ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 376 พบเหยียนเสี่ยวเฟยอีกครั้ง
บทที่ 376
พบเหยียนเสี่ยวเฟยอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนนั้นมีใบหน้าที่ทั้งร้อนรนและจริงใจก็จริง แต่เข้าก็แอบก่นด่าเย่เย่อยู่ในใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นยอดฝีมือระดับราชันย์เทพที่ไร้ยางอายเช่นนี้ที่ต้องการทั้งตั๋วทองและชื่อเสียง และสิ่งที่เขาทำนั้นโหดเหี้ยมยิ่งกว่าพวกโจรเมื่อสักครู่เสียอีก แต่ทว่าภาพที่เย่เย่สังหารพวกโจรเมื่อสักครู่นี้ก็ได้ฉีกทำลายความเพ้อฝันของเขาไปจนสิ้นแล้ว ในเวลานี้เขาได้แค่หวังให้เย่เย่นั้นหายไปในทันทีหลังจากที่เอาทรัพย์สินของเขาไปและไม่กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก
เมื่อเห็นว่าชายกลางคนนั้นเหมือนจะเข้าใจที่เขาพูดดี จึงได้รับเอาตั๋วเงินของอีกฝ่ายมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และในขณะเดียวกันเขาก็ได้กล่าวกับชายวัยกลางคนอย่างซาบซึ้งน้ำใจ “ที่แท้เจ้าก็เป็นคนที่จิตใจดีอะไรเช่นนี้ แล้วทำไมตอนที่ข้าแค่ถามคำถามกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องขูดเลือดขูดเนื้อข้าด้วยเล่า? แต่เห็นแก่ที่เจ้ายอมรับและแก้ไขความผิดพลาดของตัวเองข้าจะยกโทษให้เจ้าก็ได้ ข้าจะเอาไปแค่ตั๋วทองของเจ้าส่วนที่เหลือเจ้าเก็บเอาไว้เถอะ จะปล่อยให้เจ้ามาพูดลับหลังข้าว่าเป็นคนไม่รู้จักพอไม่ได้”
หลังจากที่เย่เย่ได้ตั๋วทองที่ชายวัยกลางคนมอบให้มา ก็ได้ทำให้เขามีเงินทั้งหมดร่วมๆ 3 ล้านตั๋วทองทันทีและสีหน้าของเขาก็ได้แจ่มใสขึ้นมาทันที
ก่อนที่เขาจะได้มา 3 ล้านตั๋วทองนั้น เย่เย่นั้นยังกังวลอยู่ว่าเขาจะย้อนกลับไปที่บ้านสกุลเหยียนเพื่อช่วยเหยียนลี่หยางอย่างไรดี แต่ในเวลานี้เขาพอจะมีแผนการคร่าวๆในใจแล้ว ดังนั้นดวงตาของเขาที่มองไปที่ชายวัยกลางคนจึงได้อ่อนโยนลง
“คุณชายคิดมากเกินไปแล้ว ผู้น้อยอย่างข้าจะไปกล้าที่จะพูดลับหลังคุณชายได้อย่างไร? เมื่อสักครู่ข้านั้นแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองขอได้โปรดอย่าเก็บมาใส่ใจเลย! และข้าเองก็พอจะรู้ถึงสถานการณ์ภายในเมืองเหยียนเป่ยอยู่บ้าง ขอเพียงคุณชายถามมาหากว่าเป็นสิ่งที่ผู้น้อยรู้ก็จะบอกท่านอย่างหมดเปลืองแน่นอน!”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้ยินที่เย่เย่พูดแล้วเขาก็ได้รีบโบกไม้ปัดและกล่าวว่าเขาไม่กล้าพูดให้ร้ายเย่เย่ลับหลัง แต่ในใจของเขานั้นแอบด่าโคตรพ่อโคตรแม่เย่เย่ 18 ชั่วโคตรในใจ
เพราะว่าชายวัยกลางคนนั้นมีทรัพย์สินอื่นๆอยู่น้อยนิดหากเทียบกับตั๋วทองที่เย่เย่เอาไปก็เหมือนกับขนเส้นเดียวจากวัวเก้าตัว เรียกได้ว่าเย่เย่นั้นแทบจะเอาทรัพย์สินทั้งตัวของเขาไปจนหมดแล้ว แต่เขาก็ยังคงแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจและแสดงออกว่าเย่เย่นั้นไม่ใช่คนโลภมากไม่รู้จักพอแต่อย่างใด แต่จริงแล้วชายวัยกลางคนนั้นรู้สึกแย่อย่างสุดๆ
แต่เพราะเขาล่วงเกินเย่เย่ไปเมื่อสักครู่นี้ทำให้ชายวัยกลางคนนั้นไม่กล้าที่จะพูดจาผายลมอีก และหลังจากที่ได้ยินที่ เย่เย่พูดถึงความบาดหมางของพวกเขาทั้งคู่เมื่อสักครู่นี้แล้ว ชายวัยกลางคนก็ได้พลันแสดงถึงความยินดีที่จะบอกทุกเรื่องที่ เย่เย่อยากจะรู้อย่างฟรีๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เย่เย่จะได้ยกโทษเขาที่ล่วงเกินและเสียมารยาทไปเมื่อสักครู่
หลังจากที่เย่เย่ได้ถามชายวัยกลางคนเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเหยียน เขาก็ได้เลิกกลั่นแกล้งและปล่อยให้ชายวัยกลางคนไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย
ตัวเขานั้นไม่สนใจศพที่เกลื่อนกลาดเต็มถนนนี้แล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองเหยียนเป่ย หลังจากที่มองไปยังทิศที่อยู่ของบ้านสกุลเหยียนแล้ว เย่เย่ก็ได้รีบมุ่งหน้าไปยังเขาเหยียนเป่ย และใช้เวลาไม่นานนักที่ตัวเขาได้หายลับไปจากเส้นขอบฟ้า
ถึงแม้ว่าที่ภูเขาเหยียนเป่ยนั้นจะไม่ใช่เทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนเทียนหนานแต่ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก ภูเขาแห่งนี้อุดมไปด้วยทรัพยากรมากมายจึงได้เป็นรากฐานที่สำคัญของตระกูลเหยียนที่กลายมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเทียนหนานได้ ดังนั้นทั่วทั้งภูเขาเหยียนเป่ยนั้นจึงได้มีเหล่าคนของตระกูลเหยียนคอยดูแลรักษาอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกคนที่ไร้ศีลธรรมแอบเข้ามาขโมยสิ่งของในภูเขาเหยียนเป่ยจนทำให้เกิดความสูญเสียขึ้นมาในตระกูลเหยียน
แต่ทว่าภูเขาเหยียนเป่ยนั้นก็กว้างมาก ต่อให้ ตระกูลเหยียนนั้นส่งคนไปคอยดูแลตามทางเข้าออกภูเขา เหยียนเป่ยก็ตาม แต่เนื่องจากกำลังพลของตระกูลเหยียนนั้นมีอยู่อย่างจำกัดจึงไม่สามารถที่จะหยุดยั้งยอดฝีมือที่แท้จริงได้ ถ้าเกิดว่ามียอดฝีมือระดับราชันย์เทพหรือว่าสูงกว่านั้นเข้ามาในภูเขา เหยียนเป่ยแล้ว เหล่าคนของตระกูลเหยียนนั้นก็คงจะไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย การป้องกันของพวกเขานั้นจึงได้เปล่าประโยชน์กับเหล่ายอดฝีมือที่แท้จริง
เย่เย่นั้นไม่ได้เห็นคนของตระกูลเหยียนที่กำลังคอยคุ้มกันภูเขาเหยียนเป่ยอยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากที่เขาออกไปจากที่นี่เพื่อรักษาตัวนั้น แต่ไม่นานนักเขาก็ได้กลับมาที่ตีนเขาเหยียนเป่ยแห่งนี้และคิดที่จะดำดิ่งเข้าไปในภูเขา เหยียนเป่ยนี่อีกครั้งเพื่อช่วยเหยียนลี่หยางออกมา
แต่ในขณะที่เย่เย่กำลังเตรียมการจะลงมืออยู่นั้นเอง ก็ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างเงียบๆอยู่ไม่ไกลจาก เย่เย่นัก
“ใครน่ะ?”
เย่เย่ก็ได้พลันมองไปรอบๆและชักกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพที่อยู่ข้างหลังของเขาออกมาและชี้ไปยังศัตรู แต่ก็พบว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากเหยียนเสี่ยวเฟย คนของตระกูลเหยียนที่หลบหนีออกมาจากเมืองเหยียนเป่ย
“เป็นเจ้านี่เอง!”
ดวงตาของเย่เย่ก็ได้ปรากฏแสงออกมา และหลังจากที่ยืนยันตัวตนของอีกฝ่ายได้เขาก็ได้กวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพหมายที่จะสังหารเหยียนเสี่ยวเฟยโดยไม่ลังเล
ตูม!
ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะได้ออมพลังของกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพไว้บางส่วนอยู่ แต่ทันทีที่เขาเริ่มใช้พลังปราณในอากาศในระยะรอบๆ 50 เมตรรอบๆปั่นป่วนขึ้นมาทันที และเกิดเป็นลมกรรโชกที่รุนแรงหมุนวนรอบๆสองคนนั้นราวกับมีมังกรลมที่มองไม่เห็นอยู่บริเวณนั้น
ซู่!
แล้วก็ได้ปรากฏแสงดาวปรากฏขึ้นมาในบริเวณรอบๆ 50 เมตรนั้น แล้วกลายเป็นสายธารดวงดาวพุ่งเข้าใส่เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยพลังกดดันที่น่ากลัวอย่างสุดๆ
“เดี๋ยวก่อนสิ!”
เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่คิดว่าเย่เย่นั้นจะคิดสังหารเขาทันทีที่พบเช่นนี้ เขาจึงได้รีบตะโกนบอกให้เย่เย่หยุดก่อนทันที
แต่เย่เย่นั้นไม่สนใจฟังเสียงของเหยียนเสี่ยวเฟย และยังคงกวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพและฟาดฟัน เหยียนเสี่ยวเฟยต่อ และสายธารดวงดาวก็ได้ม้วนตัวเข้าหากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพในมือของเย่เย่ราวกับมังกรพิโรธที่หมายจะสังหารเหยียนเสี่ยวเฟยให้ตายในทันที
“ตาย!”
ท่ามกลางความสิ้นหวัง เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ขว้างมีดบินทั้ง 9 เล่มออกมาจากตัวของเขา และได้ทำการควบคุมให้พวกมันมารวมตัวกันกลายเป็นกระบี่สีทอง แล้วเข้าปะทะกับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพที่หมายจะสังหารเขาในทันที
ตูม!
เกิดเป็นลูกบอลพลังแสงขึ้นมาจากตรงที่กระบี่ทั้งสองเล่มปะทะกัน แล้วก็ระเบิดขึ้นหลังจากที่ขยายขนาดมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่เย่กับเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้ถูกผลักให้ถอยออกมาด้วยพลังระเบิดที่เกิดขึ้นนี้ แต่ทว่าสายธารดวงดาวที่หล่นมาจากฟ้านี้ก็ได้ชะงักอยู่แค่ชั่วขณะก่อนที่จะพุ่งเข้าหา เหยียนเสี่ยวเฟยต่อ
ซึ่งก็ได้เข้าโอบล้อมกระบี่สีทองก่อน แล้วจากนั้นก็ได้ ถาโถมใส่ร่างของเหยียนเสี่ยวเฟยอย่างรุนแรงราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้เหยียนเสี่ยวเฟยกระอักเลือดออกมาคำโตในขณะที่กระเด็นลอยออกไป ดวงตาของเขาได้จ้องมองไปที่ท้องฟ้าในอากาศด้วยความหวาดกลัว
ซึ่งเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคิดว่าเหยียนลี่หยางที่ถือกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพนั้นก็รับมือได้ยากพอแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าเมื่อ เย่เย่ลงมือเองแล้วตัวเขากลับพ่ายแพ้ทันทีโดยที่ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะได้ตอบโต้เลย พวกเขาทั้ง 3 คนนั้นต่างก็อยู่ในระดับสูงสุดของราชันย์เทพ ช่องว่างระหว่างพวกเขาก็จึงไม่ควรที่จะห่างมากถึงขนาดนั้น
ในความเป็นจริงๆแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่ได้เห็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเหยียนลี่หยางตอนที่เขาเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเป่ยซาน ไม่อย่างนั้นตัวเขาก็คงไม่แอบคิดว่ามีเพียงเย่เย่คนเดียวที่มีพลังเว่อร์วัง และพลังของเหยียนลี่หยางก็น่าจะพอๆกับของเขา!
“แฮ่กๆๆ”
หลังจากที่ถูกกระบี่ในมือเย่เย่ฟันเข้าไป เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เลิกคิดที่จะสู้กับเย่เย่ เขาได้รีบเปลี่ยนกระบี่สีทองกลับเป็นมีดบินทั้ง 9 เล่ม และเรียกให้กลับมาอยู่ในมือของเขาและในขณะเดียวกันก็ได้รีบถอยห่างออกจากเย่เย่ ราวกับว่าตัวเขานั้นต้องการที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเขากับเย่เย่
“ไม่เคยมีความบาดหมางและเกลียดชังอะไรระหว่างพวกเราในอดีต แล้วทำไมเจ้าถึงได้โจมตีใส่ข้าสุดแรงเกิดทันทีที่พวกเราได้พบกันด้วย? หรือว่าเรื่องที่ข้าเคยล้อเล่นกับเจ้าในร้านอาหารเมื่อครั้งก่อนนั้น เจ้าจะยังเป็นเดือดเป็นแค้นถึงตอนนี้?”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ถามเย่เย่อย่างสงสัย ในขณะเดียวกันก็ได้มีความว้าวุ่นใจในใจของเขา เขาไม่คิดว่าพลังของเย่เย่นั้นจะสุดยอดมากถึงขนาดนี้
เหยียนลี่หยางเชื่อว่าตัวเองนั้นเป็นก็สุดยอดมากในบรรดายอดฝีมือระดับสูงสุดราชันย์เทพแล้ว แต่เหยียนลี่หยางนั้นก็ได้ดับความภาคภูมิใจตัวเขาไปรอบแล้ว และในตอนนี้เมื่อเทียบกับเย่เย่แล้วก็ได้ทำให้เหยียนเสี่ยวเฟยต้องหายถอนหายใจออกมา
อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่เย่เย่ได้ซัดเหยียนเสี่ยวเฟยจนถึงจุดที่ต้องกระอักเลือดออกมาแล้วก็ได้ทำให้เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง เขาเอากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพเก็บเข้าฝักแล้วก็เปิดปากบอกกับเหยียนเสี่ยวเฟยอย่างเย็นชา “เจ้ายังจะมีหน้ามาถามอีกงั้นเหรอ! ถ้าหากข้าช่วยเอาไว้ไม่ทันในหนก่อน เหยียนลี่หยางก็คงจะตายด้วยน้ำมือของเจ้าไปแล้ว และเพราะช่วยให้เจ้าหนีไปได้ในเวลานี้เหยียนลี่หยางจึงได้ถูกขังอยู่ในคุกของตระกูลเหยียน เขาต้องจำคุกอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 10 ปี ถ้าหากไม่มีใครช่วยเขาออกมาเจ้าก็น่าจะรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
ถึงแม้เย่เย่นั้นจะรู้ดีถึงความรู้สึกผิดของเหยียนลี่หยางที่มีแต่เหยียนเสี่ยวเฟย แต่เขาก็ยังไม่อาจดูดายปล่อยให้ เหยียนเสี่ยวเฟยสังหารเหยียนลี่หยางได้ ในครั้งก่อนถ้าหากว่าเขาไปช่วยไม่ทันการแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็คงจะทำให้เหยียนลี่หยางตายด้วยแผนการของเขาไปแล้ว จึงแน่นอนว่าเย่เย่นั้นจะรู้สึกไม่ประทับใจเหยียนเสี่ยวเฟยนัก
แล้วที่ในเวลานี้เหยียนลี่หยางต้องตกต่ำถึงจุดนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ แม้ว่า เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะมีเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเกลียดชัง ตระกูลเหยียน แต่เพราะการปรากฏตัวของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นได้ทำให้แผนการต่างๆของเขาพังอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เย่เย่นั้นอยากซัดเหยียนเสี่ยวเฟยเพื่อเป็นการระบายอารมณ์
ในเวลานี้ความโกรธของเขาได้ลดลงมาบ้างแล้ว แล้วเขาก็ได้เริ่มคิดหาเหตุผลว่าทำไมเหยียนเสี่ยวเฟยถึงได้ยังอยู่ที่นี่ และสงสัยถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการกลับมาที่บ้านสกุลเหยียนของเหยียนเสี่ยวเฟย
และหลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้ยินที่เย่เย่ถามแล้ว ก็ได้มีแววตาบอกไม่ถูกปรากฏบนใบหน้าของเขาทันที แต่เขาก็ได้ฟื้นคืนท่าทางของเขากลับมาได้ในทันทีเช่นกันและตอบคำถามเย่เย่ อย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร “จุดประสงค์ในการกลับมาที่เมือง เหยียนเป่ยของข้านั้น เดิมทีก็เพื่อที่จะสังหารเหยียนลี่หยางอยู่แล้ว และการที่เขาถูกคุมขังอยู่ในบ้านสกุลเหยียนนั้นเพราะช่วยข้าหนีรอดนั้น ก็เป็นเพราะเขาเลือกเองไม่เกี่ยวอะไรกับข้าทั้งนั้น!”
แน่นอนว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็รู้ดีถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของเหยียนลี่หยาง และเขาก็รู้ด้วยว่าเหยียนลี่หยางนั้นถูกจำคุกอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งจะพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการบรรลุขึ้นสู้ระดับจักรพรรดิเทพไปและอาจจะไม่สามารถที่จะบรรลุได้อีกเลยตลอดชีวิต
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเหยียนลี่หยางนั้นช่วยได้ช่วยให้เขาหนีรอดออกมาได้ แม้ว่าหลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้เผยเจตนาที่จะสังหารเหยียนลี่หยางแล้วก็ตาม แต่เหยียนลี่หยางก็ยังไม่ลดละความต้องการที่จะปกป้องเขาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งเพียงแต่เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่ต้องการที่จะยอมรับว่าตัวเขานั้นรู้สึกผิดต่อเหยียนลี่หยาง จึงได้ฝืนกัดฟันทนและผลักทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นความผิดของเหยียนลี่หยาง
เมื่อเห็นสีหน้าที่ลำบากใจในดวงตาของเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว เย่เย่ก็ไม่คิดที่จะถามเขาต่อ
หลังจากที่ซัดเหยียนเสี่ยวเฟยเสียจนกระอักเลือดไปเมื่อสักครู่แล้ว ความโกรธของเย่เย่ที่มีต่อเขานั้นก็ได้หายไปจนเกือบหมดแล้ว ในเวลานี้เขาสนเพียงแค่เหตุผลที่ว่าทำไม เหยียนเสี่ยวเฟยถึงได้มาอยู่ที่นี่และทำไมเขาถึงได้กลับมาที่เหมือนเหยียนเป่ยเพื่อสังหารเหยียนลี่หยางด้วย
“หลังจากที่เจ้าหนีออกไปจากเมืองเหยียนเป่ยแล้ว ทำไมเจ้าถึงได้ไม่หนีไปให้ไกลที่สุด แต่กลับยังอยู่ในละแวกภูเขา เหยียนเป่ยแทนเล่า?”
เย่เย่ก็ได้จับจ้องไปที่ดวงต่อของเหยียนเสี่ยวเฟย ราวกับว่าเขาต้องการที่จะมองเหยียนเสี่ยวเฟยให้ทะลุและถาม เหยียนเสี่ยวโดยปราศจากซึ่งอารมณ์ใดๆ
แต่ทว่าเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ยิ้มออกมาและตอบเย่เย่ อย่างไม่ใส่ใจ “ในเวลานี้ตระกูลเหยียนได้ส่งกำลังผลทั้งหมดออกไปทั่วดินแดนเทียนหนานเพื่อค้นหาที่อยู่ของข้า แต่ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด พวกเขาคงไม่คิดหรอกว่าคนที่พวกเขากำลังตามหาอย่างสุดความสามารถนั้น จริงๆแล้วจะซ่อนตัวอยู่แค่ที่ตีนเขาเหยียนเป่ยเอง ส่วนเรื่องของการพบกันของพวกเรานั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น เจ้าไม่ต้องระแวงข้ามากถึงขนาดนั้นก็ได้”