ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 369 เจตนาสังหาร
บทที่ 369
เจตนาสังหาร
เหยียนเจิ้นตงก็ได้แอบจ้องไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานที่สีหน้านิ่งๆ แล้วก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยืนยันด้วยตัวเอง แต่เหยียนเจิ้นตงก็มั่นใจเต็มร้อยว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ต้องการให้ เหยียนเสี่ยวเฟยชนะอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นในฐานะที่เป็นลูกหลานตระกูลเหยียนเช่นกัน ในตอนที่เหยียนลี่หยางประกาศขอถอนตัวเมื่อวานนี้ ผู้อาวุโสเป่ยซานก็คงมอบยาอุษาชาดให้ เหยียนเสี่ยวเฟยไปแล้ว
ในเวลานี้มีเสียงตะโกนเชียร์เหยียนลี่หยางมาจากรอบๆลานกว้าง แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะตัวเขานั้นมั่นใจในตัวของเหยียนลี่หยางและคิดว่าขอเพียงเหยียนลี่หยางนั้นไม่ออมมือให้แล้ว เขาก็จะสามารถเอาชนะ เหยียนเสี่ยวเฟยและชนะเลิศได้อย่างแน่นอน ทำให้ตัวเขานั้นรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้
เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ไม่รอช้า ลุกขึ้นยืนแล้วทำมือบอกให้ผู้คนเบาๆเสียงลง!
แล้วที่ลานกว้างซึ่งเสียงดังเอะอะอยู่เมื่อสักครู่นั้นก็ได้เงียบลงมาทันที แล้วทุกคนก็ได้มองไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานด้วยสีหน้าคาดหวัง ราวกับว่าพวกเขานั้นรอคอยการต่อสู้นี้อยู่นานมากแล้ว
“ถ้าหากว่าพวกเจ้าพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มการต่อสู้กันได้เลย! แต่จงจำไว้ว่าถ้าหากข้าจำได้ว่ามีคนที่จงใจออมมือให้อีกฝ่ายแล้ว พวกเจ้าทั้งสองคนจะต้องถูกเสียสิทธิ์จากการแข่งขันทันที แล้วยาอุษาชาดที่เป็นของรางวัลของงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลในครั้งนี้จะต้องตกเป็นของแชมป์คนก่อนหน้า เหยียนเทียนหรานทันที!”
หลังจากที่ผู้อาวุโสเป่ยซานกล่าวเตือนเหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยบนเวทีเสร็จแล้ว เขาก็ได้นั่งลงประจำที่ของเขาโดยไม่พูดอะไรต่ออีก
“เสี่ยวเฟย ลุยกันเลย!”
หลังจากที่ได้ยินที่ผู้อาวุโสเป่ยซานกล่าวแล้ว สีหน้าของเหยียนลี่หยางก็ได้เคร่งขรึมขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าจะหลอกคนดูรวมถึงคนในระดับสูงของตระกูลได้ก็ตามที แต่วรยุทธ์ของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นสูงเกินไป ไม่ว่าตัวเขานั้นจะสามารถหลอกผู้อาวุโสเป่ยซานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อทั้งสองคนได้ขึ้นเวทีมาแล้วก็แน่นอนว่าตัวเขาก็ไม่อยากเห็นยาอุษาชาดนั้นตกอยู่ในมือของเหยียนเทียนหรานเช่นกัน ดังนั้นเหยียนลี่หยางจึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วจะตะโกนบอกเหยียนเสี่ยวเฟย
“ได้ ระวังตัวด้วย!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ผงกหัวให้เหยียนลี่หยางเบาๆแล้วจากนั้นก็ได้บุกเข้าไปหาเหยียนลี่หยาง
เพราะว่าเขาได้บอกเหยียนลี่หยางกับเย่เย่ไปเมื่อวานแล้วว่าตัวเขานั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะชิงชัยเอายาอุษาชาดอยู่ในหัว เหยียนเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ในตอนที่โจมตีใส่ เหยียนลี่หยาง แต่อาศัยเพียงกำลังพลังยุทธ์ของเข้าต่อสู้กับ เหยียนลี่หยาง
แล้วหมัดของทั้งสองคนก็ได้ปะทะกัน เกิดเป็นม่านพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าที่ค่อยๆขยายขนาดมากขึ้นเรื่อยๆแล้วระเบิดทันที
ตูม!
คลื่นอากาศที่รุนแรงก็ได้ผลักให้เหยียนลี่หยางกับ เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่ตรงกลางเวทีนั้นต้องถอยออกมาทันที
แต่ทว่าผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้ เพราะเขานั้นพบว่าทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการประลองนี้ และใช้พลังเพียง 5 ส่วนในการประลองนี้
ถึงแม้ว่าเหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกจะไม่ได้สายตาเฉียบคมเหมือนอย่างผู้อาวุโสเป่ยซาน แต่พวกเขาก็เดาได้ว่าทั้ง เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงจะตกลงกันได้แล้ว จึงได้ทำให้การประลองนี้จึงได้ไม่ถึงลูกถึงคนนัก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ถ้าเหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นยังทำเช่นนี้ต่อไป ก็จะเป็นไปได้ที่ ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะยกเลิกสิทธิ์ของทั้งคู่ ดังนั้นเหยียนเจิ้นตงจึงได้มองไปที่เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยด้วยสายตาเป็นกังวล และมีสีน่าอึดอัดใจอยู่ตลอดเวลา
ที่บนเวที เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยเองก็เข้าใจว่าพวกเขานั้นคงไม่อาจที่จะหลอกผู้อาวุโสเป่ยซานได้ง่ายๆแน่
ดังนั้นหลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยได้ผลักเหยียนลี่หยางให้ถอยออกไปด้วยหมัดข้างหนึ่ง เขาก็ได้หยิบมีดบินทั้ง 9 เล่มออกมาพร้อมกันแล้วขว้างไปยังเหยียนลี่หยาง “เจ้าคงจะเห็นพลังของมีดบินทั้ง 9 เล่มนี้มาแล้ว วันนี้ก็ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังของมันด้วยตัวเองบ้างล่ะ!”
ฟิ่วๆๆ~~
ทันทีที่กล่าวจบ มีดบินทั้ง 9 เล่มก็ได้พุ่งไปโจมตี เหยียนลี่หยางทันที ราวกับว่าเส้นทางหลบหนีทั้งหมดได้ถูกปิดเอาไว้แล้ว
แต่ทว่าเหยียนลี่หยางนั้นกลับไม่ได้เร่งรีบอะไร แล้วเขาก็ได้ชักกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพออกมาจากข้างหลังแล้วโจมตีใส่มีดบินของเหยียนเสี่ยวเฟยอย่างใจเย็น “เข้ามาเลย กระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพของข้าก็ไม่ใช่ขี้ๆเหมือนกัน!”
แกร๊งๆๆ~~
เมื่อกระบี่ที่เพิ่งถูกชักออกมาฟาดฟันออกไป ก็ได้เกิดเสียงโลหะกระทบกันของมีดบินกับกระบี่วิเศษก็ได้ดังขึ้นมาทันที ทำให้เหล่าคนดูที่อยู่ด้านล่างของเวทีนั้นก็ได้ตาพร่าไปเพราะการเคลื่อนไหวที่แพรวพราวอยู่บนเวที
ในขณะที่เหล่าคนภายนอกกำลังดูศึกนี้อย่างสนุกสนานนั้น เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยที่เอาอาวุธของตัวเองออกมาใช้นั้น ก็ยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่แต่อย่างใด แม้ว่าบนเวทีจะดูน่ากลัวมากก็ตามทีแต่ทุกการเคลื่อนไหวนั้นยังคงอยู่ในมือของทั้งสองคน ถ้าหากพวกเขาไม่ต้องการแล้วไม่ว่าจะมีดบินหรือว่ากระบี่วิเศษก็จะไม่ทำความเสียหายให้กับอีกฝ่ายได้เลย
“หืม? แย่แล้ว!”
เย่เย่ที่ดูการต่อสู้นี้อยู่ในหมู่คนดูอยู่นั้น ตอนแรกคิดว่าการต่อสู้นี้คงจะเป็นแค่การเล่นละครอย่างที่เหยียนเสี่ยวเฟย กล่าวเอาไว้เมื่อวาน แต่แล้วสีหน้าของเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เปลี่ยนไปทันทีบนเวทีแล้วการเคลื่อนไหวก็ได้ดุดันขึ้นมา ทำให้เย่เย่รู้ว่าความสงสัยของเขานั้นไม่ใช่อะไรที่ไร้เหตุผล
แล้วมีดบินทั้ง 9 เล่มที่โจมตีเหยียนลี่หยางอยู่นั้นก็ได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะกวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพไว้ได้ทันการ แต่แขนของเขาก็ได้ถูกเฉือนไปด้วยมีดบิน 2 เล่ม จนเลือดสีแดงสดเริ่มไหลออกมาจากไหล่ของเขา
แก๊งๆๆๆๆ!
ไม่เพียงแค่นั้นมีดบินที่เหลือภายใต้การควบคุมของ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้เริ่มรุกที่รุนแรงใส่เหยียนลี่หยางด้วยเช่นกัน ทำให้เหยียนลี่หยางนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างสุดๆขึ้นมาทันที
“เสี่ยวเฟย!”
เหยียนลี่หยางก็ได้หน้าซีดขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถโหดเหี้ยมได้มากพอที่จะกวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพอย่างสุดกำลังได้
ในขณะที่ถอยอยู่บนเวทีนั้นเหยียนลี่หยางก็ได้กวัดแกว่งกระบี่วิเศษเพื่อตอบโต้ แต่ไม่นานนักก็ถูกเหยียนเสี่ยวเฟยบังคับให้จนมุมอยู่บนเวทีราวกับหาทางออกไม่ได้
“ไปตายซะ!”
ในเวลานี้เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นเหมือนจะลืมสิ่งที่พูดเมื่อวานไปแล้วและมองมาที่เหยียนลี่หยางโดยมีเพียงเจตนาสังหารอยู่ในดวงตาของเขา
หลังจากที่เหยียนลี่หยางถูกบังคับให้ต้องจนมุมอยู่บนเวที เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ชี้ไปยังช่องว่างที่อยู่ตรงหน้าเขา แล้วทันใดนั้นมีดบินทั้ง 9 เล่มที่ล้อมเหยียนลี่หยางอยู่นั้นก็ได้มารวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ทองอีกครั้ง กระบี่ทองนี้ไม่เพียงแต่จะส่องแสงสีทองแล้ว แต่ยังมีบรรยากาศที่เย็นยะเยือกและน่ากลัวแผ่ออกมาทำให้เหล่าคนดูที่อยู่ด้านล่างของเวทีต้องตกตะลึง
ภายใต้การควบคุมที่แม่นยำของเหยียนเสี่ยวเฟย ทันทีที่กระบี่สีทองปรากฏออกมา ก็ได้ฟันเข้าไปที่เหยียนลี่หยางอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
แกร๊ง!
ดวงตาของเหยียนลี่หยางก็ได้ปรากฏแสงออกมา แล้วเขาก็ได้ยกกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพขึ้นมาแล้วฟาดฟันไปที่กระบี่สีทองอย่างดุดัน เกิดเป็นเสียงดังแสบแก้วหูดังก้องไปทั่วทั้งลานกว้าง และในขณะที่กระบี่กระทบกันก็ได้ปรากฏประกายไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง
“อุ่ฟ!”
เพราะเหยียนลี่หยางนั้นรีบปัดป้องและไม่ได้ใช้พลังของกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพอย่างเต็มที่ ทำให้ตัวเขาต้องกระอักเลือดออกมาหลังจากที่ถูกโจมตีของกระบี่สีทอง แล้วใบหน้าของเขาก็ได้ซีดเผือดอย่างมาก
แล้วเหล่าผู้ชมในลานกว้างก็ดูเหมือนจะตกตะลึงกับภาพนี้ แต่จากนั้นก็ได้ระเบิดเสียงเฮออกมาด้วยความตื่นเต้น และคิดว่าศึกนี้ก็ได้มาถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่เชียร์เหยียนเสี่ยวเฟย ที่คาดหวังอย่างมากว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะสามารถผลักให้เหยียนลี่หยางกระเด็นออกนอกเวทีไปในคราวเดียวได้ และกลายเป็นผู้ชนะเลิศงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลในครั้งนี้
แม้ว่าผู้อาวุโสเป่ยซานกับพวกเหยียนเจิ้นตงนั้นจะไม่รู้ถึงท่าทีของเหยียนเสี่ยวเฟยเมื่อวานนี้ แต่จากท่าทีที่ตกตะลึงของ เหยียนลี่หยางบนเวทีแล้ว พวกเขาต่างก็เดาได้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงจะหักหลังเหยียนลี่หยางเป็นแน่ แต่ทว่าในเมื่อการประลองเริ่มขึ้นแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักแม้แต่ตัวผู้อาวุโสเป่ยซานเองที่จะหยุดเหยียนเสี่ยวเฟยได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เฝ้ารอดูการเปลี่ยนแปลงไปก่อน และมองดูการดวลนี้ดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ
แก๊งๆๆ!
บนเวทีกระบี่สีทองก็ยังคงเปิดฉากโจมตีใส่เหยียนลี่หยางอย่างดุดัน และทุกครั้งที่ปะทะเข้ากับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพ ก็จะเกิดประกายไฟที่แพรวพราวออกมา ทำให้ทั่วทั้งเวทีนั้นมีแสงประกายไฟสว่างไสวอยู่ตลอด
เหยียนลี่หยางที่ถูกเหยียนเสี่ยวเฟยเอาเปรียบอยู่นั้น ในเวลานี้ก็ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองอย่างมาก ถ้าหากกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพที่อยู่ในมือของเขานั้นไม่ใช่อาวุธวิเศษในระดับจักรพรรดิเทพแล้ว เกรงว่าเหยียนลี่หยางก็คงจะตายภายใต้คมกระบี่สีทองของเหยียนเสี่ยวเฟยไปแล้ว
“เสี่ยวเฟยทำไมล่ะ? ถ้าหากเป้าหมายของเจ้าคือยาอุษาชาดแล้วข้าจะยอมยกให้เจ้าก็ได้ ทำไม่เจ้าถึงต้องพยายามที่จะหลอกข้าด้วย?”
เทียบกับอาการบาดเจ็บทางกายแล้ว ความสงสัยและเสียใจในหัวใจของเหยียนลี่หยางนั้นทำให้เขานั้นยากที่จะรับไหว ในขณะที่กวัดแกว่งกระบี่ของเขาเพื่อต้านทานการโจมตีของ เหยียนเสี่ยวเฟยอยู่นั้น ตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม เหยียนเสี่ยวเฟยออกมาเสียงดัง น้ำเสียงของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัย
แต่เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ตอบอย่างดูหมิ่นหลังจากที่ได้ยินที่เหยียนลี่หยางถาม และตอบเหยียนลี่หยางกับไปด้วย ความขุ่นเคือง “เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกเหรอว่าทำไม? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงได้จากไปโดยไม่ได้ล่ำลาและถูกทิ้งให้อยู่ที่ดินแดนบรรพชนของตระกูลเหยียนน่ะ?”
เหยียนลี่หยางก็ได้มีสีหน้าหดหู่ขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินที่เหยียนเสี่ยวเฟยถาม แต่ในชั่วพริบตาเขาก็ได้รวบรวมความกล้าและกล่าวขอโทษเหยียนเสี่ยวเฟยออกไป “ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย! ที่ความสามารถของเจ้าต้องถูกข้าชิงเอาไป การที่เจ้าผิดหวังข้ามันก็ถูกต้องอยู่แล้ว!”
เขาคิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงไม่มีทางลืม ความขุ่นเคืองในอดีตได้ง่ายๆ จึงได้มาระเบิดเอาในเวลานี้และคิดที่จะแตกหักกับเขา
แต่ทว่าเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ส่ายหัวหลังจากที่ได้ยินคำตอบของเหยียนลี่หยาง จากนั้นเขาก็ได้กล่าวกับเหยียนลี่หยางด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดกว่าเดิม “ที่ข้าเกลียดเจ้าไม่ใช่เพราะเจ้าชิงเอาความสามารถของข้าไป แต่เป็นเพราะหลังจากที่เจ้ากลับไปจากดินแดนบรรพชนได้ไม่นาน ก็มีนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากผู้อาวุโสเป่ยซานโผล่มาที่หมู่บ้านเหยียนเจีย ถ้าหากว่าข้าไม่รู้ตัวก่อน เกรงว่าตัวข้าก็คงจะกลายเป็นศพไปนานแล้ว แล้วเจ้ายังจะบอกอีกเหรอว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้น่ะ?”
ตามมาด้วยความโกรธของเหยียนเสี่ยวเฟย กระบี่สีทองก็ได้โจมตีใส่เหยียนลี่หยางอย่างดุเดือดภายใต้การควบคุมของเขา
แม้ว่ากระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพในมือของเหยียนลี่หยางนั้นจะเป็นอาวุธวิเศษในระดับจักรพรรดิเทพก็ตามที แต่มันก็ไม่ได้สำแดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ในขณะที่จิตใจของเหยียนลี่หยางนั้นกำลังไขว้เขว ตัวเหยียนลี่หยางเองก็ได้รู้สึกชาไปทั้งแขนในขณะที่กำลังปัดป้องการโจมตีของกระบี่สีทอง จนเกือบที่จะกำกระบี่วิเศษเอาไว้ในมือไม่ไหวแล้ว
“มันจะเป็นไปอย่างนั้นไปได้อย่างไร? ข้าไม่รู้จริงๆด้วยซ้ำว่าทำไมเจ้าถึงได้ออกไปจากตระกูลเหยียน
หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธของเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว ตัวเขาก็หยุดนิ่งอยู่กับที่และตกใจและดวงตาก็ได้เต็มไปด้วยงุนงง
อาศัยโอกาสอันดีนี้ เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ชี้ไปที่กระบี่สีทองเขา แล้วกระบี่สีทองก็ได้แทงทะลุการปัดป้องของกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพ และได้แทงเข้าไปที่ไหล่ซ้ายของเหยียนลี่หยาง และคิดที่จะฝังเขาไปพร้อมกับพื้นเวทีประลอง