย่กับหม่าเจาก็ได้ยืนประจันหน้ากัน ซึ่งทั้งคู่นั้นต่างก็รอคอยเวลานี้มานานมากแล้ว และพวกเขานั้นก็ไม่คิดที่จะถอยแต่อย่างใดในตอนที่เผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะไม่รู้ว่าหม่าเจานั้นไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เขาก็สามารถที่จะเอาชนะและปราบหม่าเจาได้อย่างอยู่หมัดอย่างยุติธรรมนั้น คือผลลัพธ์ที่สิ่งที่เขาอยากจะเห็น ดังนั้นหลังจากที่ความวุ่นวายในลานกว้างนั้นสงบลงไป เย่เย่ก็ได้ทำท่าทางท้าทายหม่าเจาทันที เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายนั้นเปิดฉากโจมตีตัวเองก่อนได้เลย
แต่ทว่าหม่าเจานั้นกลับยังไม่ลงมือโจมตีเย่เย่ทันที แต่กลับหันหน้ามองไปยังเหล่าผู้ชมที่อยู่รอบๆลานกว้าง แล้วจากนั้นก็ได้หันมามองเย่เย่แล้วถาม “ท่านเจ้าเมืองจะไม่ประกาศสิ่งที่พวกเราเดิมพันกันเอาไว้ให้คนอื่นได้รับรู้หน่อยเหรอ? ท่านจะทำเช่นไรถ้าหากว่าข้าแพ้แล้วและไม่ยอมทำตามที่ตกลงกันเอาไว้ขึ้นมา”
เย่เย่ก็ได้ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและตอบหม่าเจากลับไป “ว่ากันตามตรงเลยนะ เป็นเพราะพวกเขานั้นต่างก็รู้ถึงสิ่งที่พวกเราได้เดิมพันกันเอาไว้ จึงได้มีผู้คนมากมายมาที่ลานกว้างในวันนี้ และแน่นอนว่าข้าเชื่อว่าเจ้าไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้แน่!”
ในขณะที่เย่เย่พูด เขาก็ได้หันไปมองที่จงเจิ้งหมิงที่กำลังนั่งอยู่ที่เดิม เป็นการขู่อย่างชัดแจ้งในตัว
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หม่าเจาก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ราวกับว่าเขากำลังจะหนีความจริง และกล่าวกับเย่เย่ อย่างจริงจัง “ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไร ข้าก็ขอชื่นชมในวิธีการของท่านเจ้าเมืองจริงๆ และหวังว่าจะไม่รู้สึกเสียดายทีหลังกับศึกในวันนี้!”
“เช่นกัน!”
แล้วเย่เย่เองก็ได้ทำมือคารวะให้หม่าเจา แล้วดวงตาของเขาก็ได้เคร่งขรึมขึ้นมาอย่างมาก เพราะตัวเขารู้สึกได้ถึงความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีก่อนจากคำพูดของหม่าเจา ราวกับว่าตัวเขานั้นมีแผนที่อยู่ในใจเป็นเวลานานแล้ว และหากถูกเปิดเผยออกมาเมื่อใดก็จะทำให้โลกเกิดความตกตะลึงย่างแน่นอน
หลังจากที่หม่าเจากล่าวกับเย่เย่จบ ก็ได้ไม่รอช้าเสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงกับเย่เย่ต่อ และได้กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปหาเย่เย่อย่างรวดเร็ว
ตูม!
ราวกับมีฟ้าผ่าลงที่ลานกว้าง ผู้คนที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าระดับเทพอสูรนั้นก็ยากที่จะมองเห็นร่างของหม่าเจาได้ พวกเขาเห็นแค่หม่าเจานั้นปรากฏตัวตรงหน้าของเย่เย่ในทันที และชกใส่เย่เย่ที่หน้าอย่างเต็มแรง
ใบหน้าของเย่เย่นั้นตั้งใจอย่างมากและไม่คิดที่จะประมาทอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่หม่าเจาต่อยมานั้น เขาเองก็ได้ต่อยสวนกลับไปและปะทะกับอีกฝ่ายอย่างซึ่งๆหน้า
ก็เป็นลูกบอลแสงที่มีขนาดมากกว่า 1 เมตรปรากฏขึ้นมาระหว่างทั้ง 2 คนในทันที และได้ขยายขนาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีขนาดมากกว่าคนตัวโตๆ แล้วจากนั้นก็ได้ระเบิดออกมาพร้อมกับเสียงที่ดังลั่น
ตูม!
เกิดเสียงที่สนั่นไปทั่วทั้งเมืองหลงเจียง และเหล่าคนดูบางคนที่มีวรยุทธ์ไม่สูงในลานกว้างนั้น แม้ว่าจะเอามืออุดหูเอาไว้ก็ยังปรากฏสีหน้าเจ็บปวดบนใบหน้าของพวกเขาอยู่ดี
เกิดพายุคลั่งขึ้นบนเวทีในทันที และในชั่วพริบตาก็ได้มีฝุ่นและควันฟุ้งไปทั่วทั้งลานกว้าง
เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่คิดจะอยู่ที่ด้านล่างของเวทีเพื่อรอชมการต่อสู้อย่างใกล้ชิดนั้นก็ต้องพากันรีบถอยออกมาอย่างหวาดกลัว และถอยออกไปที่ขอบของลานกว้างก่อนที่จะถูกซัดจนกระเด็นจากแรงระเบิดที่แผ่ออกมา
แม้แต่จงเจิ้งหมิงเองที่อยู่ในระดับสูงสุดราชันย์เทพแล้ว เมื่อเห็นผลแรงระเบิดที่เกิดจากการปะทะกันของทั้ง 2 คนแล้ว สีหน้าของเขาก็ได้เคร่งเครียดอย่างสุดๆขึ้นมา ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่อยากยอมรับแต่จงเจิ้งหมิงก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ว่าจะเย่เย่หรือหม่าเจาต่างก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเขามากนัก ในเวลานี้คนที่พอจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของหม่าเจาได้นั้นก็คงจะมีเพียงแค่เย่เย่คนเดียวเท่านั้น
ที่บนเวที หลังจากที่เย่เย่กับหม่าเจาได้ต่อยสวนกันไปแล้วนั้น ทั้งคู่ก็ได้ถอยออกมาพร้อมกันและมองไปที่อีกฝ่ายอย่างเยือกเย็น
“ท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ! แต่ถ้าหากว่าท่านอยากที่จะเอาชนะข้าแล้ว ลำพังความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ!”
แล้วหม่าเจาก็ได้จับจ้องไปที่เย่เย่ จากนั้นก็ได้เผยกระบวนท่าของเขา“ไฟแหวกคลื่น”ออกมาโจมตีใส่เย่เย่
ในขณะที่หม่าเจาพุ่งตัวไปชกเย่เย่อีกหน ร่างของเขาก็เหมือนกลับกลายเป็นเทพแห่งไฟ และคลื่นไฟก็ได้แผ่ไปยังเย่เย่ทันที
ตูม!
ความร้อนอันน่ากลัวที่แผ่ออกมานี้ก็ได้ทำให้พื้นเวทีได้อ่อนตัวลงในทันทีและเหมือนกับกำลังจะละลายกลายเป็นลาวาและแยกออกจากกันทันที
ไม่เห็นเช่นนี้แล้วเย่เย่เองก็ได้เผยกระบวนท่าทะเลสวรรค์กำเนิดน้ำของเขาออกมาอย่างสุดกำลังโจมตีใส่หม่าเจาเช่นกัน
แล้วลูกบอลน้ำขนาดเท่าหัวคนก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาใน ฝ่ามือของเย่เย่ในทันที และเมื่อถูกกับฝ่ามือของเย่เย่แล้ว ลูกบอลน้ำนั้นก็ได้กลายเป็นคลื่นน้ำโถมเข้าใส่หม่าเจา!
ตูมมมม!
แล้วพอหมัดกับฝ่ามือปะทะกัน ทั้งเย่เย่และหม่าเจาต่างก็ถูกพลังผลักจนต้องถอยพลังออกมา
แต่ทว่าทะเลสวรรค์กำเนิดน้ำของเย่เย่นั้นก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งไฟแหวกคลื่นได้ แล้วคลื่นน้ำที่กลายร่างมาจากดาราธาตุน้ำที่ควรจะยังอยู่อีกสักพักนั้น ก็ยังต้องได้ระเหยกลายเป็นไอน้ำเพราะความร้อนของไฟนี้ และพลังไฟที่น่ากลัวนี้ก็ยังคืบคลานเข้าหาเย่เย่อย่างต่อเนื่อง
ในชั่วขณะคับขันนี้ เย่เย่ก็ได้ไม่รอช้าและดึงเอาพลังวิญญาณมังกรในร่างของเขาออกมาต่อยเข้าใส่พลังไฟนี้ก่อนที่จะมาถึงตัวเขา!
ฟู่!
มีลมกรรโชกพัดออกมาจากหมัดของเย่เย่ พัดเป่าพลังไฟที่อยู่ตรงหน้าเย่เย่ออกไป ไม่เพียงแค่นั้น แต่เย่เย่ก็ได้ดึงเอาพลังปราณมังกรไปไว้ที่แขนขวาในตอนที่ลูกไฟกำลังจะหายไป เพื่อต่อยใส่หม่าเจาที่กำลังไร้การป้องกันอยู่ตรงหน้าเขานี้
ซู่ม!
หมัดนี้ก็ว่าทรงพลังแล้วแต่ความเร็วนั้นก็เร็วอย่างมากจนสายตาของยอดฝีมือระดับจอมเทพก็ไม่อาจที่จะมองได้ทัน ราวกับพุ่งผ่านมิติได้ ในตอนที่หมัดของเย่เย่มาถึงหม่าเจาแล้ว มันก็สายเกินไปแล้วสำหรับเขาที่จะหลบหนีหรือต่อต้าน
เปรี้ยง!
โดยไม่มีการรีรอ หม่าเจาก็ได้ถูกเย่เย่ชกจนกระเด็นออกมา และในขณะที่ร่างของเขากำลังกระเด็นลอยไปในอากาศนั้น ก็ได้กระอักเลือดออกมาคำโตและมีใบหน้าที่ซีดเผือด
แต่ในขณะที่หม่าเจากำลังจะกระเด็นออกจากเวทีอยู่นั้นเอง เขาที่ตั้งสติได้ ก็ได้ฝืนกลับตัวกลางอากาศและซัดลงไปที่พื้นด้วยฝ่ามือ
ตูม!
เกิดเป็นแรงสะท้อนขึ้นมาจากแรงลมกรรโชกทำให้ร่างของหม่าเจาลอยขึ้นสูงอีกหน และกลับขึ้นมาบนเวทีได้ทันทีและมายืนอยู่ตรงหน้าของเย่เย่อีกหน
เย่เย่นั้นก็ไม่ได้โจมตีใส่หม่าเจาในทันทีก่อนที่เขาจะได้ยืนอย่างมั่นคง ในเมื่อเขาต้องการที่จะให้หม่าเจาเข้าร่วมกับทางสมาพันธ์โม่ไห่แล้ว ก็แน่นอนว่าเขาต้องการที่จะเอาชนะเขาเพื่อให้ยอมรับจากหัวใจให้ได้
หม่าเจาเองก็รู้สึกขอบคุณในความอดทนของเย่เย่ แต่ทว่าเขานั้นไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้แต่อย่างใด
หลังจากที่กลับมายืนบนเวทีแล้ว หม่าเจาก็ได้จ้องมองไปที่เย่เย่อีกหน และจากนั้นก็ได้กล่าวกับเย่เย่อย่างตรงไปตรงมา “พลังของท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ แต่ลำพังแค่ข้าคนเดียวก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านจริงๆ!”
เย่เย่นั้นไม่เข้าใจในความหมายของสิ่งที่หม่าเจาพูด แต่เขาก็รู้ดีว่าหม่าเจานั้นคงยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่ จึงได้ตั้งใจฟังอย่างสงสัย
อย่างที่คิดหลังจากที่หม่าเจาพูดจบ น้ำเสียงของเขาก็ได้แข็งกร้าวขึ้นมาอีกหน และมองไปที่เย่เย่และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “แต่ท่านก็ไม่ควรที่จะยอมกับที่จะสู้กับข้าที่ลานกว้างของจวนเจ้าเมืองเลย เพราะว่าที่นี่นั้นอยู่ไม่ไกลจากแรดเขามังกร! เย่เย่วันนี้ท่านจะต้องแพ้อย่างแน่นอน!”
ทันทีที่เขาพูดจบ หม่าเจาก็ได้พุ่งเข้าไปหาเย่เย่อีกหน ต่างไปจากเมื่อก่อนในตอนที่หม่าเจาพุ่งเข้าไปหาเย่เย่นั้น ก็ได้มีแสงปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา ราวกับมังกรโลหิตกำลังคำรามอยู่ในดวงตาทั้ง 2 ข้างของเขา ซึ่งดูแล้วน่ากลัวอย่างมาก
เย่เย่ก็พลันรู้สึกได้ถึงหายนะขึ้นมาและรีบตั้งท่าป้องกันทันที
แต่ทว่าเขาก็ยังประมาทในพลังของไพ่ตายของหม่าเจามากเกินไป หลังจากที่หม่าเจ้าชกเขาอย่างสุดกำลังแล้ว เย่เย่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังในร่างของหม่าเจานั้นได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้เย่เย่ต้องกระเด็นตีลังกาในทันทีจนเกือบจะตกจากเวที
“มู่ว!”
แล้วในขณะเดียวกันแรดเขามังกรซึ่งควรจะหลับอยู่ที่สวนด้านหลังจวนเจ้าเมืองนั้น ก็ได้พลันร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด และดูเหมือนแผ่นป้ายสัตว์อสูรที่อยู่กับตัวของเย่เย่นั้นก็เหมือนจะใช้การไม่ได้แล้ว หลังจากที่แรดเขามังกรได้ฟื้นขึ้นมาก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง และเหมือนมีมังกรโลหิตอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของมันเช่นกัน และพลังคุกคามของมันนั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างสุดๆ
แต่ทว่าก่อนที่แรดเขามังกรจะได้ทำลายจวนเจ้าเมืองนั้น ร่างของมันก็ได้ระเบิดออกและกลายเป็นละอองเลือด!
แล้วละอองเลือดนี้ทั้งหนาแน่นและน่ากลัว และส่งกลิ่นเหม็นคาวที่รุนแรงและน่าขยะแขยงออกมา
แต่ทว่าที่น่ากลัวที่สุดคือละอองเลือดนี้เหมือนกับมีชีวิตและได้พุ่งขึ้นไปในอากาศจนกระทั่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ที่บนเวทีของจวนเจ้าเมืองนั้น เย่เย่ที่ยังไปหายตกใจกับร่างของหม่าเจา ก็ได้มีลำแสงสีเลือดทะยานลงมาจากฟ้าและเข้าห้อมล้อมร่างของหม่าเจาทันที
เย่เย่ที่มองดูอย่างใกล้ๆก็พบว่าลำแสงสีเลือดนี้เดิมทีมันคือละอองเลือด และกลิ่นของมันที่แผ่ออกมานี้ก็ได้ทำให้เย่เย่รู้สึกหวาดกลัว
ทันใดนั้นเองหลังจากที่ละอองเลือดที่ห้อมล้อมร่างของหม่าเจานั้นก็ได้ไหลเข้าไปในร่างของหม่าเจา และทำให้พลังปราณในร่างของหม่าเจานั้นเพิ่มขึ้นสูงอย่างสุดๆ และทรงพลังในชนิดที่เย่เย่ยังต้องรู้สึกกลัว!
“นี่มันความแข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ!”
หลังจากที่เห็นเช่นนี้แล้ว เย่เย่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าหม่าเจานั้นได้บรรลุขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิเทพแล้วโดยใช้วิธีการพิเศษเพื่อกลายเป็นจักรพรรดิเทพที่แท้จริงได้
ในเวลานี้ทั่วทั้งเมืองหลงเจียงนั้นต่างก็ถูกห้อมล้อมด้วยพลังกดดันที่ทรงพลังของหม่าเจา ซึ่งไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่มีวรยุทธ์ไม่สูงเลย แม้แต่ตัวเย่เย่กับจงเจิ้งหมิงเองที่อยู่ในระดับสูงสุดราชันย์เทพนั้นก็ยังรู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่ค่อยออก แล้วสายตาก็ได้จับจ้องไปที่หม่าเจาด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดๆ
ซู่ม!
จงเจิ้งหมิงที่มองดูอยู่ห่างๆนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป รีบเหาะลงมาบนเวทีเพื่อมาหาเย่เย่แล้วกล่าวกับเย่เย่อย่างจริงจัง “นี่ไม่ใช่เวลามาประลองยุทธ์อีกต่อไปแล้ว พวกเราควรจะร่วมพลังกันในทันที เพื่อช่วยกันสังหารเจ้าสัตว์อสูรนี้อย่างสุดกำลัง!”
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เขาเองก็เข้าใจว่าการตัดสินใจของจงเจิ้งหมิงนั้นถูกต้องแล้ว ในเวลานี้ตัวเขาคือเจ้าเมืองของเมืองหลงเจียงแล้ว จึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องขัดกับวิธีทางของเขา หลังจากที่เย่เย่ลังเลอยู่นิดหน่อย เขาก็ได้ผงกหัวให้จงเจิ้งหมิงและตอบอย่างหนักแน่น “ได้!”