ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 382 50 ล้าน
บทที่ 382
50 ล้าน
“ที่เจ้าบอกว่าผู้อาวุโสเป่ยซานยังมีชีวิตอยู่ ทำไมพวกเราจะต้องเชื่อเจ้าด้วย? ถ้าเกิดเป็นเจ้าสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการล้างแค้นของตระกูลเหยียนแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าตระกูลเหยียนของเราจะถูกเจ้าหลอกลวงไปตลอดอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงที่ไม่เห็นผู้อาวุโสเป่ยซานก็ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ แต่เพราะยังคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่จะมียอดฝีมือคอยหนุนหลังเย่เย่อยู่ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะโจมตีใส่เย่เย่ในทันที เกรงว่ามันอาจจะเป็นการนำพาหายนะมาสู่ ตระกูลเหยียนได้
แต่เย่เย่ก็ได้รู้สึกขบขันกับการสงสัยของผู้อาวุโสฮว๋าเฟิง ทำให้เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนแล้วก็กล่าวกับผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงอย่างดูถูก “หลอกลวง? เจ้าคิดเหรอว่าด้วยพลังที่แข็งแกร่งของอาจารย์ข้าแล้วยังจำเป็นที่จะต้องหลอกลวงตระกูลเหยียนของเจ้าด้วยน่ะ? ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นถูกท่านอาจารย์ของข้าจองจำชั่วคราวก็เพราะความอวดดีมากเกินไปของเขาก็เท่านั้น เมื่อใดที่ได้เวลาแล้วก็จะถูกปล่อยตัวออกมาเอง แต่ถ้าเกิดพวกเจ้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นและไปทำให้ท่านอาจารย์ของข้าโกรธแล้ว เกรงว่าวันที่ผู้อาวุโสเป่ยซานจะได้รับอิสรภาพนั้นจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้!”
คำขู่ นี่การขู่กันอย่างเห็นๆ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้แล้วผู้อาวุโสถงอวิ๋นกับผู้อาวุโสฮว๋าเฟิงนั้นต่างก็มีสีหน้าไม่ดีอย่างมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรเย่เย่อยู่ดี ในขณะที่เหยียนเจิ้นตงกับเหล่าคนระดับสูงในตระกูลเหยียนคนอื่นๆนั้นกลับมาท่าทีที่ว้าวุ่นใน และสายตาของพวกเขาได้มองไปที่เย่เย่เหมือนกับคนแปลกหน้า
เดิมทีเหยียนเจิ้นตงนั้นคิดว่าเย่เย่เป็นเพียงผู้มาจุติเท่านั้น ที่มีโอกาสที่จะได้เป็นสุดยอดฝีมือในดินแดนเทียนหนานก็เป็นได้ แต่ไม่คาดคิดว่าเบื้องหลังของเย่เย่นั้นจะมียอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ล้ำลึกสุดหยั่งหนุนหลังอยู่ อีกฝ่ายนั้นไม่เพียงแต่จะลึกลับในระดับที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อโลกภายนอกมาก่อน และยังมีพลังที่สุดยอดขนาดที่สยบผู้อาวุโสเป่ยซานได้อย่างง่ายๆอีกด้วย ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว อย่าว่าแต่ตระกูลเหยียนของพวกเขาเลย แม้แต่ขุมกำลังที่ทรงพลังอย่างสำนักแก้วหลากสีก็คงจะไม่กล้าโจมตีเมืองโม่ไห่ของเย่เย่ง่ายๆแน่
แม้ว่าจะเพื่อคลายความบาดหมางระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ตามที แต่สำนักหลากสีก็คงจะยอมชดใช้ให้กับเมืองโม่ไห่เพื่อที่จะสงบความโกรธของตัวตนที่อยู่เบื้องหลังเย่เย่เป็นแน่
เมื่อเย่เย่เห็นสายตาที่หวาดกลัวของพวกเหยียนเจิ้นตงแล้ว เขาก็ได้รีบพูดเสริมทันที “ท่านอาจารย์ของข้าเป็นเหมือนกับนักพรตที่ตัดขาดจากโลกภายนอกไม่ชอบให้ใครมารบกวนเขา ดังนั้นถ้าหากว่าพวกท่านปิดปากเงียบไม่พูดอะไรถึงเขาแล้ว หากว่าเมื่อใดที่ข่าวของท่านอาจารย์ของข้านั้นได้แพร่ออกมาจากตระกูลเหยียนแล้วล่ะก็ พวกเจ้าก็เตรียมรับผลที่จะตามมาได้เลย!”
เย่เย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว ราวกับคิดที่จะใช้อิทธิพลของอาจารย์ที่เขาปั้นขึ้นมาอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะผู้อาวุโสทั้งสองก็ดีหรือเหยียนเจิ้นตงกับเหล่าคนระดับสูงของตระกูลเหยียนก็ดี พวกเขาต่างก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามหลังจากที่ได้ยินที่เย่เย่กล่าว และจดจำเรื่องนี้เอาไว้ให้ขึ้นใจ
ผู้อาวุโสถงอวิ๋นกับฮว๋าเฟิงเองก็เหมือนจะเริ่มยอมรับความจริงที่ว่าเย่เย่มียอดฝีมือหนุนหลังอยู่ได้แล้ว หลังจากที่ทั้งคู่ได้หันหน้ามามองกันเองแล้วผู้อาวุโสถงอวิ๋นก็ได้เดินมาหาเย่เย่ในฐานะตัวแทนของตระกูลเหยียน และกล่าวกับเย่เย่อย่างจริงใจ “ข้าเองก็ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว และคิดว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นทำเกินไปจริงๆนั่นแหละ ข้าจึงต้องขอโทษเจ้ากับเหยียนลี่หยางแทนผู้อาวุโสเป่ยซานและคนของตระกูลเหยียนทั้งหมดด้วย ข้าจึงหวังว่าอาจารย์ของเจ้าจะเห็นถึงการสำนึกผิดอย่างจริงใจของตระกูลเหยียนเรา และปล่อยตัวผู้อาวุโสเป่ยซานออกมาโดยไวด้วย!”
เมื่อได้ยินที่เขากล่าวแล้ว เย่เย่ก็ได้แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจ แต่ทว่าภายนอกนั้นตัวเขายังคงตีสีหน้านิ่งอยู่ แล้วกล่าวกับผู้อาวุโสถงอวิ๋นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ท่านอาจารย์ของข้านั้นเป็นคนที่ยึดมั่นในศีลธรรมมาก และการที่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นถูกอาจารย์ของข้าจองจำก็เพราะว่าตัวเขานั้นอวดดีมากเกินไป เมื่อท่านอาจารย์คิดว่าตัวเขาได้รับบทเรียนเรื่องนี้ตามสมควรแล้ว ก็จะปล่อยตัวเขากลับคืนสู่ตระกูลเหยียนอย่างแน่นอน แต่ทว่านี่ก็เป็นแค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น ส่วนเมื่อใดที่ผู้อาวุโสเป่ยซานจะกลับมานั้น? แม้แต่ข้าก็ไม่ทราบจริงๆ!”
ในขณะที่เย่เย่กล่าวเขาก็ได้เดินไปที่เก้าอี้ในห้องนั้นแล้วนั่งลง จากนั้นก็ได้หยิบเอาแก่นภายในของมังกรสองหัวออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วเขาก็ได้กล่าวกับพวกเหยียนเจิ้นตง “และที่ข้ากลับมาที่บ้านสกุลเหยียนนั้น นอกจากจะมาเพื่อแจ้งข่าวเรื่องการจับกุมผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว ก็ยังตั้งใจที่จะขายของให้ ตระกูลเหยียนของพวกท่านด้วย! แก่นภายในมังกรสองหัวในระดับจักรพรรดิเทพที่ประเมินค่าไม่ได้นี้ ตระกูลเหยียนของพวกท่านที่เป็นตระกูลที่มีธุรกิจกว้างขวางมากที่สุดในดินแดน เทียนหนานนั้นคงไม่มีทางที่จะซื้อไม่ได้ได้เช่นไร?”
“แก่นภายในมังกรสองหัวงั้นเหรอ?”
“แล้วยังอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพอีก?”
“ไม่นานมานี้มีข่าวเรื่องของซากมังกรสองหัวที่กลายเป็นที่ฮือฮาในดินแดนเทียนหนานนั้น หรือว่าจะเป็นฝีมือของอาจารย์ของเจ้าที่เป็นผู้ที่สังหาร?”
“ที่แท้แก่นภายในก็อยู่ที่เจ้านี่เอง!”
ในขณะที่พวกเหยียนเจิ้นตงนั้นได้เห็นแก่นภายในของมังกรสองหัวในมือของเย่เย่แล้ว พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
โดยเฉพาะในตอนที่พวกเขานึกออกถึงมังกรสองหัวที่เป็นที่ฮือฮาในละแวกริมชายฝั่งทะเลก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก็พลันคาดเดาอะไรบางอย่างได้ในใจของพวกเขา แล้วดวงตาของพวกเขาก็ได้พากันจับจ้องไปที่เย่เย่อย่างเกรงกลัวมากขึ้น
อย่างไรก็ดีมังกรสองหัวนั้นเป็นตัวตนที่ต่างจากมนุษย์ ซึ่งความแข็งแกร่งของมันนั้นเหนือกว่าคนที่มีวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นมังกรสองหัวที่อยู่ในระดับจักรพรรดิเทพเช่นนี้ ก็เกรงว่าต่อให้เป็นผู้อาวุโสเป่ยซานมาเองก็ยังต้องทุ่มแรงไปอย่างมากถึงจะจัดการได้
แต่ทว่าเย่เย่นั้นมีวรยุทธ์อยู่แค่ระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพเท่านั้น แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะหาแก่นภายในของมังกรสองหัวมาด้วยตัวเองได้ ถ้าเช่นนั้นแล้วที่บอกว่าตัวเขานั้นมีสุดยอดฝีมือคอยหนุนหลังเขาอยู่นั้น ก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นไปอีก
“ไม่ใช่ปัญหา! พวกเราจะซื้อแก่นภายในของมังกรสองหัวนี้จากเจ้าอย่างแน่นอน เชิญบอกราคามาได้เลย!”
หลังจากที่ผู้อาวุโสถงอวิ๋นเห็นแก่นภายในมังกรสองหัวในมือของเย่เย่แล้ว ก็ได้ทำให้เขาเชื่อในตัวตนของยอดฝีมือที่หนุนหลังของเย่เย่มากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเขาจะกระตือรือร้นอยากที่จะได้แก่นภายในมังกรสองหัวมากก็ตามที แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะคิดสังหารคนและขโมยชิงเอาแก่นภายในมาจากในมือของเย่เย่
แก่นภายในของมังกรสองหัวในระดับจักรพรรดิเทพนั้น มีค่าและหายากกว่าแก่นภายในของสัตว์อสูรเพลิงสิ้นเสียอีก ถึงจะอยู่ในระดับจักรพรรดิเทพเหมือนกันก็เถอะ ถ้าหากว่าสามารถรวบรวมตัวยาอื่นๆมาได้แล้วทำเป็นยาให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพได้ทานแล้วล่ะก็ โอกาสที่ตระกูลเหยียนจะให้กำเนิดยอดฝีมือจักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งออกมานั้นก็จะมีมากกว่าให้ทานยาอุษาชาดเสียอีก และหลังจากที่คนคนนั้นได้บรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพแล้ว ก็จะสามารถรักษาระดับพลังให้คงที่ได้เร็วกว่าคนอื่นในระดับเดียวกันอีก
ดังนั้นผู้อาวุโสถงอวิ๋นจึงได้ไม่ลังเลที่จะกล่าวกับเย่เย่ว่าตัวเขาจะซื้อแก่นภายในมือของเขานี้ ขอเพียงเย่เย่เสนอราคามาก็จะตกลงซื้อทันที
“ราคาเดียว 50 ล้านตั๋วทอง!”
เย่เย่นั้นก็รู้สึกมีความสุขมากเมื่อเขาเห็นเช่นนี้ แต่เขาก็ยังคงตีสีหน้าเยือกเย็นเอาไว้อยู่ แล้วก็ได้ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วยื่นมือและกางนิ้วทั้งห้าออกให้ผู้อาวุโสถงอวิ๋นแล้วบอกราคาสูงสุดที่อยู่ในใจของเขาออกไป
“อะไรนะ? 50 ล้านตั๋วทองอย่างนั้นเหรอ? นี่มันปล้นกันชัดๆ”
“ถึงจะเป็นแก่นภายในของมังกรสองหัวก็เถอะ แต่ราคา 50 ล้านนี่มันก็เกินไปนะ!”
“ลดให้สักหน่อยไม่ได้เหรอ? 50 ล้านนี่มันมากเกินไปจริงๆ!”
หลังจากที่เหล่าคนระดับสูงของตระกูลเหยียนได้ยินที่ เย่เย่เสนอราคามา พวกเขาต่างก็เกือบสะดุ้งโหยง
นอกจากคนไม่กี่คนอย่างเหยียนเจิ้นตงกับ เหยียนเสี๋ยอวิ๋นแล้ว คนในระดับสูงคนอื่นๆต่างก็พากันคิ้วขมวด และคิดว่าความโลภของเย่เย่นั้นมันจะมากเกินไปแล้ว
แต่ทว่าผู้อาวุโสถงอวิ๋นกับฮว๋าเฟิงนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากที่ทั้งคู่หารือกันเองสักพักแล้ว ผู้อาวุโสถงอวิ๋นก็ได้กัดฟันทนและตอบเย่เย่ไป “ตกลง! 50 ล้านก็ 50 ล้าน! พวกเรายินดีที่จะซื้อแก่นภายในมังกรสองหัวในมือของเจ้านี้ในราคาพิเศษเพื่อเป็นการชดใช้ของตระกูลเหยียนเราให้กับเจ้าด้วย และหวังว่าเจ้าจะเห็นแก่ความจริงใจของตระกูลเหยียนช่วยพูดถึงพวกเราในแง่ดีกับอาจารย์ของเจ้าด้วย และขอให้เขาช่วยปล่อยผู้อาวุโสเป่ยซานกลับสู่ตระกูลเหยียนโดยไวด้วย!”
ผู้อาวุโสถงอวิ๋นก็ได้กล่าวตกลงในการซื้อขายนี้อย่างเต็มใจ ส่วนเย่เย่เองก็ได้เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของเขา
เย่เย่นั้นไม่กลัวว่าตระกูลเหยียนนั้นจะไม่จ่ายเงินหลังจากที่ได้รับของไป ดังนั้นแก่นภายในของมังกรสองหัวจึงได้ถูกโยนเข้ามือของผู้อาวุโสถงอวิ๋น แล้วกล่าวกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่พึงพอใจ “ตามนั้น! ขอเพียงพวกท่านเอาเงิน 50 ล้านตั๋วทองออกมาให้ทันที ข้าจะพูดถึงพวกท่านเป็นอย่างดีแน่นอนหลังจากที่ข้ากลับไป! ส่วนเรื่องที่ท่านอาจารย์จะเห็นแก่หน้าข้าหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว!”
หลังจากที่เย่เย่ส่งแก่นภายในมังกรสองหัวให้ ผู้อาวุโสถงอวิ๋นแล้ว เขาก็ได้นั่งวางท่าอยู่ที่เก้าอี้และรอคอยให้ตระกูลเหยียนจ่ายเงิน และใช้เวลาไม่นานนักที่เหยียนเจิ้นตงได้ทำการถอนเอาเงิน 50 ล้านตั๋วทองออกมาจากในโกดังภายใต้คำสั่งของผู้อาวุโสถงอวิ๋นและมอบให้กับเย่เย่
หลังจากที่เย่เย่ได้ตั๋วทองมา ตัวเขาก็ได้รู้สึกยินดีอย่างสุดๆ และเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
ในขณะที่กำลังรวบรวมตั๋วทองอยู่นั้น ตัวเขาก็ได้ทำมือคารวะแล้วกล่าวกับผู้อาวุโสถงอวิ๋น, และพวกเหยียนเจิ้นตง “ในเมื่อซื้อขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าก็ไม่มีธุระจะอยู่ต่อแล้ว! ขอตัว!”
หลังจากที่เย่เย่พูดจบ เขาก็ได้หันหลังกลับแล้วจากไปทันที ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่ต้องการที่จะข้องเกี่ยวอะไรกับตระกูลเหยียนต่อ
ผู้อาวุโสทั้งสองกับเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนเมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่มองแผ่นหลังของเย่เย่จากไป และหวังว่าเย่เย่นั้นจะทำตามที่สัญญากับพวกเขา ช่วยต่อรองอาจารย์ของเขาให้ช่วยปล่อยตัวผู้อาวุโสเป่ยซานให้ออกมาเป็นอิสระโดยไว
อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้ช่วย เหยียนลี่หยางออกมาได้ ก็ได้พาตัวเขามายังชานเมืองตามที่ตกลงกับเย่เย่ไว้ และรอให้เย่เย่มาปรากฏตัวต่อหน้าทั้งคู่อย่างเงียบๆ
แต่ในขณะที่มีเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังลั่นมาจากส่วนลึกในภูเขาเหยียนเป่ยแล้ว ทั้งเหยียนเสี่ยวเฟยและเหยียนลี่หยางที่มั่นใจในตัวเย่เย่มากนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงเย่เย่ขึ้นมา
“ดูเหมือนว่าเย่เย่คงจะไม่สามารถกลับมาได้แล้วล่ะ ทำไมพวกเราไม่รีบถอยกันไปดีกว่า?”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้มองไปยังทางภูเขาเหยียนเป่ยด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว และผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ซึ่งพวกเขาก็ได้รอมาตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่พบตัวของเย่เย่เลย เหยียนเสี่ยวเฟยจึงอดไม่ได้ที่จะเสนอเช่นนั้นกับ เหยียนลี่หยาง
แต่ทว่าเหยียนลี่หยางก็ได้ส่ายหัวตอบอย่างแน่วแน่ และตอบเหยียนเสี่ยวเฟยกลับไป “ข้ารู้จักนิสัยของเย่เย่ดี เขาจะไม่ลงมือทำอะไรที่ตัวเองไม่มั่นใจ รอดูต่ออีกหน่อยก่อนเถอะ ข้าเชื่อว่าเขาจะกลับมาหาพวกเราอย่างปลอดภัยแน่นอน!”
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ในใจของ เหยียนลี่หยางเองก็ไม่มั่นใจเท่าไรเช่นกัน
เพราะเขานั้นรู้ดีว่าเกราะสวรรค์นภาทมิฬของเย่เย่นั้นเสียหายอยู่ ต่อให้พอใช้ได้ก็ตามทีแต่ก็คงสภาพอยู่ได้ไม่นานนัก ซึ่งเย่เย่จะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสเป่ยซานได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับดวงแล้ว
แต่โชคยังดีที่เย่เย่นั้นไม่ได้ทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง จนกระทั่งตะวันเริ่มขึ้นจากเส้นขอบฟ้า ร่างของเย่เย่ก็ได้ปรากฏต่อหน้าของทั้งคู่
“ขอโทษทีที่ให้พวกเจ้าคอยกันเสียนาน!”
ถึงแม้ว่าตัวของเย่เย่นั้นจะเต็มไปด้วยเลือด และมีสภาพที่ดูไม่ได้ แต่ตัวเขาก็อารมณ์ดีอย่างมาก ทันทีที่เขาเดินมาพบ เหยียนเสี่ยวเฟยกับเหยียนลี่หยาง เขาก็ได้กล่าวทักทายกับทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มทันที
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้มองไปที่เย่เย่ราวกับเห็นผี แล้วก็ได้รีบไปวนดูเขารอบๆ หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นเย่เย่จริงๆ เขาก็ได้ถามเย่เย่ออกมาอย่างสงสัย “เจ้ามีชีวิตรอดจากกระบวนท่าที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไร?”