ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 377 มือสังหาร
บทที่ 377
มือสังหาร
ถึงเย่เย่จะไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับคำตอบของ เหยียนเสี่ยวเฟย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยไปง่ายๆเช่นกัน
หลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้อธิบายว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่แล้ว เย่เย่ก็ได้ถามคำถามที่เขากังวลที่สุดออกไปกับ เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดและเยือกเย็น “เมื่อสักครู่เจ้าบอกว่าจุดประสงค์ที่เจ้ากลับมาที่ตระกูลเหยียนก็เพื่อสังหารเหยียนลี่หยาง แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะโทษ เหยียนลี่หยางเรื่องที่เจ้าถูกผู้อาวุโสเป่ยซานตามไล่ฆ่าน่ะ พวกเจ้าทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน มีหรือที่เจ้าจะไม่รู้ว่า เหยียนลี่หยางเป็นคนเช่นไร ซึ่งดูออกได้ง่ายๆอยู่แล้วว่า เหยียนลี่หยางไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่ แล้วเห็นผลที่แท้จริงที่เจ้าต้องการจะฆ่าเหยียนลี่หยางคืออะไรกันแน่? ถ้าวันนี้เจ้าไม่สามารถคำตอบที่พึงพอใจกับข้าได้ ต่อให้จะต้องเสี่ยงที่จะถูกตระกูลเหยียนพบเข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปจากที่นี่แน่!
ในขณะที่เย่เย่กล่าวเช่นนั้นเขาก็ได้ชักเอากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพออกมา แล้วในขณะเดียวกันดวงตาก็ได้จับจ้องไปที่ เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ขอเพียงเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นกล้าทำอะไรตุกติกแม้เพียงเล็กน้อย เย่เย่ก็จะไล่ตามฆ่าเขาทันทีเพื่อไม่ให้เขากลายมาเป็นเสี้ยนหนามของเหยียนลี่หยางได้อีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำขู่อย่างเปิดเผยของเย่เย่แล้ว ดวงตาของ เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ปรากฏความโกรธออกมาทันที หลังจากที่พวกเขาได้ปะทะกันเมื่อสักครู่แล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็ยอมรับว่า เย่เย่นั้นมีโอกาสที่จะสังหารเขาได้จริงๆ
ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้บอกกับเย่เย่ไปตามจริง “ใช่ ก็อย่างที่เจ้าว่ามานั่นแหละ ข้ารู้อยู่นานแล้วว่าเหยียนลี่หยางนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่ตระกูลเหยียนส่งคนมาไล่ฆ่าข้า ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงได้กลับมาที่เมืองเหยียนเป่ยเพื่อสังหารเหยียนลี่หยางนั้น ก็เพราะว่าในเวลานี้ข้าเป็นนักฆ่าของหอธารสวรรค์และเหยียนลี่หยางก็เป็นเป้าหมายของข้าในคราวนี้ ถ้าหากว่าข้าไม่สามารถสังหารเขาได้สำเร็จ ตัวข้าก็จะถูกตามฆ่าโดยยอดฝีมือของหอธารสวรรค์เพราะทำภารกิจล้มเหลว ข้าจึงได้ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำ”
หอธารสวรรค์นั้นเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งในแผ่นดินว่านหลิง และไม่มีใครในแผ่นดินนี้ที่จะไม่รู้จัก พวกเขานั้นมีการจัดการภายในและข้อกำหนดที่เข้มงวดมากสำหรับเหล่าสมาชิกในองค์กรในการทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จ ถ้าหากว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นสังหารเหยียนลี่หยางไม่ได้ ก็เป็นไปได้มากจริงๆที่ตัวเขาจะถูกยอดฝีมือของหอธารสวรรค์ไล่ฆ่าและผลที่ตามมาก็จะสาหัสอย่างสุดๆแน่นอน
ในตอนแรกหอธารสวรรค์นั้นคิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นมาจากตระกูลเหยียนจึงย่อมที่จะคุ้นเคยกับเรื่องภายใน ตระกูลเหยียนดี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หอธารสวรรค์มอบงานนี้ให้กับเขา แน่นอนว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธรับงาน แต่ถ้าถึงแม้ตัวเขาจะปฏิเสธไป หอธารสวรรค์ก็จะส่งมือสังหารคนอื่นไปทำงานนี้แทนอยู่ดี
นอกจากนี้เหยียนเสี่ยวเฟยเองก็ได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งอดีตไปแล้วและจะปฏิบัติกับคนของตระกูลเหยียนเยี่ยงคนแปลกหน้า ดังนั้นหลังจากที่เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก็ได้ตัดสินใจที่จะรับงานนี้
และหลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้รับงานนี้มาทำ นอกจากว่าผู้ว่าจ้างจะตายหรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆให้ต้องยกเลิกแล้ว มีเพียงแต่ต้องสังหารเหยียนลี่หยางให้สำเร็จ เหยียนเสี่ยวเฟยถึงจะสามารถกลับไปที่หอธารสวรรค์อย่างเป็นๆและรับค่าตอบแทนได้ ไม่อย่างนั้นแล้วไม่เพียงแต่งานลอบสังหารเหยียนลี่หยางจะถูกส่งไปให้มือสังหารจากหอธารสวรรค์คนอื่นจะรับไปแล้ว ตัวเหยียนเสี่ยวเฟยเองก็จะถูกหอธารสวรรค์ตามฆ่าอีกด้วย
แต่ทว่าเนื่องจากนโยบายของหอธารสวรรค์ที่จะเก็บข้อมูลของผู้ว่าจ้างไว้เป็นความลับแล้ว ทำให้เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่รู้ว่าผู้ว่าจ้างของเขานั้นเป็นใคร ต่อให้ตัวเขาอยากที่จะกลับไปแต่ก็กลับไม่ได้ ดังนั้นเหยียนเสี่ยวเฟยจึงทำได้แค่กัดฟันฝืนทนบุกเข้าไปในงานประลองยุทธ์ประจำตระกูล และวางแผนที่จะสังหารเหยียนลี่หยางเสียก่อนที่เขาจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพด้วยยาอุษาชาด
“และที่พวกเราพบกันที่ร้านอาหารก่อนหน้านี้ จริงๆแล้วข้าได้ใช้ข่าวสารที่ได้มาจากหอธารสวรรค์จึงได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับเหยียนลี่หยางรวมถึงที่อยู่ของเจ้าด้วย ข้าจึงได้จงใจเข้าหาเจ้าเพราะข้าอยากที่จะรู้ถึงสถานการณ์ของเหยียนลี่หยาง และต่อมาในงานประลองยุทธ์ข้าก็ได้เอาเรื่องที่ตระกูลเหยียน ไล่ล่าฆ่ามาพูดเข้าหัวของเหยียนลี่หยาง ก็เพื่อที่เขาจะได้ไม่มีสมาธิและทำให้ข้าทำงานนี้ให้สำเร็จง่ายขึ้น”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้คลายปมทั้งหมดในใจของเย่เย่ ราวกับว่าตัวเขานั้นยอมรับในชะตากรรมของตัวเองแล้วและไม่คิดที่จะปิดบังอีกต่อไป
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้อธิบายให้เย่เย่ฟัง ว่าในงานประลองยุทธ์คราวก่อนเหตุผลที่ว่าทำไมเหยียนเสี่ยวเฟยถึงได้โทษเรื่องที่ตระกูลเหยียนไล่ฆ่าเขานั้นเป็นความผิดของ เหยียนลี่หยางนั้น นอกจากจะเพื่อเป็นการทำให้เหยียนลี่หยางเสียสมาธิแล้วยังทำให้ตัวเขารู้สึกสบายใจขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่าหลังจากที่ตัวเขาเกิดใหม่ เหยียนเสี่ยวเฟย นั้นจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตระกูลเหยียนนั้นเป็นเพียงความทรงจำ และไม่ได้มีความทรงจำใดๆให้ขุ่นเคืองหรือคิดถึง เหยียนลี่หยางแล้วก็ตาม แต่พอเข้าได้เจอกับเหยียนลี่หยางอีกครั้งเข้าจริงๆ เขาก็ได้รู้สึกตัวว่าตัวเขานั้นไม่สามารถมอง เหยียนลี่หยางให้เป็นคนแปลกหน้าจริงๆได้ แต่เพื่อที่จะทำให้งานที่เขาได้รับมอบหมายมานั้นสำเร็จเหยียนเสี่ยวเฟยก็จำเป็นที่จะต้องหลอกตัวเอง และโทษทุกอย่างให้เป็นความผิด เหยียนลี่หยางที่ทำให้เขาต้องถูกไล่ฆ่า
ในเวลานี้เหยียนลี่ย่างก็ได้พยายามช่วยเขาถ่วงเวลาเอาไว้ จึงได้ถูกคุมขังเอาไว้โดยคุกของตระกูลเหยียน ถึงแม้ว่าชีวิตของเขาจะไม่เป็นตรายอะไร แต่ก็จะส่งผลร้ายอย่างมากกับหนทางในการฝึกวิชาในอนาคต ดังนั้นเหยียนเสี่ยวเฟยที่ไม่อาจทำให้เหยียนลี่หยางเป็นเป้าหมายคนหนึ่งที่เขาต้องจัดการได้นั้น จึงได้ไม่อยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าเย่เย่
เมื่อเห็นแววตาของเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว เย่เย่ก็เหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้
เขาจึงได้ไม่ถามอะไรเหยียนเสี่ยวเฟยต่อ กลับกันเขาก็ได้หันหลังให้แล้วแอบลอบเร้นเข้าไปในเขาเหยียนเป่ยต่อ และในขณะเดียวกันเขาก็ได้บอกกับเหยียนเสียวเฟยที่อยู่ข้างหลังเขา “เจ้ามัวยืนทำอะไรอยู่? รีบตามข้าลอบขึ้นเขาเหยียนเป่ยเร็ว! คืนนี้หากพวกเราแยกกันทำงาน โอกาสที่พวกเราจะช่วย เหยียนลี่หยางได้สำเร็จก็จะมีมากขึ้น!”
ทันทีที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้ยินที่เย่เย่กล่าว เขาก็ได้โต้แย้งกลับไปอย่างไม่พอใจทันที “นี่เจ้าได้ตั้งใจฟังข้าหรือเปล่าเนี่ย? ข้าเป็นมือสังหารที่ถูกส่งมาฆ่าเหยียนลี่หยางนะ! ถึงแม้ว่าข้าจะมีเหตุผลที่ทำให้ข้าไม่สามารถลงมือได้ในตอนนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะตามเจ้าไปช่วยเขานะ!”
หลังจากที่เย่เย่กล่าวจบ เขาก็ได้หันหลังกลับและลอบขึ้นเขาเหยียนเป่ยต่อ ในเวลานี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งอธิบายอะไรให้เหยียนเสี่ยวเฟยฟัง
ถึงแม้เมื่อสักครู่เหยียนเสี่ยวเฟยจะบอกกับเย่เย่ว่าตัวเขานั้นมาอยู่แถวๆเขาเหยียนเป่ยก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงการตามล่าของตระกูลเหยียนก็ตาม แต่สถานที่กว้างใหญ่เช่นนี้เย่เย่นั้นไม่เชื่อว่าการที่พวกเขาทั้งสองคนจะมาพบกันได้โดยบังเอิญนั้นจะเป็นไปได้จริงๆ
โดยเฉพาะในตอนที่เหยียนเสี่ยวเฟยบอกว่าเคยใช้หน่วยข่าวกรองของหอธารสวรรค์เพื่อค้นหาที่อยู่ของเขาได้นั้น เย่เย่ก็ได้มั่นใจมากว่าอีกฝ่ายนั้นจะต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาในครั้งนี้จะต้องมีจุดประสงค์เป็นแน่
ซึ่งต่างไปจากครั้งก่อน ในครั้งนี้เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่ได้มาเพื่อหาข้อมูลของเหยียนลี่หยาง เพราะตัวเขานั้นมีเพียงจุดประสงค์เดียวที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ นั่นคือการช่วยเหลือเหยียนลี่หยางจากตระกูลเหยียนไปพร้อมกับเย่เย่ เพียงแต่ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นยังคงดื้อรั้นและปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตัวเองนั้นรู้สึกผิดต่อเหยียนลี่หยาง ดังนั้นจึงได้เสียเวลาอยู่พักใหญ่ในการพูดอ้อมค้อมไปมาโดยไม่อธิบายถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา
เย่เย่นั้นก็ขี้เกียจที่จะพูดพร่ำทำเพลงกับ เหยียนเสี่ยวเฟยต่อ หลังจากที่เขายืนยันจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้แล้ว ก็ได้เริ่มปรับเปลี่ยนแผนการช่วยเหลือของเขาก่อนหน้าทันที และเร่งให้เหยียนเสี่ยวเฟยรีบลงมือโดยไวเพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้มองที่แผ่นหลังของเย่เย่ที่หายลึกเข้าไปในเขาเหยียนเป่ย และมีรอยยิ้มที่จนปัญญาปรากฏบนใบหน้าของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ได้มีแววตาที่โล่งใจปรากฏออกมา และได้รีบมุ่งหน้าและหายเข้าไปในเขาเหยียนเป่ยอย่างรวดเร็ว
ในคืนนั้นที่บ้านหลักสกุลเหยียนนั้นยังคงจุดไฟสว่างไสว
ถึงแม้ว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะถูกคุมขังอยู่ในคุก ตระกูลเหยียนตามความต้องการของผู้อาวุโสเป่ยซานก็จริงอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้สรุปว่าใครในตระกูลเหยียนจะเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องของนักโทษพิเศษคนนี้
“ท่านผู้อาวุโส ในฐานะที่ข้าเป็นนายน้อยของ ตระกูลเหยียน ข้าก็สมควรที่จะเป็นผู้ที่รับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเหยียน ดังนั้นข้าจึงขอให้ท่านผู้อาวุโสจงไว้ใจมอบหมายงานสำคัญนี้ให้กับข้าด้วย ข้าเหยียนเทียนหรานขอรับรองว่าในหนนี้ข้าจะไม่ทำให้ท่านผู้อาวุโสต้องผิดหวังอีกโดยเด็ดขาด!”
ที่ห้องโถงใหญ่เหยียนเทียนหรานได้พยายามอย่างเต็มที่และมุ่งมั่นที่จะรับเอาหน้าที่ดูแลเหยียนลี่หยางมาให้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะพูดดูดี แต่เหยียนเจิ้นตงกับคนอื่นๆก็พอจะเดาได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหยียนเทียนหราน พวกเขาจึงได้พลันแสดงการคัดค้านข้อเสนอนี้อย่างแรงกล้าทันที
“ไม่ได้นะครับท่านผู้อาวุโส! ใครๆก็ต่างก็รู้เรื่องของความขัดแย้งระหว่างเหยียนเทียนหรานกับเหยียนลี่หยางเป็นอย่างดี ถ้าหากว่ามอบเหยียนลี่หยางให้กับเหยียนเทียนหรานแล้ว เกรงว่าเหยียนลี่หยางคงไม่แคล้วถูกเขาฆ่าตายเสียก่อนจะถึงเส้นตาย 10 ปีเสียอีก!”
ทันทีที่เหยียนเจิ้นตงกล่าวคัดค้านเหยียนเทียนหรานจบนั้น เขาก็ได้แสดงออกถึงความกังวลของเขาให้แก่ ผู้อาวุโสเป่ยซานที่อยู่ในห้องนั้น
พวกของเหยียนเสียอวิ๋นเองก็ไม่ต้องการให้ เหยียนเทียนหรานนั้นพบกับเหยียนลี่หยาง พวกเขาจึงได้เห็นพ้องกับคำพูดของเหยียนเจิ้นตงและเกลี้ยกล่อมให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่เห็นด้วยกับเหยียนเทียนหราน
เหล่าผู้นำระดับสูงในตระกูลเหยียนที่เดิมทีทำงานร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้นก็ได้เริ่มแบ่งออกเป็นสองหลังจากที่ เหยียนลี่หยางปรากฏตัว และในเวลานี้ต่างก็ได้โวยวายใส่กันเมื่อความเห็นไม่ตรงกันมากขึ้นเรื่อยๆ และดูไม่เหมือนกับตระกูลอันดับหนึ่งในแผ่นดินเทียนหนานแล้ว
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมาเมื่อเห็นภาพเช่นนี้และเริ่มรู้สึกไม่พอใจเหยียนลี่หยางมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพวก เหยียนเจิ้นต้งที่มีความคิดปกป้องเหยียนลี่หยางด้วย
โดยเฉพาะหลังจากที่เหยียนลี่หยางได้แสดงการต่อต้านผู้อาวุโสเป่ยซานอย่างเปิดเผยและถูกจัดการนั้น พวกเหยียนเจิ้นตงนั้นก็ยังคงปกป้องเหยียนลี่หยางอยู่ตลอด ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้ทำอะไรผิดไป และท่าทีที่มีต่อพวกเหยียนเจิ้นตงนั้นก็ได้แย่ลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็เชื่อว่าความสามารถของพวกเหยียนเจิ้นตงนั้นได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และความสำเร็จของพวกเขานั้นก็ยังหวังได้น้อยกว่าเหยียนเทียนหรานมาก ดังนั้นตัวเขาจึงได้ให้ความสนใจกับเหยียนเทียนหรานมากเป็นพิเศษ แม้ว่าเหยียนเทียนหรานนั้นจะทำให้เขานั้นผิดหวังมาหลายหนแล้วก็ตามที แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ยังคิดที่จะให้โอกาสเขาอีกครั้งเพราะคำพูดที่อ่อนน้อมของเขา
“เหยียนลี่หยางเป็นผู้ทรยศที่หนักนาที่สุดของ ตระกูลเหยียน จะต้องไม่มีความผิดพลาดใดๆในการจับกุมเขา ในเมื่อเทียนหรานได้อาสาที่จะรับผิดชอบหน้าที่อันใหญ่หลวงนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะมอบหน้าที่ดูแลเหยียนลี่หยางให้กับเขา!”
หลังจากที่มองไปที่พวกเหยียนเจิ้นตงแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ประกาศการตัดสินใจของเขาในเรื่องนี้ทันที ซึ่งการที่เขาได้แสดงออกถึงความชอบพอเหยียนเทียนหรานเป็นพิเศษโดยไม่ปิดบังเช่นนี้ ก็ได้ทำให้พวกเหยียนเจิ้นตงนั้นรู้สึกได้ถึงความเย็นชาขึ้นมาได้ในทันที
“ท่านผู้อาวุโส….”
เหยียนเจิ้นตงก็ได้มองไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูกอย่างสุดๆ และรู้สึกได้ว่าภาพพจน์ของอีกฝ่ายในหัวใจของเขานั้นได้พังทลายลงมากขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นเป็นเหมือนกับเทพของตระกูลเหยียน และทุกความคิดของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ไม่เคยทำให้เหยียนเจิ้นตงนั้นผิดหวังและนำพาตระกูลเหยียนมาสู่ความรุ่งเรืองมาโดยตลอด
แต่นับตั้งแต่ที่เหยียนลี่หยางกลับมาและขัดคำสั่งผู้อาวุโสเป่ยซานหลายต่อหลายครั้งนั้น ก็ได้ทำให้นิสัยที่แท้จริงของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เทียบกับในการทำสิ่งที่ถูกแล้วผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็เลือกที่จะต่อต้านผู้ที่ไม่เชื่อฟังเขามากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นในดวงตาของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้น ความรักของครอบครัวนั้นไม่มีค่าพอให้พูดถึงเลย มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่อยู่ในหัวของเขา แม้ว่าเหยียนลี่หยางจะเป็นทายาทแท้ๆของเขา แต่ในสายตาของผู้อาวุโสเป่ยซานแล้วก็ยังด้อยกว่า เหยียนเทียนหรานที่เชื่องต่อเขา