ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 415 ตัวเลือก
บทที่ 415
ตัวเลือก
หม่าเจาก็ได้ลุกจากโต๊ะหินอ่อน และหายเข้าไปในมุมมืดของบ้านหลังนั้น ราวกับว่าตัวเขานั้นเคยชินกับการอยู่ในความมืดมิด
พวกเซียวหลิงนั้นก็ได้รู้สึกขอบคุณหม่าเจามาก หลังจากที่ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว พวกเขาก็ได้หันกลับมาแล้วก้มหัวไปยังทิศทางที่ที่หม่าเจาหายไป จากนั้นพวกเขาก็ได้หันหลังกลับไปแล้วเตรียมตัวที่จะกลับไปยังบ้านของพวกเขา
แต่ในขณะที่พวกเซียวหลิงกำลังจะจากไปนั้น ศิษย์สำนักแก้วหลากสีทั้ง 2 คนที่พาพวกเขาออกมานั้นก็ได้มาขวางพวกเขาเอาไว้
“ในอีกสองวันหลังจากนี้จะเป็นช่วงสำคัญของการฝึกวิชาของศิษย์พี่หม่าเจา พวกเจ้า 4 ตระกูลใหญ่จะต้องส่งยอดฝีมือระดับจอมเทพของพวกเจ้ามา 2 คนเพื่อคอยปกป้องศิษย์พี่หม่าเจาด้วย ป้องกันไม่ให้มีใครทะเล่อทะล่าเข้ามารบกวนการฝึกวิชาของศิษย์พี่หม่าเจา!”
ศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อพานโส่วก็ได้มาหยุดพวกเซียวหลิงเอาไว้ และออกคำสั่งกับพวกเซียวหลิงด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่งทันที น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความคุกคามและเด็ดขาดห้ามสงสัย
เมื่อเซียวหลิง, หวังอวิ๋นและพรรคพวกได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ได้ปรากฏความลำบากใจขึ้นมาทันที
หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ เซียวหลิงก็ได้ตอบ พานโส่วไปอย่างลำบากใจ “เรียกคุณชาย ในเวลานี้มียอดฝีมือระดับจอมเทพอยู่ไม่มากนักใน 4 ตระกูลใหญ่! หลังจากที่ถูกส่งออกไปตามคำสั่งของเย่เย่แล้ว คนที่เหลืออยู่ก็จะถูกส่งไปที่ป่าดินแดงเพื่อไปปลุกแรดเขามังกรของคุณชายหม่าเจา ในเวลานี้ไม่มีคนเหลืออยู่เลยจริงๆ!”
เซียวหลิงได้วางแผนเอาไว้ในใจถึงวิธีการเชิญเย่เย่มาที่บ้านสกุลเซียวในอีก 2 วันให้หลัง โดยที่เขาตั้งใจที่จะไปเชิญเย่เย่มาที่บ้านสกุลเซียวโดยตรงในนามของ 4 ตระกูลใหญ่ เพื่อรายงานเย่เย่ถึงการเตรียมงานประลองยุทธ์และในขณะเดียวกันก็ทำทีจัดงานรับขวัญล้างฝุ่นให้กับเย่เย่ที่เดินทางมายัง เมืองหลงเจียงเพิ่มไปด้วย
ดังนั้นแล้วในอีก 2 วันให้หลังนั้น ผู้นำของทั้ง 4 ตระกูลจะต้องอยู่ตลอด และเซียวหลิงก็จะให้ยอดฝีมือที่เขาไว้ใจ ไปยังป่าดินแดงเพื่อปลุกแรดเขามังกร แต่ในเวลานี้พานโซ่วกับขอให้ 4 ตระกูลใหญ่ส่งยอดฝีมือในระดับจอมเทพให้มาคอยคุ้มกัน หม่าเจา ซึ่งได้ทำให้เซียวหลิงนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันที
หากว่าเขาทำตามคำสั่งของพานโส่วและส่งยอดฝีมือจอมเทพมาคอยปกป้องหม่าเจาแล้ว กำลังคนที่จะไปยังป่าดินแดงนั้นก็จะสูญเสียกำลังพลทันที ถึงแม้เซียวหลิงนั้นจะไม่คิดว่าจะมีอันตรายอะไรในป่าดินแดง แต่หากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา แผนการลอบโจมตีเย่เย่ของพวกเขาก็จะพังพินาศแน่นอน ดังนั้นเซียวหลิงจึงไม่ยอมที่จะเสี่ยงเด็ดขาด
เมื่อเห็นสีหน้าของเซียวหลิงแล้ว พานโส่วก็พอจะเดาได้คร่าวๆว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงได้ทำเสียงที่จมูกแล้วมองไปที่ เซียวหลิงและกล่าวอย่างดุดัน “หึ! คนที่สำคัญที่สุดในแผนการนี้ก็คือศิษย์พี่หม่าเจา ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างที่เขากำลังฝึกวิชาพวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวเหรอ? แล้วยิ่งไปกว่านั้นก็มีสัตว์อสูรอยู่น้อยมากในป่าดินแดง แต่ถึงกับต้องส่งยอดฝีมือระดับจอมเทพเข้าไปในป่านั้นมันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ? เจ้าไปเอาความคิดไร้สาระเช่นนี้มาจากไหน?”
พานโส่วกับศิษย์อีกคนของสำนักแก้วหลากสีนั้นมีท่าทีอวดดีอย่างสุดๆ และพวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่อยากช่วยหม่าเจาทำแผนการของเขาให้สำเร็จเลย
ถึงแม้ว่าเซียวหลิงกับพรรคพวกนั้นจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักแก้วหลากสี แต่พวกเขาก็ทำได้แค่กัดฟันและยอมทำตามคำขอของอีกฝ่าย และสัญญาว่าจะส่งยอดฝีมือระดับจอมเทพมา 2 คนให้คอยปกป้องหม่าเจาทันทีที่เขากลับไปที่บ้านแล้ว
จางเทียนอวี่ที่อยู่ข้างๆนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าเขาคิดอะไรบางอย่างออกได้ และจ้องมองไปที่พวกพานโส่ว แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วกลับไปที่บ้านสกุลเซียวพร้อมกับเซียวหลิงและคนอื่นๆอย่างเงียบๆ
แล้วผู้นำตระกูลทั้ง 4 ก็ได้หารือกันถึงแผนการ และได้ตัดสินใจว่าจะให้เซียวอวิ่นยอดฝีมือระดับจอมเทพคนหนึ่งของตระกูลเซียวไปยังป่าดินแดงเพื่อปลุกพาหนะของหม่าเจา“แรดเขามังกร” แต่ทว่าจางเทียนอวี่ก็ได้คัดค้านขึ้นมาก่อน แล้วก็ได้เสนอความคิดเห็นกับพวกเซียวหลิง “ท่านผู้นำตระกูลทั้ง 4 ในด้านของวรยุทธ์แล้ว ข้าจางเทียนอวี่นั้นห่างจากระดับราชันย์เทพเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! และในด้านความสามารถแล้วข้าเชื่อว่าตัวข้านั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกท่านทั้ง 4 เลย! ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่พวกท่านทั้ง 4 หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ แน่นอนว่าข้า จางเทียนอวี่คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะไปที่ป่าดินแดง ท่านมอบหน้าที่อันสำคัญเช่นนี้ให้กับข้ารับใช้คนเดียวได้อย่างไร?”
ทันทีที่สิ้นเสียงเซียวหลิงก็ได้คิ้วขมวดและอธิบายให้ จางเทียนอวี่ฟัง “เซียวอวิ่นไม่ใช่ข้ารับใช้ของตระกูลเซียว แต่เขาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือระดับจอมเทพเพียงไม่กี่คนของตระกูลเซียว! สิ่งที่ท่านจางเทียนอวี่กล่าวมามันออกจะมากเกินไปหน่อยนะ!”
เซียวหลิงนั้นพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าจางเทียนอวี่นั้นจะต้องไม่พอใจ แต่เซียวหลิงเองก็รู้สึกไม่พอใจกับอีกฝ่ายเช่นกันที่บังอาจมาดูถูกคนของตระกูลเซียวเช่นนี้
แล้วไม่ใช่แค่เพียงเซียวหลิง แต่หวังอวิ๋นกับคนอื่นๆเองต่างก็เห็นด้วยที่จะส่งเซียวอวิ่นไปที่ป่าดินแดงและต่างก็คิ้วขมวดอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของจางเทียนอวี่
“คุณชายจางเรื่องนี้ นี่เป็นการตัดสินใจร่วมกันของพวกเราทั้ง 4 ตระกูล ข้าจึงอยากให้ท่านเคารพการตัดสินใจของพวกเราบ้าง”
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะเห็นด้วยที่จะร่วมมือกับคุณชายจาง แต่อย่างไรเสียที่นี่ก็คือเมืองหลงเจียง ข้าจึงหวังว่าคุณชายจางจะเข้าใจด้วย”
“ท่านไม่จำเป็นต้องกระวนกระวายขนาดนั้น ข้าเข้าใจดีว่าคุณชายจางนั้นอยากที่จะช่วยและไม่ได้มีความคิดเป็นอื่น แต่เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณชายจางหรอก พวกเรา 4 ตระกูลใหญ่สามารถจัดการเรื่องนี้เองได้!”
พวกเขาต่างก็แสดงท่าทีด้วยเสียงดัง และไม่อยากที่จะขัดแย้งกับจางเทียนอวี่ไปตรงๆหรือว่าเชื่อใจจางเทียนอวี่มากจนเกินไป และมอบแผ่นป้ายสัตว์อสูรให้กับจางเทียนอวี่ได้
ถึงแม้ว่าเซียวหลิงกับพรรคพวกนั้นจะยอมรับ จางเทียนอวี่ให้มาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็ตามที แต่ความหวาดระแวงอีกฝ่ายก็ยังจำเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเซียวหลิงหรือคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็ไม่ต้องการให้จางเทียนอวี่นั้นกุมส่วนสำคัญของแผนการนี้ง่ายๆ ในเวลานี้เซียวหลิงกับพรรคพวกจึงได้กันจางเทียนอวี่ออกไปตั้งแต่แรก จากการเป็นตัวเลือกผู้ที่จะไปที่ป่าดินแดง ในเวลานี้พวกเขานั้นไม่คิดที่จะยินยอมให้เขาง่ายๆท่ามกลางสีหน้าที่ไม่พอใจของจางเทียนอวี่
แล้วจางเทียนอวี่ก็ได้ปรากฏสายตาที่หนาวเย็นออกมาจากในดวงตาของเขา แต่ก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวกับเซียวหลิงและพรรคพวก “ก็ได้! ในเมื่อพวกท่านตัดสินใจกันแล้ว ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก! แต่ถ้าหากคนที่พวกท่านไว้ใจมันพึ่งพาไม่ได้และทำให้แผนการล้มเหลวแล้ว ก็อย่าโทษข้าที่บอกความจริงต่อหน้าคุณชายหม่าเจาก็แล้วกัน!”
จางเทียนอวี่นั้นมองเห็นความระแวดระวังที่มีต่อเขาของเซียวหลิงกับพรรคพวกอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าเรื่องนี้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาเอาไว้แล้ว ดังนั้นจากเทียนอวี่จึงได้เลิกเร้าหรือพวกเขา และแสดงท่าทีของเขาต่อเซียวหลิงและพรรคพวกด้วยคำพูดที่จริงจัง
“ไม่ต้องเป็นห่วงคุณชายจง เซียวอวิ่นคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเรา 4 ตระกูลใหญ่แล้ว ความสามารถในการจัดการของเขานั้นไม่ทำให้คุณชายจงผิดหวังอย่างแน่นอน! ก่อนที่เย่เย่จะเดินทางมาที่นี่ ต้องขอรบกวนคุณชายชางให้ส่งคนของท่านคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวในจวนเจ้าเมืองต่อไปที หากว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าหวังว่าคุณชายจงจะมาแจ้งพวกเราทั้ง 4 ได้ทันการ!”
เซียวหลิงก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่และแสดงถึงความเชื่อใจของเขาในตัวเซียวอวิ่นกับจางเทียนอวี่ และในขณะเดียวกันก็ได้แสดงออกว่าทั้ง 4 ตระกูลใหญ่นั้นยังต้องการจางเทียนอวี่อยู่ ซึ่งได้ทำให้ใบหน้าของจางเทียนอวี่เผยความพึงพอใจออกมา
และในตอนที่พวกเขาบรรลุข้อตกลงกันได้นั้น พวกเขาก็ได้แยกย้ายไปจัดการเตรียมสำหรับการต่อสู้ในอีก 2 วันให้หลัง
และตามคำสั่งพานโส่ว 4 ตระกูลใหญ่เซียว, หวัง, เฉิน, หลี่ก็ได้ส่งยอดฝีมือระดับจอมเทพมาที่บ้านของหม่าเจา 2 คนเพื่อคอยปกป้องเขา และในขณะเดียวกัน เซียงหลิงเองก็ได้ฝากฝังแผ่นป้ายสัตว์อสูรให้กับเซียวอวิ่นยอดฝีมือระดับจอมเทพของตระกูลเซียว
ถึงแม้ว่าแรดเขามังกรนั้นจะเป็นสัตว์อสูรอยู่ในระดับราชันย์เทพ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือที่ระดับเหนือกว่าราชันย์เทพขึ้นไปในการใช้แผ่นป้ายสัตว์อสูร เพียงแต่หากคนที่ใช้แผ่นป้ายสัตว์อสูรนั้นมีวรยุทธ์ต่ำกว่าราชันย์เทพแล้ว ก็จะไม่สามารถควบคุมแรดเขามังกรได้เต็มที่เหมือนกับยอดฝีมือราชันย์เทพ ซึ่งควบคุมได้อย่างมากก็แค่คำสั่งพื้นๆเท่านั้น
แต่ทว่าแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับภารกิจของเซียวอวิ่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้เริ่มใช้งานแผ่นป้ายอย่างสุดกำลังของเขาในทันที เพื่อเข้าควบคุมสัตว์อสูร แล้วก็ได้รีบมุ่งหน้าไปยังป่าดินแดงในทันทีหลังจากที่ทำสำเร็จ
ที่สำนักแก้วหลากสีบนภูเขาหลิวหลี หลังจากได้ที่รับข่าวแจ้งข่าวจากพานโส่ว ฮัวลั่วเฉิงก็ได้เผยสีหน้าประชดประชันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้กังวลเรื่องของแผนการของหม่าเจาในเมืองหลงเจียงแล้ว
ในฐานะที่เป็นศิษย์ของสำนักแก้วหลากสีแล้ว ฮัวลั่วเฉิงก็ได้เติบโตมาจากการฟังตำนานจองหม่าเจาตั้งแต่ตอนที่เขายังเยาว์วัย ถึงแม้ว่าตัวเขาในเวลานี้จะมาเป็นศิษย์เอกของสำนักแก้วหลากสีแทนหม่าเจาแล้ว แต่ความกลัวหม่าเจาในใจของฮัวลั่วเฉิงนั้นก็ไม่เคยหายไปเลย
จริงๆแล้วก่อนที่เจ้าสำนักซูเทียนอวี้จะส่งหม่าเจาไปที่เมืองหลงเจียงนั้น ฮัวลั่วเฉิงก็พอจะรู้ถึงแผนการของซูเทียนอวี้ผ่านสายตาของเขา ดังนั้นฮัวลั่วเฉิงจึงได้วางหมากเอาแล้ว โดยส่งพวกพานโส่ว 2 คน ได้อาสาไปเป็นลูกมือของหม่าเจา และให้ออกจากสำนักและมุ่งหน้าไปที่เมืองหลงเจียงด้วยกัน
ฮัวลั่วเฉิงที่ได้ขอให้พวกพานโส่วออกไปพร้อมกับหม่าเจานั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อให้เป็นมือขวาของหม่าเจา แต่ให้พวก พานโส่วนั้นไปสร้างปัญหาให้กับ 4 ตระกูลใหญ่หลังจากที่ หม่าเจาได้วางแผน เพื่อลดความเป็นไปได้ของแผนการของเขาที่จะทำสำเร็จ
ถึงแม้ว่าฮัวลั่วเฉิงจะไม่คิดว่าแผนการของเขาจะสำเร็จแต่แรกอยู่แล้วหลังจากที่ได้ทราบแผนของหม่าเจา แต่เพื่อเป็นการกันเอาไว้ก่อนเขาก็ได้สั่งให้พวกพานโส่วเข้าไปแก้ไข เพื่อที่หม่าเจาจะได้หมดโอกาสได้กลับมาที่สำนักและภัยต่อตำแหน่งของเขาในสำนักแก้วหลากสี
แต่หม่าเจาเองก็ไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกพานโส่วนั้นจะแอบสมรู้ร่วมคิดกับฮัวลั่วเฉิง แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อใจทั้งคู่มาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มอบแผ่นป้ายให้กับเซียวหลิงแทนที่จะให้พวกพานโส่วไปที่ป่าดินแดงเพื่อปลุกแรดเขามังกร
แต่หม่าเจานั้นก็ไม่คิดว่าพวกพานโส่วนั้นจะกล้าขัดคำสั่งของเจ้าสำนักซูเทียนอวี้และสร้างปัญหาให้กับเขา เดิมทีแผนการของเขาที่ใช้จัดการกับเย่เย่นั้นโอกาสสำเร็จสูงมาก แต่ในเวลานี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยสะสมไป ทำให้ผลสรุปของแผนการนี้ได้เกิดความโกลาหลขึ้น
ส่วนทางด้านของเย่เย่นั้นก็ได้รับจดหมายเชิญมาจากตระกูลเซียวในวันถัดมาหลังจากที่ถูกจางเทียนอวี่เรียกให้ไปพบ
ซึ่งเป็นอย่างเดียวกับที่จางเทียนอวี่ได้บอกเขาเอาไว้ และตระกูลเซียวก็ได้เชิญเย่เย่ไปที่บ้านสกุลเซียวในอีก 1 วันให้หลังในนามของ 4 ตระกูลใหญ่ เหตุผลก็เพื่อรายงานกับเขาเรื่องของความคืบหน้าในการเตรียมงานประลองยุทธ์และจัดงานเลี้ยงรับขวัญปัดฝุ่นให้กับเขา หลังจากที่เย่เย่ได้ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก็ได้ให้คนนำคำตอบไปส่งให้กับเซียวหลิงว่าเขายินดีที่จะไปที่งานเลี้ยงนั้นตามเวลา และแสดงความขอบคุณต่อพวกเซียวหลิงไปตามมารยาท
ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว เย่เย่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความผิดปกติอะไรราวกับว่าตัวเขานั้นไม่ได้สงสัยในตระกูลใหญ่ทั้ง 4 เลย
และเขาก็ยังคงประกาศเรื่องของงานประลองยุทธ์ในเมืองหลงเจียงที่กำลังจะมาถึงต่อไปอย่างแข็งขัน ให้เหล่าจอมยุทธ์ที่เดินทางมาหรือคนในเมืองหลงเจียงได้รับรู้ถึงวันเวลาและสถานที่ของงานประลองยุทธ์
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะไม่ได้ประกาศเรื่องของรางวัลผู้ชนะงานประลองยุทธ์ออกไปอย่างเป็นทางการ แต่เหล่าคนที่อยากเข้าร่วมงานประลองยุทธ์นี้ต่างก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังกับมัน เพราะดูจากทางจวนเจ้าเมืองที่ให้ความสำคัญกับงานประลองยุทธ์นี้
แล้วในคืนนั้นเย่เย่ก็ไม่ได้กลับไปยังที่พักของเขาเพื่อเริ่มฝึกวิชาหลังจากที่เสร็จงานเจ้าเมืองในวันหนึ่งๆแล้ว แต่ก็ได้ตามไปที่มุมหนึ่งของที่รกร้างในเมืองหลงเจียงอย่างเงียบๆ
และผู้ที่มาปรากฏตัวพร้อมกับเขาก็คือจูเฮยจื่อผู้ที่ฆ่าตัวตายต่อหน้าเย่เย่พลาดถึงสองหน และถูกควบคุมด้วยยันต์เชื่อฟังของเย่เย่ ในเวลานี้จูเฮยจื่อได้เดินตามเย่เย่ไปราวกับข้ารับใช้ของเขา ซึ่งไม่ว่าเย่เย่จะสั่งอะไร เขาก็ยินดีที่จะทำให้โดยไม่ลังเล ราวกับว่าตัวเขานั้นได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปแล้ว