ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 395 ปลอมตัว
บทที่ 395
ปลอมตัว
ในขณะที่เย่เย่กับเหยียนเสี่ยวเฟยกำลังช่วยกันเก็บกวาดความวุ่นวายในหอสระมรกตอยู่นั้น ห้องของเจ้าเมืองในจวนเจ้าเมืองชางลู่ที่อยู่ห่างไกลออกไป บรรยากาศของที่นั่นในเวลานี้นั้นต่างไปจากที่หอสระมรกตนัก
สวีโหย่วเทียนเจ้าเมืองชางลู่ พร้อมด้วยยอดฝีมือราชันย์เทพอีกสองคนอย่างจูเหลียนอวี่กับเนี่ยเหวินฟานต่างก็กำลังนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย ในเวลานี้พวกเขากำลังหารือกันโดยเฉพาะเรื่องของการลงมือจัดการกับสมาพันธ์โม่ไห่ของเมืองชางลู่ของพวกเขา
“เรียนท่านเจ้าเมือง แผนการของเราที่ให้คนปลอมตัวเป็นเย่เย่ไปปรากฏตัวที่เมืองชางลู่นั้นได้ผลดี อย่างน้อยๆก่อนที่เมืองโบราณใหญ่ๆในละแวกริมชายฝั่งทะเลนั้นจะรู้เรื่องนี้ อิทธิพลของเมืองชางลู่ของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นมาในระดับที่เป็นรองแค่สมาพันธ์โม่ไห่เท่านั้น!”
ในขณะที่รายงานต่อสวีโหย่วเทียน จูเลี่ยนอวี่ก็ได้เผยสีหน้ายินดีออกมาอย่างไม่ปิดบัง
เพราะผลของการเพิ่มอิทธิพลของเมืองชางลู่ของพวกเขานั้น ก็ได้ทำให้จำนวนของผู้ยอดยุทธ์ที่มาเข้าร่วมกับเมืองชางลู่นั้นจึงได้เพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าหากว่ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป จูเลี่ยนอวี่ก็เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานนักความแข็งแกร่งของเมืองชางลู่ของพวกเขานั้นสามารถไล่ตามสมาพันธ์โม่ไห่ได้ทันแน่ และกลายมาเป็นขุมกำลังเดียวในละแวกริมชายฝั่งทะเลที่ยังสามารถต่อกรกับสมาพันธ์โม่ไห่ได้
แล้วในเวลานี้เองที่สวีโหย่วเทียนก็ได้ยกแขนขึ้นมา ซึ่งเขาเองก็ได้คิดที่จะก่อตั้งสมาพันธ์หนึ่งขึ้นมาเพื่อต่อกรกับสมาพันธ์โม่ไห่เช่นกัน แล้วก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่เขาจะรวบรวมทั่วทั้งละแวกริมชายฝั่งทะเลนี้ให้กลายเป็นหนึ่งให้ได้
เนี่ยเหวินฟางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจูเลี่ยนอวี่นั้น ก็ได้เต็มไปได้ความคาดหวังถึงอนาคตของเมืองชางลู่ หลังจากที่ จูเลี่ยนอวี่กล่าวจบแล้วเขาก็ได้พลันกล่าวกับสวีโหย่วเทียนต่อทันที “แม้ว่าเจ้าเมืองใหญ่ๆในละแวกริมชายฝั่งทะเลนั้นพอที่จะรู้ถึงความลับเรื่องของยาแปลงโฉมอยู่บ้าง แต่ขอเพียงพวกเขาไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยัน พวกเราก็คงยังสามารถยืนกรานได้ว่าเย่เย่นั้นได้มาติดต่อกับพวกเราจริงๆ และด้วยวิธีนี้ชื่อเสียงของเมืองชางลู่ของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและความแตกแยกภายในสมาพันธ์โม่ไห่ก็จะยังคงดำเนินต่อไป”
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างก็พึงพอใจกับผลที่ออกมาของปฏิบัติการนี้ คำพูดของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม สวีโหย่วเทียนที่เป็นคนต้นคิดแผนการนี้
แต่สวีโหย่วเทียนที่เป็นเจ้าเมืองชางลู่นั้นกลับไม่ได้มีสีหน้ายินดีออกมาแต่อย่างใด หลังจากที่ได้ยินที่ทั้งสองคนพูดแล้วเขากลับไม่ได้แสดงความเห็นอะไรออกมา กลับกันเขาได้ถามทั้งคู่กลับไปอย่างสงสัย “พวกเจ้าบอกว่าเย่เย่นั้นออกจากเมืองโม่ไห่ไปถึงสองครั้ง แล้วเขาไปที่ไหนกัน? ข้าไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่หากว่าข้ายังไม่รู้ที่อยู่ของเย่เย่เช่นนี้มันทำให้ข้ารู้สึกเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมาในใจข้า”
ถึงแม้สวีโหย่วเทียนนั้นจะรู้ว่าเย่เย่ได้ออกมาจาก เมืองโม่ไห่ผ่านทางสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองโม่ไห่ แต่ทว่าแม้แต่สายลับของเมืองชางลู่ที่อยู่ในเมืองโม่ไห่เองก็ยังไม่รู้ว่าหลังจากที่เย่เย่ออกจากเมืองโม่ไห่ไปแล้วหายไปอยู่ที่ไหน
เดิมทีสวีโหย่วเทียนนั้นคิดว่าเย่เย่อาจจะรู้เรื่องที่ใครปลอมตัวเป็นเขามาปรากฏตัวในเมืองชางลู่ และเสี่ยงชีวิตมาที่เมืองชางลู่ด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่หลายวันผ่านไปเย่เย่ก็ยังหายตัวไป ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้สวีโหย่วเทียนที่ได้วางกับดักรอเขาเอาไว้อยู่แล้วนั้นรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา อย่างไรเสียหากเทียบกับการหลอกลวงเพื่อให้ได้ชื่อเสียงมาในระยะเวลาสั้นๆแล้ว เขานั้นต้องการที่จะสังหารเย่เย่เสียเพื่อที่ชื่อเสียงของเมืองชางลู่นั้นจะได้ขจรขจายไปทั่วทั้งละแวกริมชายฝั่งทะเลนี้
จูเลี่ยนอวี่ที่เห็นว่าสวีโหย่วเทียนกำลังวิตกกังวลอยู่นั้น ก็ได้กล่าวปลอบเขาในทันที “ท่านเจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก สายลับของพวกเราในเมืองโม่ไห่นั้นก็บอกมาแล้วไม่ใช่เหรอว่าเย่เย่นั้นได้ออกจากเมืองไปเพื่อไปฝึกวิชา ถ้าหากว่าเขาเก็บตัวเพื่อฝึกวิชาอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้ว ก็เป็นปกติที่เขาย่อมจะไม่รู้เหตุการณ์โลกภายนอก ซึ่งการที่เมืองชางลู่ของพวกเราก็ได้ประสบความสำเร็จดี อย่างน้อยๆเมืองโบราณรอบๆนั้นก็ไม่กล้าคิดที่จะสู้กับพวกเราอีกต่อไป
“ใช่แล้ว! และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะท่านเจ้าเมือง ข้าเชื่อว่าอดีตท่านเจ้าเมืองที่อยู่บนสรวงสวรรค์คงจะรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”
เนี่ยเหวินฟานที่อยู่ข้างๆก็ได้กล่าวอย่างเห็นพ้องกับคำพูดของจูเลี่ยนอวี่และรีบกล่าวชมสวีโหย่วเทียน ราวกับว่าต้องการให้สวีโหย่วเทียนนั้นรู้สึกดีขึ้นโดยพลัน
ถึงแม้ทั้งสองคนนี้จะเคยดูหมิ่นสวีโหย่วเทียนมาก่อนในตอนที่เขาเพิ่งขึ้นมาคุมบังเหียนเจ้าเมือง แต่ในเวลานี้พวกเขานั้นเห็นสวีโหย่วเทียนนั้นเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของเมืองชางลู่จริงๆแล้ว และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะเห็น สวีโหย่วเทียนต้องรู้สึกหดหู่เพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงจากทั้งสองคนแล้ว สวีโหย่วเทียนก็ได้ฝืนยิ้มออกมา
ก่อนหน้านี้เพราะเขานั้นอายุห่างจากเย่เย่ไม่มากนัก สวีโหย่วเทียนจึงได้เห็นเย่เย่นั้นเป็นเหมือนกับศัตรูคู่อาฆาตของเขามาโดยตลอด และมุ่งมั่นอย่างมากที่จะจัดการกับเย่เย่เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามที่อันตราย
แต่ในเมื่อสิ่งต่างๆนั้นเริ่มไม่เป็นไปตามที่เขาคิดแล้ว สวีโหย่วเทียนก็ได้หยุดดื้อรั้นและเริ่มมองดูสถานการณ์โดยรวมของละแวกริมชายฝั่งทะเล และได้ทำการหารือกับจูเลี่ยนอวี่และเนี่ยเหวินฟานต่อเพื่อคิดหาแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปของเมืองชางลู่
อีกทางด้านหนึ่ง ในวันหลังจากที่เย่เย่ได้ทำการสังหารหวงต้าไห่และเยี่ยนเจิ่น ก็ได้มีชายหนุ่มอ้วนรีบวิ่งเข้ามาในจวนเจ้าเมืองในเมืองหยวนฟาง
ถ้าหากมีคนที่รู้ว่าหวงต้าไห่ได้ตายไปแล้วเพราะถูกเย่เย่สังหารนั้นมาเห็นชายหนุ่มคนนี้เขา เขาก็คงจะคิดว่าเห็นผีอย่างแน่นอน เพราะชายหนุ่มที่บุกเข้ามาในจวนเจ้าเมืองนี้มีรูปพรรณสัณฐานเหมือนกับหวงต้าไห่มาก
“ท่านพ่อ ท่านพ่อช่วยข้าด้วย! ลูกชายของท่านกำลังจะถูกฆ่า ท่านเป็นห่วงกันบ้างไหม?”
ทันทีที่ชายหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนหวงต้าไห่นั้นบกเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของจวนเจ้าเมืองแล้ว ก็ได้ร้องตะโกนด้วยความเศร้าโศก ทำให้ทั่วทั้งจวนเจ้าเมืองนั้นเกิดความวุ่นวาย
“เกิดอะไรขึ้น? ใครปล่อยให้เจ้าเข้ามาข้างใน?”
หลังจากที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มแล้ว คนที่ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเขาก่อนใครนั้นไม่ใช่หวงเทา แต่เป็นหญิงวัยกลางคนที่อายุน่าจะสัก 40 ออกมาแทน
เมื่อหญิงสาววัยกลางคนเห็นชายหนุ่ม สีหน้าของนางก็ได้เต็มไปด้วยความรังเกียจ และนางก็ได้คิดที่จะขับไล่เขาออกไปในทันที ราวกับว่านางนั้นไม่สนใจว่าชายหนุ่มนั้นจะเป็นหรือตาย แต่ในตอนที่นางเห็นชายหนุ่มมีสีหน้าตื่นตระหนกแล้ว นางก็ได้เผยสีหน้าที่พึงพอใจออกมา
หญิงสาวคนนี้ก็คือภรรยาของหวงเทาที่ชื่อเสิ่นเตี้ยนหลินนั่นเอง เพราะนางนั้นปฏิเสธในตัวตนของหวงต้าไห่มาตั้งแต่แรก ดังนั้นท่าทีของนางที่มีต่อหวงต้าไห่นั้นจึงไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ทุกครั้งที่หวงต้าไห่ปรากฏตัวที่จวนเจ้าเมืองนั้น เสิ่นเตี้ยนหลินก็จะมีสีหน้าที่ขยะแขยงตลอด ราวกับว่าการคุยกับเขามากกว่า 1 คำนั้นจะนำซึ่งโชคร้ายมาให้นาง
ส่วนชายหนุ่มที่มีท่าทีตื่นตระหนกราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเสิ่นเตี้ยนหลินในเวลานี้นั้น หาใช่กลับมาจากยมโลกแต่อย่างใด แต่เป็นเหยียนเสี่ยวเฟยที่ใช้ยาแปลงโฉมปลอมตัวเป็นหวงต้าไห่นั่นเอง
เพราะเย่เย่นั้นเดาได้ว่าในเมื่อสวีโหย่วเทียนนั้นได้คิดวางแผนที่จะทำให้สมาพันธ์โม่ไห่ตกอยู่ในความโกลาหลอย่างรอบคอบแล้ว ก็เป็นไปได้มากที่จะวางกับดักรอเขาเอาไว้แล้ว ดังนั้นถ้าหากเย่เย่นั้นคิดที่จะไปที่เมืองชางลู่เพื่อคิดบัญชี สวีโหย่วเทียนด้วยความโกรธจริงๆแล้ว ก็เป็นไปได้มากที่เขาจะตกอยู่ในแผนซุ่มโจมตีของเขาและทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้นเย่เย่จึงได้คิดแล้วคิดอีก และตัดสินใจที่จะทำลายอิทธิพลของเมืองชางลู่จากภายนอก เพื่อที่สวีโหย่วเทียนจะได้ออกมาจากเมืองชางลู่ด้วยตัวเอง และชดใช้อย่างหนักให้กับการกระทำของเขา ซึ่งขั้นตอนแรกของแผนการของเขานี้คือการให้ เหยียนเสี่ยวเฟยใช้ยาแปลงโฉมแล้วแกล้งทำเป็นหวงต้าไห่ไปที่จวนเจ้าเมือง หลังจากที่ทำให้หวงเทานั้นเชื่อได้แล้ว ก็จะค่อยๆผลักดันเมืองโม่ไห่ให้เป็นไปตามแผนการของเขา
ถึงแม้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะไม่ค่อยเต็มใจทำ แต่เขาก็สัญญาที่จะทำงานให้เย่เย่ 3 ปีไปแล้ว และเพื่อที่จะให้ได้ผลประโยชน์จากเย่เย่มากขึ้นแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะอดทนเอา แล้วในเช้ารุ่งขึ้นวันต่อมา เขาก็ได้บุกไปที่จวนเจ้าเมืองแต่เช้าตามที่เย่เย่ขอและเริ่มทำตามแผนการของเย่เย่
เพราะว่าหวงต้าไห่นั้นไม่ได้มาที่จวนเจ้าเมืองหยวนฟางเป็นเวลานานแล้ว จึงมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนที่จำเขาได้ ดังนั้นในตอนที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้เข้ามาในจวนเจ้าเมืองนั้น จึงได้ไม่มีใครที่มองเห็นจุดผิดสังเกตเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนี่เองก็เป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำไมเย่เย่ถึงได้คิดแผนการนี้ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นต่อให้ เหยียนเสี่ยวเฟยทานยาแปลงโฉมแล้วปลอมเป็นหวงต้าไห่ ก็คงจะความแตกอย่างรวดเร็วเป็นแน่
และหลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยผ่านเข้ามาในจวนเจ้าเมืองหยวนฟางได้สักพักหนึ่ง คนอื่นๆในจวนเจ้าเมืองก็ได้ออกมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งในบรรดานั้นมีหวงเทาเจ้าเมืองหยวนฟางอยู่ด้วย แล้วหวงเทาที่ท่าทีที่น่าอาจของหวงต้าไห่แล้ว เขาก็ได้รีบถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง “ต้าไห่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ตอนนี้เจ้าไม่เป็นไรแล้วนะ ค่อยๆบอกข้ามาช้าๆว่าเกิดอะไรขึ้น!”
“ท่านพ่อ ท่านจะต้องล้างแค้นให้ข้าด้วย! เมื่อคืนข้าไปกินเลี้ยงที่หอสระมรกต แล้วจู่ๆก็มีมือสังหารบุกเข้ามาในห้องและคิดที่จะสังหารข้า ถ้าหากไม่ใช่เพราะลุงเยี่ยนเสียสละตัวเองเพื่อช่วยให้ข้าหนีมาได้แล้ว เกรงว่าข้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว ข้าจึงอยากให้ท่านพ่อช่วยส่งยอดฝีมือจากจวนเจ้าเมืองไปบดขยี้เจ้ามือสังหารนั่นให้กลายเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ไม่เช่นนั้นท่านลุงเยี่ยนคงตายตาไม่หลับแน่
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ร้องไห้บอกกับหวงเทาทั้งน้ำมูกน้ำตา การแสดงของเขานั้นน่าทึ่งมาก ถ้าหากเย่เย่อยู่ที่นี่ด้วยเขาก็คงจะภูมิใจกับการตัดสินใจของตัวเองเป็นแน่ เพราะรอบตัวเขานั้นไม่มีใครเลยที่เหมาะสมแก่การทำงานด้านการลอบเร้นและปลอมตัวไปมากกว่าเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว
ที่จวนเจ้าเมืองหยวนฟาง ลูกตาของหวงเทาก็ได้หดเล็กลงทันทีหลังจากที่ได้ยินที่หวงต้าไห่เล่า แล้วเขาก็ได้ถามหวงต้าไห่อีกครั้งอย่างคิ้วขมวด “เจ้าว่าอะไรนะ เยี่ยนเจิ่นตายแล้วงั้นเหรอ?”
นอกจากจะมีสีหน้าตกใจแล้ว สีหน้าของหวงเทานั้นก็มีความสับสนอยู่ด้วย แต่ทว่าเขาก็ได้เก็บซ่อนอารมณ์นั้นอย่างรวดเร็วและมองไปที่หวงต้าไห่ด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง
“ท่านลุงเยี่ยนตายเพื่อปกป้องข้า! เป็นเพราะเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขัดขวางมือสังหารเพื่อให้ข้าสามารถหนีมาได้! ท่านพ่อ ท่านจะต้องล้างแค้นท่านลุงเยี่ยนด้วยและตามหามือสังหารมาและฟันเขาสักพันหน”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ขอร้องหวงเทาต่อ ราวกับว่าตัวเขานั้นเพิ่งจะฟื้นจากอาการตกใจได้
เมื่อเห็นเช่นนี้หวงเทาก็ได้รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วสีหน้าของเขาก็ได้พลันเต็มไปด้วยความโกรธ และน้ำเสียงของเขาก็ได้เต็มไปด้วยจิตสังหาร แล้วเขาก็ได้สั่งคนที่อยู่ข้างหลังเขาทันที “ได้ยินกันแล้วใช่ไหม? ออกไปตามหาหมอนั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้! ข้าอยากจะเห็นนักว่าใครกันที่มันกล้าลอบสังหารลูกชายของข้าหวงเทาคนนี้ และสามารถจบชีวิตของยอดฝีมือราชันย์เทพของเมืองหยวนฟางได้!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่ได้ยินคำสั่งแล้ว คนของหวงเทาก็ได้ออกปฏิบัติการทันที และออกจากจวนเจ้าเมืองและรีบไปที่หอสระมรกตตามที่หวงต้าไห่กล่าว
แต่ทว่าภรรยาของหวงเทา เสิ่นเตี้ยนหลินนั้นไม่ต้องการให้ทางจวนเจ้าเมืองนั้นสู้เพื่อหวงต้าไห่ นางที่เห็นว่าเหล่ายอดฝีมือของทางจวนเจ้าเมืองนั้นได้เริ่มทำการสืบผู้ที่ลอบสังหารหวงต้าไห่แล้ว นางก็ได้รีบกล่าวกับหวงเทาอย่างไม่พอใจ “ก็ไม่ใช่ว่าลอบสังหารล้มเหลวหรืออย่างไร? ทำไมจะต้องไปใส่ใจด้วย? ในเวลานี้สถานการณ์ในละแวกริมชายฝั่งทะเลนั้นก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว พวกเราก็ควรที่จะมุ่งเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งในเมืองหยวนฟางมากกว่า”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้จ้องไปที่เสิ่นเตี้ยนหลินทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ แล้วเขาก็ได้กล่าวอย่างเป็นนัยๆต่อหน้าหวงเทา “ท่านพ่อ มีคนอยู่ไม่มากนักหรอกในเมืองหยวนฟางที่อยากให้ข้าตาย และคนที่ฐานะมากพอที่จะจ้างยอดฝีมือระดับนั้นเพื่อมาสังหารข้าได้นั้นก็มีน้อยลงไปอีก ข้าหวังว่าท่านพ่อจะต้องตามหาผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังและให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วยนะ!”
หวงเทาที่เห็นท่าทีของเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่เข้าใจว่าคนบงการที่อยู่เบื้องหลังที่เหยียนเสี่ยวเฟยว่านั้นเป็นใคร เสิ่นเตี้ยนหลินเองที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจความหมายที่เหยียนเสี่ยวเฟยพูดเช่นกัน ใบหน้าของนางก็ได้เดือดดาลขึ้นมาทันที นางจึงได้เดินออกมาข้างหน้าแล้วชี้มาที่เหยียนเสี่ยวเฟยแล้วกล่าวอย่างโมโห “เจ้าเด็กพันทางนี่ เจ้าคิดว่าคนบงการที่เจ้าพูดถึงน่ะหมายถึงใครกัน? ถ้าหากข้าอยากจะให้เจ้าตายจริงจะมาทำอะไรให้ยุ่งยากแบบนี้เหรอ? ถ้าหากว่าเจ้าปรักปรำข้าอีกก็อย่ามาโทษข้าที่หยาบคายกับเจ้าก็แล้วกัน!”
แต่ทว่าหวงเท่านั้นกลับมายืนขวางอยู่ตรงหน้า เหยียนเสี่ยวเฟย กันไม่ให้เสิ่นเตี้ยนหลินเดินเข้ามาใกล้ เหยียนเสี่ยวเฟยไปมากกว่านี้ แล้วก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงและทนไม่ไหว “พอได้แล้ว! ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ใครก็ตามที่ส่งมือสังหารมาฆ่าลูกชายข้า ข้าหวงเทาจะไม่เมตตากับเขาแน่!”