ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 404 ความพึงพอใจ
บทที่ 404
ความพึงพอใจ
“มาเลย!”
เย่เย่ก็ได้ตะโกนบอกเปียนฉือโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วจากนั้นด้วยท่าทางเดียวกัน เย่เย่ก็ได้โจมตีสวนกลับอีกฝ่ายด้วยลูกเตะ
ตูม!
เย่เย่เตะเข้าไปที่น่องของเปียนฉือ ทำให้เปียนฉือเกิดเสียสมดุลในทันทีและจะหล่นลงพื้น
เย่เย่ก็ได้อาศัยจังหวะนี้ซัดเปียนฉือด้วยฝ่ามือทันที แล้วพลังปราณในอากาศโดยรอบก็ได้หลั่งไหลเข้ามาที่ฝ่ามือของเย่เย่ ทำให้พลังที่ฝ่ามือของเขานั้นก้าวข้ามขีดจำกัดของราชันย์เทพทั่วๆไปจะต้านทานได้
“ย๊าก!”
ในชั่วขณะวิกฤตินั้นเอง เปียนฉือก็ได้ตะโกนเสียงและทรงตัวอย่างรวดเร็ว แล้วในขณะเดียวกันก็ได้ซัดฝ่ามือสวนกลับไปที่เย่เย่
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมา เย่เย่ยังคงยืนนิ่งอยู่เฉย แต่ เปียนฉือกระเด็นออกไปไกลและมีใบหน้าซีดเผือด
ที่ตรงกลางระหว่างทั้ง 2 คนนั้น พื้นดินที่ราบเรียบเมื่อสักครู่ก็ได้เต็มไปด้วยหลุมด้วยบ่อ โดยเฉพาะหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ามือปะทะกันก็ได้เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมาจากตรงที่ทั้ง 2 คนปะทะกัน ราวกับมีสายฟ้าฟาดลง ณ ตรงนั้นซึ่งน่ากลัวยิ่งนัก
“ท่านรองเจ้าเมืองเย่ช่างเก่งกาจสมกับชื่อเสียงจริงๆ แต่ถ้าหากท่านคิดว่าเปียนฉือผู้นี้มีความสามารถเพียงแค่นี้แล้ว ท่านก็คงคิดผิดแล้ว!”
หลังจากที่เห็นพลังของเย่เย่แล้ว ก็ได้มีความตกใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเปียนฉือ แต่ทว่ามันกลับกระตุ้นให้เลือดของเขาเดือดพล่านมากกว่าเดิม และทำให้เปียนฉือนั้นมองไปที่ เย่เย่อย่างดุดันมากขึ้นไปอีก
หลังจากที่เขาพูดจบ เปียนฉือก็ได้ชักดาบตรงของเขาออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเย่เย่อีกหน แล้วหลังจากที่เขาเข้าไปหาเย่เย่แล้วก็ได้ฟาดฟันดาบของไปยังเย่เย่ทันที
ฟิ่ว!
ปราบดาบที่มองไม่เห็นก็ได้แผ่ออกมาจากดาบของ เปียนฉือแล้ว ทำให้เย่เย่ที่อยู่ใกล้กับดาบนั้นก็รู้สึกได้ถึงภัยที่ร้ายแรงอยู่เหนือหัวของเขาทันที
“ถอยไปซะ!”
แต่เย่เย่ก็ไม่ได้เลือกที่จะถอยหนีแต่กลับดึงเอาพลังปราณมังกรในร่างออกมาใช้แล้วใส่พลังปราณมังกรไปที่มือขวาของเขา จากนั้นก็กำหมัดแน่นแล้วซัดเข้าใส่ดาบของเปียนฉือ ตรงๆ
แก๊ง!
เกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันก็ได้ดังขึ้นมาจากทั้งสองคนนั้น หลังจากที่เย่เย่เข้าปะทะกับดาบของเปียนฉือแล้วเขาก็ได้รู้สึกชาไปทั้งมือ และรู้สึกเจ็บปวดอย่างสุดทนราวกับว่าตัวเขานั้นถูกฟันด้วยอาวุธวิเศษยังไงอย่างงั้น
ตูม!
เกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นที่ตรงกลาง และได้ทำให้ทั้งจิ้นอวี่และซ่างกวานจ้งทีอยู่ไม่ไกลต้องถอยออกมา และมองไปที่เย่เย่และเปียนฉือที่ยังอยู่ตรงพื้นที่ประลองด้วยดวงตาที่เคร่งเครียดอย่างสุดๆ
“ยังไม่จบแค่นี้หรอก รับกระบวนดาบของข้าไปชิมอีก!”
เปียนฉือนั้นไม่สนใจคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขา หลังจากที่เขาฟาดฟันใส่เย่เย่ด้วยดาบแล้ว ก็ได้มีความบ้าคลั่งปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา และทำการสะบัดดาบอย่างต่อเนื่องและฟาดฟันใส่เย่เย่อย่างไม่หยุดยั้ง
แก๊งๆๆๆๆ!
เกิดเป็นเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากตรงที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ซึ่งเย่เย่ก็ได้ถูกบังคับให้ต้อง เหวี่ยงหมัดของเขาเพื่อต้านรับการโจมตีของเปียนฉืออย่างต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่เขาปะทะเขาก็ได้รู้สึกว่าหมัดของเขานั้นกำลังกรีดร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังจะพังในชั่วขณะต่อไป ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีของเปียนฉือนั้นรุนแรงขนาดไหน”
“ข้ายอมรับว่าข้าประเมินเจ้าต่ำไปก่อนหน้านี้ แต่เรามาจบการประลองครั้งนี้กันเถอะ!”
แล้วในชั่วขณะนั้นเองใบหน้าของเย่เย่ก็ได้มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา หลังจากที่เขากล่าวกับเปียนฉือแล้ว เขาก็ได้ดึงเอาพลังปราณมังกรไปไว้ที่เท้า ตัวของเขาก็ได้หายไปจากตรงหน้าเปียนฉือในชั่วพริบตา
ฟิ่ว!
ราวกับหายตัวไป ความเร็วของเย่เย่ก็ได้ไปถึงขีดจำกัดที่เปียนฉือจะไล่ทันได้ เมื่อเขาเห็นเย่เย่ปรากฏตัวอีกหนก็ได้มาอยู่ข้างหลังของเปียนฉีและกำลังจะต่อยเขา
“ฝันไปเถอะ!”
เปียนฉือที่ดูเหมือนจะคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วนั้น ในชั่วขณะที่เย่เย่ปรากฏตัวออกมานั้น เขาก็ได้หันหน้าไปหาแล้วฟาดฟันใส่เย่เย่ด้วยดาบทันที
ฟิ่ว!
ดาบในมือของเขานั้นคมมาก และปราณดาบที่ถูกปล่อยออกมาก็ได้ทำให้พื้นดินตรงหน้าเขาก็ได้กลายเป็นร่องลึกในทันที
แต่ที่เปียนฉือตกใจคือ เย่เย่นั้นไม่ได้อยู่ในระยะโจมตีของเขาแล้ว เพราะในชั่วขณะที่เปียนฉือหันหลังกลับมา เย่เย่ก็ได้ใช้พลังปราณมังกรไปที่เท้าของเขาเพื่อย้ายตำแหน่งของเขาอีกที และได้หายไปจากมุมอับของสายตาเขาในทันทีราวกับผี
ในขณะที่เปียนฉือกำลังสงสัยอยู่นั้นเอง เย่เย่ก็ได้ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาอีกหนแล้วชกเข้าไปที่ตัวของเปียนฉือด้วยหมัด เปียนฉือที่หลบไปทันก็ทำได้แค่ต้านรับหมัดของเย่เย่ด้วยตัวของเขาเท่านั้น
ตูม!
แต่ทว่าหมัดของเย่เย่นั้นไม่ได้ดึงเอาพลังวิญญาณมังกรในร่างมาใช้ แต่ดึงเอาพลังปราณมังกรมาไว้ที่แขนของเขาอยู่ ทำให้พลังนั้นเหนือกว่าที่เปียนฉือคาดเอาไว้
ในขณะที่รับหมัดของเย่เย่นั้น เปียนฉือก็ได้กระเด็นออกไปและได้กระอักเลือดออกมากลางอากาศ
“อุ่ฟ!”
ใบหน้าของเขาซีดเผือดมาก ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสามารถทรงตัวเอาไว้ได้หลังจากที่ลงมายืนที่พื้นและหันหน้าไปจ้องมองเย่เย่ แต่ดวงตาของเปียนฉือก็ได้เต็มไปด้วยความกลัวเกรงในตอนที่เขามองไปที่เย่เย่
ในขณะที่เย่เย่กำลังคิดที่จะอาศัยโอกาสนี้เข้าไปปิดบัญชีและจัดการเปียนฉืออยู่นั้น เปียนฉือก็ได้พลันยกแขนขึ้นมาแล้วตะโกนบอกเย่เย่ทันที “พอแล้ว! ข้ายอมแพ้แล้ว!”
เย่เย่ก็ได้รีบหยุดเมื่อได้ยินเช่นนี้ และหันหน้าไปมองไปที่เปียนฉืออย่างสงสัย
มีรอยยิ้มฝืนๆปรากฏที่บนใบหน้าของเปียนฉือ และกล่าวยอมแพ้กับเย่เย่อย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อสักครู่ข้าได้ทุ่มพลังออกไปสุดตัวแล้ว ในขณะที่รองเจ้าเมืองเย่นั้นยังไม่ได้ใช้กระบวนท่าอันไร้เทียมทานของท่านเลย ถึงข้ายังจะพอสู้ต่อได้แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะท่านรองเจ้าเมืองเย่ได้อยู่ดี ข้าจึงเลือกขอยอมแพ้จะดีกว่า!”
เพราะในตอนที่จิ้นอวี่ได้พบกับเย่เย่นั้น
เย่เย่กำลังทำการฝึกกระบวนท่าทะเลสวรรค์กำเนิดน้ำในระดับสูงอยู่ และได้ใช้กระบวนท่านั้นระเบิดบึงฝนสีนิลจนกลายเป็นทะเลสาบเล็กๆไป ดังนั้นเปียนฉือจึงรู้อยู่ก่อนแล้วถึงความน่าทึ่งของกระบวนท่าของเย่เย่ เดิมทีเขานั้นคิดว่าการได้ประลองกับเย่เย่ในครั้งนี้จะทำให้เขาได้รับประสบการณ์เห็นถึงพลังกระบวนท่าของเย่เย่ด้วยตาตัวเอง แต่ทว่าสุดท้ายแล้วตัวเขานั้นก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะทำให้เย่เย่นั้นแสดงกระบวนท่านั้นออกมา!
แม้ว่าในใจของเปียนฉือนั้นจะเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ในขณะเดียวกันตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามในพลังของ เย่เย่ เขานั้นคิดว่าตัวเองนั้นเป็นถึงสุดยอดฝีมือในบรรดาระดับสูงสุดราชันย์เทพแล้ว แต่พลังของเย่เย่นั้นกลับเหนือกว่าที่เขาคิดเสียไปไกลมาก เปียนฉือจึงได้ไม่กล้าที่จะเรียกตัวเองเป็นสุดยอดฝีมือราชันย์เทพต่อหน้าเย่เย่อีก
“ความแข็งแกร่งของท่านประมุขหอนั้นก็ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว! มองหาจากทั่วทั้งละแวกริมชายฝั่งทะเลแล้ว คงมีอยู่จำนวนไม่มากนักที่จะสามารถเอาชนะท่านได้!”
หลังจากที่เปียนฉือได้ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว เย่เย่ก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะสู้ต่อทันที แล้วก็ได้เดินไปหาเปียนฉือและกล่าวปลอบเขา
ซ่างกวานจ้งกับจิ้นอวี่ที่อยู่ไม่ไกลนั้นต่างก็เป็นพยานของผลการต่อสู้นี้ด้วยตาของตัวเอง และได้เดินไปที่ด้านหน้าของทั้งคู่พร้อมกัน สีหน้าของจิ้นอวี่นั้นบอกไม่ถูกมาก และรู้สึกถึงความน่าเกรงขามของเย่เย่เช่นเดียวกับเปียนฉือ แล้วซ่างกวานจ้งก็ได้มีรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าของเขา แล้วเดินมาหาเปียนฉือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่การประลองยุทธ์กัน ท่านประมุขหอไม่จำเป็นต้องคิดมากนักหรอก แต่ท่านก็ได้เห็นในสิ่งที่ท่านอยากจะเห็นแล้ว ไม่ทราบว่าท่านประมุขหอคิดว่าเมืองโม่ไห่ของเรามีคุณสมบัติมากพอที่จะเดิมพันกับท่านแล้วหรือยัง?”
ซ่างกวานจ้งเองก็ตกใจกับพลังของเปียนฉือเมื่อสักครู่ และคิดว่าตัวของซ่างกวานจ้งเองก็ยังไม่ใช่คู่มือของเปียนฉือ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะเย่เย่ได้เลย ดังนั้นซ่างกวานจ้งนั้นจึงยังสามารถยิ้มอยู่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับเปียนฉือ และมีความประชดประชันแฝงอยู่ในขณะที่เขาพูด
เดิมทีเขาคิดว่าเปียนฉือกับจิ้นอวี่นั้นจะรู้สึกละอายใจที่ได้ยินเช่นนี้และขอโทษเย่เย่กับตัวเขาทันที แต่ซ่างกวานจ้งนั้นไม่คิดว่าหลังจากที่พวกเขาได้ลังเลอยู่สักพักหนึ่ง เปียนฉือก็ได้หันหน้ามาทางซ่างกวานจ้งกับเย่เย่ และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ท่านรองเจ้าเมืองเย่ช่างทรงพลังยิ่งนัก ข้าเปียนฉือนั้นยังห่างชั้นนัก! แต่ข้าเชื่อว่าหอสระมรกตนั้นจะยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกหลังจากที่เข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่ ดังนั้นข้าจึงขอให้ท่านเจ้าเมืองซ่างกวานกับท่านรองเจ้าเมืองเย่ได้โปรดยอมรับการสวามิภักดิ์จากข้าด้วย!”
หลังจากที่เปียนฉือได้ลงไปคุกเข่าลงต่อหน้าทั้งสองคน แสดงความยอมสวามิภักดิ์ต่อซ่างกวานจ้งตามพิธีรีตอง
เมื่อเห็นเช่นนี้จิ้นอวี่เองก็ได้ลงไปคุกเข่าลงข้างหนึ่งและขอยอมสวามิภักดิ์ต่อเมืองโม่ไห่เช่นเดียวกันกับเปียนฉือ
เย่เย่กับซ่างกวานจ้งนั้นต่างก็มีสีหน้าตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าเปียนฉือนั้นจะพึงพอใจง่ายๆหลังจากที่ได้สู้กับเย่เย่เช่นนี้ พวกเขานั้นยังไม่ได้วางเดิมพันกันเลย แต่กลับยอมรับในศักยภาพของเมืองโม่ไห่ และได้แสดงความสวามิภักดิ์ต่อทั้งสองคนทันที
หลังจากที่ซ่างกวานจ้งได้สติคืนมา เขาก็ได้รับประคองทั้งสองคนให้ลุกขึ้นด้วยความยินดีและกล่าวกับทั้งคู่อย่างจริงจัง “ถ้าหากว่าเมืองโม่ไห่ของพวกเราได้รับการสนับสนุนจากหอสระมรกตแล้ว ก็จะเปรียบเสมือนกับเสือติดปีกเลยทีเดียว ต่อจากนี้ไปก็จะไม่มีคู่แข่งที่ไหนในละแวกริมชายฝั่งทะเลอีกแล้ว! จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าทั้งสองคนจะเป็นคนของเมืองโม่ไห่ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อความรุ่งเรืองของเมืองโม่ไห่!”
“ท่านเจ้าเมืองได้โปรดจงวางใจ ต่อจากนี้ไปหอสระมรกตจะขอทำตามการชี้นำของเมืองโม่ไห่และจะไม่มีวันทรยศไปไหน!”
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของซ่างกวานจ้งแล้ว เปียนฉือก็ได้กล่าวคำสาบานอย่างจงรักภักดีต่อซ่างกวานจ้งและเย่เย่อีกหน แล้วจากนั้นก็ได้ดึงจิ้นอวี่ลุกขึ้นยืน
ทั้งสองฝ่ายก็ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว แล้วการพบกันครั้งนี้ก็ได้จบลงด้วยดี แต่ทว่าซ่างกวานจ้งนั้นยังไม่ได้คิดที่จะประกาศเรื่องที่หอสระมรกตนั้นได้ยอมเข้าสวามิภักดิ์ออกไปต่อโลกภายนอก และคิดที่จะเก็บซ่อนหอสระมรกตเอาไว้ในเงาเป็นไพ่ตายของเมืองโม่ไห่
ตัวเปียนฉือเองก็ไม่ยินดีที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชนมากเกินไปเช่นกัน ดังนั้นความคิดของซ่างกวานจ้งนั้นจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้กลับไปที่หอสระมรกตแล้วก็ได้กำหนดแผนการในอนาคตร่วมกัน แล้วเย่เย่กับซ่างกวานจ้งก็ได้กลับไปที่จวนเจ้าเมืองโม่ไห่ด้วยกัน
แล้วในคืนนั้นซ่างกวานจ้งก็ได้กลับไปยังห้องทำงานของตัวเองต่อ ในหัวของเขานั้นยังคงมีภาพของการต่อสู้ระหว่างเย่เย่กับเปียนฉืออยู่ในหัว ตัวเขานั้นตื้นตันใจอย่างมากและก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างมากเช่นกัน และพบความจริงที่ตัวเองนั้นก็ไม่อยากที่จะยอมรับ นั่นคือไม่ว่าตัวเขาจะพยายามมากสักแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่ตัวเขาจะย่นระยะห่างกับเย่เย่ได้เลย
ถึงแม้ว่าซ่างกวานจ้งนั้นจะไม่เคยมีความคิดที่อิจฉาหรือสงสัยในตัวของเย่เย่เลย แต่ทั้งศักยภาพและการพัฒนาของเย่เย่นั้นก็เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ไปไกลมาก ทำให้ซ่างกวานจ้งนั้นไม่มั่นใจว่าตัวเขาเองนั้นจะสามารถเหนี่ยวรั้งเย่เย่ไว้ในเมืองโม่ไห่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่ๆซ่างกวานจ้งก็เหมือนจะตัดสินใจได้ และได้บอกให้คนไปตามซ่างกวานอวี่มา และคิดที่จะขอให้ซ่างกวานอวี่นั้นช่วยอะไรเขาบางอย่างเสียหน่อย
“ท่านพ่อ เรียกหาลูกอยู่เหรอคะ?”
ไม่นานนักซ่างกวานอวี่ก็ได้มาที่ห้องทำงานของ ซ่างกวานจ้ง หลังจากที่ข้ารับใช้ในจวนเจ้าเมืองไปแจ้งนาง และถามซ่างกวานจ้งด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นเช่นนี้ซ่างกวานจ้งก็ได้มีสีหน้าลำบากใจขึ้นมา และรู้สึกยากที่จะบอกออกไป แต่แล้วเขาก็ได้ถามซ่างกวานอวี่ขึ้นมา “เสี่ยวอวี่เจ้าก็อยู่ในระดับสูงสุดจอมเทพมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ในเวลานี้เจ้ามั่นใจว่าจะบรรลุขึ้นระดับราชันย์เทพได้แล้วหรือยัง?”