ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 368 ข้อเสนอ
บทที่ 368
ข้อเสนอ
เหยียนเสี่ยวเฟยที่กำลังฟื้นคืนพลังอยู่ที่มุมเวทีนั้น เมื่อเห็นสีหน้าที่ลำบากใจของเหยียนลี่หยางแล้ว เขาก็ได้ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วเดินไปหาเหยียนลี่หยางแล้วกล่าวอย่างเคร่งเครียดกับเขา “ข้าไม่นึกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก แต่ดูท่าพวกเรามีชะตากรรมที่จะต้องเป็นคู่แข่งกันนะ!”
“เสี่ยวเฟย!”
เหยียนลี่หยางก็ได้มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยความตกตะลึง และพบว่าไม่ได้มีความไม่พอใจหรือความหดหู่ในใจของเขา มีเพียงความคาดหวังในการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนพรุ่งนี้
“ปล่อยเขาไปกับอดีตเถอะ! ในเวลานี้ข้าไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อล้างแค้นตระกูลเหยียนหรอก ไม่ต้องกังวล!”
เหยียนเสี่ยวเฟยเองก็ปรากฏแววตาบอกไม่ถูกออกมาจากในดวงตาของเขา แต่เขาก็ได้ซ่อนมันเอาไว้ในชั่วพริบตา แล้วยิ้มอย่างแจ่มใส่ให้กับเหยียนลี่หยางอีกหน แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายมาก
ในเวลานี้ผู้คนที่ลานกว้างก็ได้ค่อยๆแยกย้ายกันออกไป เหยียนเจิ้นตงที่ดูเหมือนจะรู้ว่าทั้งเหยียนลี่หยางกับ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงมีเรื่องจะพูดกันอีกเยอะ ตัวเขาจึงได้ไม่ปล่อยให้คนในตระกูลเหยียนเข้าไปรบกวนทั้งคู่
ในเวลานี้เย่เย่ก็ได้เดินไปหาทั้งสองคนแล้วกล่าวเบาๆกับเหยียนเสี่ยวเฟยที่สวมชุดสีดำ “ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะคือ เหยียนเสี่ยวเฟย ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีชะตาต่อกันนะ!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้หันไปมองเย่เย่ แล้วก็เหมือนจะมีความตกใจอยู่ในดวงตาของเขา หลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้สติคืนมาแล้วยิ้มและกว่าขอโทษเย่เย่ “เรื่องคราวก่อนข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ให้ข้าได้เลี้ยงข้าวไถ่โทษเจ้าสักมื้อนะ!”
เหยียนลี่หยางก็ได้มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยและเย่เย่ อย่างประหลาดใจและกล่าว “พวกเจ้ารู้จักกันอย่างนั้นเหรอ?”
เย่เย่ก็ได้ยิ้มให้เหยียนลี่หยาง แล้วก็หันไปมองที่ เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่ข้างๆเขา “เราควรที่จะเลือกวันอย่าให้วันไปเจอเราเอง ทำไมพวกเราไม่ไปที่ร้านอาหารกันตอนนี้เลย พวกเจ้าสองคนจะได้พูดคุยกันด้วย!”
เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้หันมามองกันเองแล้วก็ผงกหัวให้เย่เย่พร้อมกัน
หลังจากที่ทานยารักษาไปเมื่อสักครู่ อาการบาดเจ็บของเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้นตัวเขาจึงได้ไม่จำเป็นต้องรีบรักษาในทันที ส่วนเหยียนลี่หยางเองก็ได้มีคำถามมากมายที่อยากจะถามเหยียนเสี่ยวเฟย โดยมีเย่เย่ร่วมเดินทางไปด้วย ก็ได้ทำให้เหยียนลี่หยางนั้นอยู่ร่วมกับเหยียนเสี่ยวเฟยโดยมีความละอายใจน้อยลงไป
แล้วทั้งสามคนก็ได้ออกจากลานกว้างแล้วก็ได้ค่อยๆเดินไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองเหยียนเป่ย โดยไม่สนใจสายตาที่ตกตะลึงของผู้คนรอบๆตัวเขา
ร้านอาหารหมิงเฟิงนั้นเป็นหนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองเหยียนเป่ย
ผิดกับร้านอาหารที่เย่เย่เคยไปทานมาก่อน ร้านอาหาร หมิงเฟิงนั้นมีเบื้องหลังที่แกร่งมาก ทำให้คนธรรมดาๆไม่กล้าที่จะไปยุ่งกับร้านนี้ ดังนั้นร้านอาหารหมิงเฟิงจึงได้เป็นที่นิยมในบรรดาบุคคลระดับสูงๆในเมืองเหยียนเป่ย แม้แต่เหยียนลี่หยางก็ยังเคยได้ยินชื่อนี้
หลังจากที่การดวลระหว่างเหยียนเสี่ยวเฟยกับ เหยียนเทียนหรานเสร็จ เหยียนลี่หยางก็ได้พาเหยียนเสี่ยวเฟยกับเย่เย่มายังห้องส่วนตัวในร้านอาหารหมิงเฟิง
“ถ้าหากพวกเจ้าสองคนไม่พูดกัน ข้าก็ขอจับตะเกียงก่อนก็แล้วกัน! ครั้งก่อนตอนที่ข้าทานอาหารอยู่ในเมืองเหยียนเป่ย ข้ายังทานไม่ทันอร่อยเลย คราวนี้ข้าจะต้องกินให้เต็มที่!”
เย่เย่ก็ได้มองไปที่เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยที่มัวแต่นิ่งเงียบกันนับตั้งแต่เข้ามาในร้านอาหารนั้น ราวกับว่าพวกเขานั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เย่เย่จึงได้หยิบตะเกียงของตัวเองขึ้นมาแล้วจัดการชิมอาหารพร้อมกับเหล้า ซึ่งได้ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นผ่อนคลายลงมา
เหยียนลี่หยางก็ได้จ้องไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วก็ได้รวบรวมความกล้าขึ้นมาแล้วถามอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวเฟย ข้ารู้สึกโล่งอกยิ่งนักที่เห็นว่าเจ้ายังสบายดี ในเวลานั้นข้ารู้สึกผิดต่อเจ้ามาก ดังนั้นถ้าหากว่าเจ้าต้องการข้าในอนาคตก็บอกมาได้เลยต่อให้ตายหมื่นครั้งข้าก็ไม่ปฏิเสธ!”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ได้หยิบเหล้าขึ้นมาแล้วดื่ม ราวกับแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขา
เมื่อเห็นท่าทีของเขาแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างอ่อนโยน แล้วพูดกับเหยียนลี่หยางอย่างใจเย็น “ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ! หลังจากที่ข้าออกจากตระกูลเหยียนไป ข้าก็บังเอิญได้ไปสืบทอดวิชาบำเพ็ญเพียรวิญญาณที่ทรงพลังเข้า ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังโชคดีที่สามารถฟื้นคืนสภาพร่างกายและกลับมามีชีวิตได้ และด้วยความสามารถในการปลอมตัวขาก็ได้ฝึกวิชาจนสำเร็จถึงระดับสูงสุดของราชันย์เทพได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ข้าจึงได้ปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว!”
สีหน้าของเหยียนเสี่ยวเฟยก็เหมือนจะไม่ได้แสร้งทำ และมองไปที่ดวงตาของเหยียนลี่หยางด้วยความสงบนิ่งหลังจากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา แต่เย่เย่กลับรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในใจของเขา
หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ยินที่เหยียนเสี่ยวเฟยกล่าว เขาก็รู้สึกทั้งโล่งอกและสูญเสีย
เพราะถึงแม้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะไม่โทษเขา แต่ เหยียนลี่หยางก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นคงไม่อาจกลับมาเป็นอย่างเดิมได้แล้ว
ตัวเขานั้นไม่กล้าที่จะถามเหยียนเสี่ยวเฟยถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้ออกจากตระกูลเหยียนไปตอนนั้น เพราะว่าเขากลัวว่าจะได้ยินคำตอบของเหยียนเสี่ยวเฟยที่เขาไม่อยากจะได้ยิน
“หากฆ่าไม่ตายก็จะยิ่งทำให้แข็งแกร่งขึ้น นั่นคือสิ่งที่คนว่ากันเอาไว้ ในเวลานี้เจ้ามีวรยุทธ์อยู่ในระดับสูงสุดราชันย์เทพแล้ว หลังจากที่ได้รับรางวัลจากงานประลองประจำตระกูลแล้ว เจ้าก็จะมีโอกาสได้บรรลุเป็นจักรพรรดิเทพ เมื่อถึงตอนนี้ต่อให้เป็นผู้อาวุโสเป่ยซานก็ไม่อาจที่จะทำเป็นเมินเจ้าได้อีก!”
หลังจากที่เย่เย่มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟย เขาก็ได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับเขาอย่างอิจฉา
แต่ในความเป็นจริงแล้ว จุดประสงค์ของเย่เย่ก็เพื่อที่จะทดสอบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหยียนเสี่ยวเฟยว่าเขากลับมาที่ตระกูลเหยียนเพื่อเข้าร่วมกับงานประลองยุทธ์จริงๆหรือเปล่า? อย่างไรเสียตัวเขาก็ได้หายไปตั้งหลายปี แต่แล้วเขาก็ได้เลือกที่จะปรากฏตัวออกมาในเวลานี้ ดังนั้นเหยียนเสี่ยวเฟยอาจจะถูกดึงดูดใจด้วยยาอุษาชาดก็ได้
แต่ตัวเหยียนลี่หยางเองนั้นไม่ได้สนใจที่ยาอุษาชาดนั้น เหยียนเสี่ยวเฟยจะเอาไป กลับกันตัวเขากลับพูดเพื่อส่งเสริม เหยียนเสี่ยวเฟย “จริงด้วยหลังจากที่เห็นการดวลกันระหว่างเจ้ากับเหยียนเทียนหรานแล้ว ข้าเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเจ้าได้เลย อีกทั้งตัวข้าก็ได้เลิกหวังยาอุษาชาดไปแล้ว หลังจากที่เจ้าได้ยาอุษาชาดมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอเพียงเจ้าขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้ ผู้อาวุโสจะต้องมองเจ้าอย่างชื่นชมแน่นอน บางทีเจ้าอาจจะได้เชิญเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเหยียนด้วย ดังนั้นพรุ่งนี้เจ้าจะสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ ข้าเชื่อว่าสุดท้ายมันก็จะต้องตกเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินที่เหยียนลี่หยางกล่าวแล้ว ต่อให้เย่เย่จะพอใจเดาได้ในใจแล้วก็ตามที แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะประมาทไม่ได้ แต่เย่เย่ก็ยังเชื่อว่าเหยียนลี่หยางนั้นก็ยังเหนือกว่าเขาอยู่ดีหลังจากมองดูการต่อสู้ของเขากับเหยียนเทียนหรานแล้ว แต่ในเมื่อเหยียนลี่หยางได้ยอมยกให้เพื่อเห็นแก่หน้าแล้ว เย่เย่จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้พลันโบกมือหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเหยียนลี่หยาง และกล่าวอย่างจริงจังกับเหยียนลี่หยาง “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้กลับมาในเวลานี้เพื่อยาอุษาชาด!”
เย่เย่กับเหยียนลี่หยางก็ได้ปรากฏแววตาที่สงสัยกับ เหยียนเสี่ยวเฟยพร้อมกัน ด้วยสีหน้าที่สงสัยของพวกเขาแล้ว โดยเฉพาะเย่เย่ที่มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยอย่างสงสัยแล้ว ก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนถ่อมตัวหรือมีแผนการอื่นแอบแฝง
“เหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงได้กลับมาที่ตระกูลเหยียนในเวลานี้ อันดับแรกเพราะข้าต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเหยียน ส่วนอีกเหตุผลเพราะข้าได้ยินเรื่องที่จู่ๆ เหยียนลี่หยางก็ได้กลับมาที่บ้านสกุลเหยียน และเตรียมการเข้าร่วมกับงานประลองยุทธ์ประจำตระกูล ถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้ แต่หลังจากที่คิดดูแล้วข้าก็ยังคิดว่าควรที่จะปรากฏตัวสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อทำให้เจ้ารู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้อธิบายเหตุผลให้ทั้งสองคนฟังด้วยสีหน้าที่จริงใจ และไม่ได้มีความต้องการยาอุษาชาดในสายตาของเขา
เย่เย่นั้นยังสงสัยอยู่ แต่เหยียนลี่หยางนั้นคิ้วขมวดเล็กน้อย
จริงๆแล้วเหยียนลี่หยางนั้นรู้ดีว่าหากตัวเขานั้นพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ตัวเขาก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะเอาชนะเหยียนเสี่ยวเฟยได้ ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเขาถึงได้ทำตัวอ่อนแอให้เห็นก็เพราะว่าเหยียนลี่หยางนั้นคิดที่จะใช้ยาอุษาชาดเพื่อชดใช้ความผิดของเขาที่มีต่อเหยียนเสี่ยวเฟย
แต่ในเวลานี้เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้พูดว่าตัวเขาไม่ได้กลับมาที่บ้านสกุลเหยียนเพื่อยาอุษาชาดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งได้ทำให้เหยียนลี่หยางนั้นไม่รู้ว่าตัวเขาจะเผชิญหน้ากับการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนอย่างไรดี
เมื่อเห็นท่าทีที่ลำบากใจของเหยียนลี่หยางแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ยิ้มให้เหยียนลี่หยางแล้วกล่าวน้ำเสียงที่เยือกเย็นมาก “ลี่หยาง เจ้าไม่ต้องคิดมากเรื่องของข้าหรอก! สิ่งที่ข้าพูดเมื่อสักครู่เป็นความจริง ส่วนเรื่องของงานประลองยุทธ์พรุ่งนี้ พวกเราก็ปล่อยให้ดำเนินไปตามนั้นและเจ้าก็ชนะในศึกตัดสินเสีย คนในตระกูลเหยียนพวกนั้นหวังให้ยาอุษาชาดอยู่ในมือของเจ้าอย่างแน่นอน!”
“แต่….”
เหยียนลี่หยางคิดที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เอามือมาห้ามเขาแล้วกล่าวกับ เหยียนลี่หยาง “วันนี้พอแค่นี้แหละ ข้ายังจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บด้วย!”
หลังจากที่พูดจบ เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ออกจากร้านอาหารไปและกลับไปที่โรงแรมที่เขาพักในเมืองเหยียนเป่ย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกหลานของตระกูลเหยียนที่เพียงแค่กลับไปที่ภูเขาเหยียนเป่ยก็จะพบที่พักอย่างง่ายดายแล้ว แต่ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคิดว่าตระกูลเหยียนนั้นคงจะไม่ต้อนรับการกลับมาของเขาสักเท่าไรนัก ซึ่งคาดเดาได้เลยว่าลูกหลานตระกูลเหยียนมากมายจะต้องเป็นปกปักกับเขาเป็นแน่
เมื่อเห็นเหยียนเสี่ยวเฟยจากไป เย่เย่กับเหยียนลี่หยางก็ได้จ่ายเงินและกลับไปยังที่พักที่ตระกูลเหยียนจัดไว้ให้ที่จวนเจ้าเมือง
เหยียนลี่หยางนั้นหงุดหงิดกับท่าทีของเหยียนเสี่ยวเฟย ทำให้เขาไม่ได้นอนเลยตลอดคืน ถึงแม้ว่าเย่เย่จะไม่ได้สงสัยในสิ่งที่เหยียนเสี่ยวเฟยกล่าว แต่ตัวเขานั้นรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงเก็บซ่อนอะไรบางอย่างอยู่
“สำหรับงานประลองพรุ่งนี้ เจ้าจะต้องระวังตัวไว้ให้ดี!”
หลังจากที่ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก เย่เย่ก็ได้เตือน เหยียนลี่หยางเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงที่อาจจะทำให้เหยียนลี่หยางนั้นบาดเจ็บหรือถูกฆ่าได้
เหยียนลี่หยางก็ได้จ้องไปที่เย่เย่ แล้วก็เข้าใจทันทีว่าเย่เย่นั้นเตือนเขาให้ระวังใคร เขาจึงได้ผงกหัวให้เย่เย่แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ดี!”
ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่เพราะเหยียนลี่หยางนั้นเชื่อใจในตัวเหยียนเสี่ยวเฟยอย่างสุดๆ ทำให้เขาไม่ได้เก็บคำเตือนของเย่เย่มาใส่ใจ
วันต่อมาพวกเขาก็ได้มาที่ลานกว้างของเจ้าเมือง เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยที่ที่เข้าร่วมในศึกกำหนดคนนี้ ก็ได้มาปรากฏตัวที่เวทีอย่างรวดเร็ว จำนวนผู้คนที่มาดูรอบๆลานกว้างนั้นไม่ได้น้อยไปว่าเมื่อวานเลย แต่เกือบจะเป็น 2 เท่าด้วยซ้ำ
เพราะการเข้ามากลางคันของเหยียนเสี่ยวเฟย ก็ได้ทำให้งานประลองยุทธ์ประจำปีของตระกูลเหยียนนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทำให้ผู้คนที่อยากจะรู้ว่าใครจะได้เป็นเจ้าของยาอุษาชาดนั้นต่างก็พากันมาที่ลานกว้างของจวนเจ้าเมืองนี้เพื่อเป็นพยานในศึกตัดสินงานประลองยุทธ์ในครั้งนี้
โดยเฉพาะในตอนที่พวกเขาได้รู้ถึงอดีตของ เหยียนเสี่ยวเฟยจากข่าวลือแล้ว ก็ได้มีผู้ที่เชียร์ให้ เหยียนเสี่ยวเฟยชนะเพิ่มขึ้นสูงมากหลายเท่าตัวในทันที นอกจากเหล่าคนในตระกูลเหยียนและผู้ที่ตามเชียร์เหยียนลี่หยางอยู่ก่อนแล้ว นอกนั้นต่างก็คาดหวังให้เหยียนเสี่ยวเฟยเป็นผู้ชนะ เหล่าผู้คนในฝั่งผู้ชมต่างก็อยากเห็นการพลิกผันในครั้งนี้
“เหยียนเสี่ยวเฟยสู้เขา!”
“พวกเราจะเชียร์เจ้าอยู่นะ!”
“อย่ายอมแพ้คู่ต่อสู้นะ!”
เสียงเชียร์ของแต่ละคนรอบๆลานกว้างนั้น ก็ได้ทำให้เหล่าคนระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นต่างก็มีสีหน้าไม่ดี และคิดว่าพวกเขาควรที่จะไปหยุดการตะโกนนี้ดีไหม?