ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 380 การต่อสู้ของระดับสูงสุด
บทที่ 380
การต่อสู้ของระดับสูงสุด
“ดูเหมือนว่าลำพังแค่อาคมนี้คงจะไม่สามารถขังท่านเอาไว้ได้! แต่ก็อย่าได้คิดว่าเย่เย่คนนี้จะมีความสามารถแค่นี้นะ!”
เสียงของเย่เย่ก็ได้ดังมาจากข้างในหมอกหนาและดังก้องไปทั่วทั้งป่า ทำให้ผู้คนไม่สามารถระบุตำแหน่งของเขาได้ในเวลานี้
แต่ทว่าด้วยประสาทสัมผัสที่เหนือคนธรรมดาของยอดฝีมือระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานก็สามารถระบุตำแหน่งของเย่เย่ได้อย่างรวดเร็ว แล้วเข้าโจมตีใส่เย่เย่พร้อมกับหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ! อย่ามัวแต่คุยอยู่ทำไม? หากว่ามีความสามารถจะทำได้ก็งัดออกมาใช้สู้กับข้าเลยสิ!”
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ชกลมออกไปด้านหน้าเพื่อที่จะทำให้เย่เย่เผยตัวออกมาอีกหน แต่ทว่าก่อนที่หมอกจะได้หายไป เย่เย่ก็ได้หายตัวไปอีกหนภายใต้การคาดเดาของผู้อาวุโสเป่ยซาน แล้วก็ได้มาปรากฏตัวที่ข้างหลังผู้อาวุโสเป่ยซานทันทีและต่อยใส่เขา
ตูม!
หมัดของเย่เย่นี้ได้เตรียมพร้อมเอาไว้นานแล้ว และเมื่อเขามาถึงตัวของผู้อาวุโสเป่ยซานแล้วก็ได้ปล่อยออกไปอย่างสุดกำลัง ซึ่งได้ทำให้พลังปราณในอากาศเกิดความปั่นป่วนไปทั่วทั้งบริเวณนั้นและเกิดพลังกดดันที่น่ากลัวสุดๆออกมา
แต่การตอบสนองของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ไม่ได้ช้าไปกว่าเย่เย่เลย เมื่อเขารู้สึกได้ว่าเย่เย่นั้นโผล่มาจากข้างหลังเขา ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้หันหลังกลับไปหาทันทีและต่อยสวนหมัดของเย่เย่กลับไป
ตูมมมม!
ก็ได้มีเป็นลูกบอลแสงปรากฏขึ้นมากลางอากาศระหว่างหมัดทั้งสองคนนั้น แล้วก็ได้ขยายขนาดมากขึ้นเรื่อยๆและเกิดระเบิดออกมาทันที และได้สลายหมอกหนามที่ปกคลุมป่านี้ออกไปทันที และยังทำให้อาคมหมอกควันลวงตาเกิดการสั่นสะเทือน
“อุ่ฟ!”
อย่างไรก็ดีพลังของเย่เย่นั้นก็ยังด้อยกว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนัก ซึ่งหลังจากที่ปะทะหมัดกับฝ่ายตรงข้าม ตัวของเขาก็ได้กระเด็นถอยหลังออกมาทันทีและได้กระอักเลือดออกมากลางอากาศ
แล้วผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้รีบไล่ตามเพื่อเผด็จศึกโดยพลัน และมาปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆเย่เย่ก่อนที่ตัวเย่เย่จะตกลงมา และเผยกระบวนท่าฝ่ามือเทพพันกรออกมาซัดใส่เย่เย่ด้วยฝ่ามือเงา
ตูม!
แล้วฝ่ามือเงาก็ได้ปรากฏออกมาและเข้าล้อมเย่เย่ในทันที แล้วพลังที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรงนั้นก็ได้ทำให้หมอกหนารอบๆนั้นไม่สามารถกล้ำกรายเข้ามาได้เลย
“กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์! เจ้าก็เหมือนกับ เหยียนลี่หยาง ก่อนที่ปีกจะได้กางอย่างเต็มที่ เจ้ามีชะตากรรมที่จะต้องตายกลางคันและกลายเป็นหินเหยียบให้คนอื่นก้าวข้ามขึ้นไป วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนนี้ให้กับเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ทำผิดซ้ำสองเมื่อไปอยู่ในชาติหน้า!”
ก่อนที่เขาจะซัดใส่เย่เย่ด้วยฝ่ามือ ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้กล่าวกับเย่เย่อย่างเย็นยะเยือก ราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังจะจบชีวิตของเย่เย่
“หุบปาก! ยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าใครจะแพ้หรือจะชนะ เอาไว้พูดเช่นนี้อีกทีหลังจากที่ท่านเอาชนะข้าได้จริงๆก่อนเถอะ!”
แล้วเย่เย่ก็ได้ระเบิดพลังออกมาอย่างสุดตัวในชั่วขณะความเป็นความตาย และในขณะเดียวกันก็ได้รีดเร้นพลังปราณในร่างออกมาและใช้กระบวนท่าทะเลสวรรค์กำเนิดน้ำออกมาโจมตีใส่ผู้อาวุโสเป่ยซาน
หลังจากที่เย่เย่ได้ทำการบีบอัดลูกบอลน้ำจนมีขนาดเท่าหัวคนแล้วก็ได้รีบปล่อยใส่ผู้อาวุโสเป่ยซาน และปะทะเข้ากับ ฝ่ามือเงาแล้วเกิดระเบิดขึ้นมาในทันที
ตูมมมม!
เกิดการระเบิดที่รุนแรงขึ้นมาทำให้อาคมหมอกควันลวงตาต้องสั่นครืนอีกครั้ง และตัวของเย่เย่ก็ได้กระเด็นออกไปเพราะผู้อาวุโสเป่ยซานอีกหน
แต่โชคยังดีที่ตัวเขาสามารถหลบหนีเข้าไปในหมอกขาวรอบๆได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยแรงผลักจากการระเบิดเมื่อสักครู่ ไม่อย่างนั้นตัวเขาคงได้ถูกผู้อาวุโสเป่ยซานซ้ำเอาได้ แล้วเย่เย่คงต้องตายอย่างไม่มีทางเลี่ยงแน่
“แข็งแกร่งสมกับที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในดินแดน เทียนหนาน เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพจริงๆ! ท่านคงจะฝึกฝนอย่างหนักมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาที่นึกภาพได้เลย แต่ถ้าท่านคิดว่าท่านจะสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยพลังแค่นี้แล้วล่ะก็ ท่านก็คงประเมินพลังข้าต่ำไป!”
เสียงที่อ่อนแรงของเย่เย่ก็ได้ดังมาจากทุกทิศทาง แน่นอนว่าการหุนหันพลันแล่นเข้าไปปะทะกับผู้อาวุโสเป่ยซานเมื่อสักครู่นั้นได้ทำให้โดยซัดอย่างหนักหน่วง
ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้ค้นหาตำแหน่งของเย่เย่อย่างตั้งใจ และพบว่าเย่เย่นั้นไม่ได้อยู่กับที่และวิ่งวนไปรอบๆเขาอย่างต่อเนื่อง จึงยากที่จะระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเย่เย่ได้ในทันที
เขาจึงได้รอคอยโอกาสอย่างใจเย็น และในขณะเดียวกันก็ได้พูดตอบเย่เย่เสียงดัง “ข้ายอมรับว่าความสามารถของเจ้านั้นเหนือกว่าผู้มีพรสวรรค์ทั่วๆไปจริงๆ แต่ถ้าเจ้าแพ้มันก็จะจบแค่นั้น ถ้าหากว่าเจ้ามีความมุ่งมั่นและอดกลั้นต่อการดูแคลนของตระกูลเหยียนได้อีกสักหน่อย เกรงว่าต่อให้เป็นข้าก็คงไม่อาจทำอะไรเจ้าได้ แต่น่าเสียดายที่อนาคตของเจ้าคงจะต้องพังทลายลงด้วยน้ำมือของเจ้าเองแล้ว ในวันนี้ไม่มีใครที่สามารถช่วยเจ้าได้แล้ว!”
ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ก็ดูเหมือนว่าการรอคอยโอกาสของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจบลงแล้ว แล้วเขาก็ได้ปล่อยหมัดขวาออกไปอย่างรวดเร็ว!
ตูม!
หมอกหนาก็ได้สลายหายไปพร้อมกับสายลมแรงที่พาดผ่านทั่วทั้งป่า
แต่ทว่าเย่เย่ก็ได้ดึงเอาพลังปราณมังกรไปไว้ที่เท้าเพื่อหลบหนีจากการโจมตีของผู้อาวุโสเป่ยซานที่กำลังจะมาถึง และหลีกหนีการโจมตีของผู้อาวุโสเป่ยซานไปได้อย่างฉิวเฉียด
“ปากของเจ้าก็พร่ำแต่บอกว่าเพื่อตระกูลเหยียนๆ แต่กลับสละเหยียนเสี่ยเฟยกับเหยียนลี่หยางไป จนในท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ว่าเพื่อทำให้ทั่วทั้งตระกูลเหยียนนั้นตกอยู่ภายใต้อาณัติของเจ้ารึไง! ทุกอย่างที่เจ้าทำน่ะเพื่อตระกูลเหยียนหรือเพื่อตัวเองกันแน่ เจ้าเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม?”
เย่เย่ก็ได้ดูถูกการสั่งสอนของผู้อาวุโสเป่ยซาน ราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ และความเร็วในการวิ่งวนรอบผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้รวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้นึกระแวดระวังตัวขึ้นมา แต่ตัวเขาก็ยังคงไม่เห็นแผนการของเย่เย่อยู่ในสายตาของเขา ซึ่งในขณะที่เขากำลังเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของเย่เย่อยู่นั้น ก็ได้กล่าวตอบ เย่เย่กลับไป “ขอเพียงแค่แผนการของข้าเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว ตระกูลเหยียนก็จะรุ่งเรืองและเข้มแข็งอย่างแน่นอน และความรุ่งเรืองของตระกูลเหยียนก็จะเป็นประโยชน์กับข้าอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเพื่อตัวข้าเองหรือจะเพื่อตระกูลเหยียนมันมีอะไรต่างกันตรงไหน?”
“แน่นอนว่าต่างสิ!”
หลังจากที่เย่เย่ตอบสวนกลับผู้อาวุโสเป่ยซาน เขาก็ได้ทำการควบคุมหมอกหนาภายในอาคมหมอกควันลวงตาเพื่อให้มารวมกันที่ตัวของผู้อาวุโสเป่ยซานอย่างรวดเร็ว แล้วจากที่เดิมทีหมอกหนานี้ครอบคลุมทั่วทั้งป่าก็ได้มารวมกันอยู่รอบๆตัวของผู้อาวุโสเป่ยซาน ทำให้ความสามารถในการรับรู้ของเขานั้นตกลงไป จนแทบจะคาดเดาไม่ได้เลยว่าเย่เย่นั้นจะมาปรากฏตัวตรงไหน
อีกทางด้านหนึ่ง เย่เย่ก็ได้อาศัยโอกาสนี้ใช้กระบวนท่าทะเลสวรรค์กำเนิดน้ำใส่ผู้อาวุโสเป่ยซานอีกหน และได้ทำการรวบรวมน้ำจนมีขนาดเท่ากับหัววัวแล้วยิงถล่มใส่ผู้อาวุโสเป่ยซานทันที
“ถ้าหากว่าท่านคิดถึงตระกูลเหยียนจริงๆ ท่านก็ควรที่จะแผ้วทางกำจัดสิ่งที่กีดขวางการเจริญเติบโตของลูกหลานตระกูลเหยียนเสียให้สิ้น แทนที่จะมาตัดสินชีวิตของพวกเขาให้เป็นไปตามความคิดของตัวเองเช่นนี้! ในเวลานี้ตัวท่านเองนี่แหละที่เป็นสิ่งกีดขวางชิ้นใหญ่ที่ขัดขวางความรุ่งเรืองของตระกูลเหยียนและเป็นสิ่งที่ตระกูลเหยียนควรจะกำจัดทิ้งมากที่สุด ดังนั้นเพื่อตระกูลเหยียนแล้วท่านจงตายเสียแต่โดยดีเถอะ!”
พร้อมด้วยเสียงตะโกนดังลั่นของเย่เย่ ลูกบอลน้ำขนาดเท่าหัววัวก็ได้พุ่งเข้าใส่ตัวของผู้อาวุโสเป่ยซาน
ตูม!
มีเสียงระเบิดอย่างรุนแรงดังมาจากตัวของ ผู้อาวุโสเป่ยซาน ในเวลานี้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ได้ป้องกันการยิ่งถล่มของเย่เย่และใช้ร่างกายของตัวเองรับการโจมตีของเย่เย่ แล้วตัวของเขาก็ได้กระเด็นออกไปจากหมอกหนาที่ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เย่ก็ได้รู้สึกดีใจและรีบไล่ตาม ผู้อาวุโสเป่ยซานไปเพื่อหวังที่จะเผด็จศึก
แต่ทว่าในขณะที่ตัวเขาได้พุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสเป่ยซานนั้น ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้อ่อนแออย่างที่เขาคาดเอาไว้ และพบว่าอีกฝ่ายนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงแค่หน่อยเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าแทบไม่ได้รับผลจากการโจมตีที่รุนแรงของเขาเลย
“คิดจะกำจัดข้า? อย่างเจ้าน่ะเหรอ?”
เมื่อผู้อาวุโสเป่ยซานเห็นเย่เย่ไล่ตามเข้ามา ก็ได้ปรากฏความเย้ยหยันในดวงตาของเขา และในขณะเดียวกันก็ได้ซัดใส่ เย่เย่ด้วยหลังมือของเขา
“อุ่ฟ!”
เย่เย่บาดเจ็บจนกระอักเลือดอีกหน แล้วตัวของเขาก็ได้กระเด็นไปอย่างรวดเร็วในทันที และตัวของเขาก็ได้ลงไปกระแทกกับพื้นจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
แล้วหมอกหน้าก็ได้เข้ามาปกคลุมป่าอีกครั้งราวกับว่ามันกำลังพยายามป้องกันผู้อาวุโสเป่ยซานจากการไล่ล่าเย่เย่ แต่ทว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้จดจำตำแหน่งที่เย่เย่ลอยไปได้แล้ว ดังนั้นต่อให้มีหมอกหนาบดบังตาเขา เขาก็ยังพุ่งเข้าไปหาตรงที่เย่เย่อยู่ได้อย่างไม่รีรอ
ตูม!
แล้วในชั่วขณะนั้นเองที่เย่เย่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องหยิบเอาลูกประคำสีดำที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา หลังจากที่สวมใส่เกราะสวรรค์นภาทมิฬแล้ว เขาก็ได้ระเบิดพลังที่เหนือกว่าผู้อาวุโสเป่ยซานออกมา และถือโอกาสเป่าหมอกหนาที่ปกคลุมอยู่ออกไปและไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโสเป่ยซานในทันที
“ใช่แล้ว อย่างข้านี่แหละ”
แล้วในเวลานี้เองเย่เย่ที่สวมชุดเกราะสีดำทั้งตัวเหลือแต่เพียงดวงตาให้เห็น และดวงตานั้นก็ได้จับจ้องไปที่ ผู้อาวุโสเป่ยซานด้วยความหนาวเย็นอย่างไร้ที่สิ้นสุด
แล้วในขณะเดียวกันกับที่เขาพูดกับผู้อาวุโสเป่ยซาน เย่เย่ก็ได้เล็งฝ่ามือไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานและไม่รอช้าปล่อยลำแสงดาวจักรพรรดิที่รุนแรงในระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพออกไปทันที!
“เจ้า! เป็นไปไม่ได้!”
ผู้อาวุโสเป่ยซานที่จำเกราะสวรรค์นภาทมิฬที่เย่เย่สวมอยู่ได้ และก่อนที่เขาจะล่วงรู้ถึงความลับที่เย่เย่เผยออกมานั้น ลำแสงดาวจักรพรรดิก็ได้บีบเล็กลงจนเป็นลำแสงสีม่วงเข้มและแทงทะลุหน้าอกของผู้อาวุโสเป่ยซานทันที
ฟิ่ว!
พลังของลำแสงสีม่วงเข้มที่แทงทะลุหน้าอกของ ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ได้ถูกลดทอนลงไปเลย มันได้พุ่งตรงทะลุผ่านอาคมหมอกควันลวงตาและพุ่งทะเลออกจากป่าไป
ตูมมมม!
เกิดเป็นควันรูปดอกเห็ดขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เหนือเขา เหยียนเป่ย และทั่วทั้งเขาเหยียนเป่ยก็ได้สั่นไหวราวกับเป็นวันสิ้นสุดของโลก แม้แต่เมืองเหยียนเป่ยที่อยู่ห่างออกไปก็ยังรู้สึกได้ และเกิดเป็นรอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนที่พื้น แล้วทั่วทั้งเมืองโบราณเกิดการพลังทลายราวกับกำลังจะล่มสลาย
ส่วนตรงที่เย่เย่กับผู้อาวุโสเป่ยซานอยู่นั้น ทั่วทั้งป่าก็ได้กลายเป็นที่รกร้างด้วยพลังของลำแสงดาวจักรพรรดิ อาคมหมอกควันลวงตาที่ปกคลุมทั้งป่านั้นก็ได้หายไปจนหมดสิ้นไร้ซึ่งร่องรอย หลังจากที่หมอกหายไปหมดแล้วพระอาทิตย์ก็ได้สาดแสงใส่ทั้งสองคน แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นกลับรู้สึกหนาวสั่นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ และดวงตาก็ได้จับจ้องไปที่เย่เย่ด้วยความกลัวและสิ้นหวัง
“อย่า! อย่าฆ่าข้าเลย!”
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะมีหน้าอกทะลุเป็นรูแต่ก็ยังไม่ตาย แต่ทว่าตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย ในเวลานี้ของเพียงเย่เย่ต่อยใส่เขาเต็มแรง ก็เป็นไปไม่ได้ที่ ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะต้านทานได้และถูกเย่เย่สังหารในทันที โดยไม่มีทางเป็นไปได้อย่างอื่นเลย
ในขณะที่กำลังขอความเมตตาจากเย่เย่นั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ตกใจแล้วตกใจอีก ตัวเขานั้นไม่คิดว่าเย่เย่นั้นจะไม่ได้เป็นแค่ผู้มาจุติ แต่ยังเป็นถึงประมุขอารามวิถีสวรรค์อีกด้วย
ในเวลานี้ตัวเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเย่เย่ถึงได้หาญกล้าที่จะอาศัยโอกาสนี้บุกเข้าไปในตระกูลเหยียนเพื่อยั่วยุเขาทั้งๆที่มีวรยุทธ์เพียงระดับสูงสุดราชันย์เทพ ที่แท้ไพ่ตายที่แท้จริงของเย่เย่นั้นไม่ใช่ลูกไม้หรือแผนการอะไรทั้งนั้น แต่อาศัยพลังที่เหนือกว่าเขาอย่างสิ้นเชิงเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะถูกเย่เย่โจมตีใส่เพราะความประมาทของเขาก็ตามที แต่หลังจากที่เห็นพลังของลำแสงดาวจักรพรรดิแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานก็รู้ว่าต่อให้เขาสู้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เย่ที่สวมเกราะสวรรค์นภาทมิฬแล้ว ก็ปิดทางชนะของเขาไปได้เลย
ในเวลานี้อีกฝ่ายนั้นถือมีดในขณะที่ตัวเขาเป็นแค่ปลาบนเขียงแล้ว ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะรู้สึกเศร้าสลดอย่างสุดๆ แต่ตัวเขาก็ทำได้แค่เพียงขอความเมตตาจากเย่เย่อย่างหวาดกลัวและหวังให้อีกฝ่ายไว้ชีวิตของเขาโดยหวังอีกฝ่ายจะเห็นแก่หน้าของเหยียนลี่หยาง