ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 365 เหยียนเสี่ยวเฟย
บทที่ 365
เหยียนเสี่ยวเฟย
ถึงแม้ว่าเหยียนเทียนหรานนั้นภายนอกจะเป็นคนอวดดี และมีนิสัยชอบดูถูกลูกหลานตระกูลเหยียนคนอื่นก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเขาจะไม่ใช่คนขาดความรอบคอบอย่างที่เห็น ถ้าหากเหยียนลี่หยางไม่เห็นสิ่งนี้และประมาท ก็เกรงว่าผลของการประลองปีนี้ก็จะจบลงอย่างเช่นเคย
ทั่วทั้งลานกว้าง มีเพียงไม่กี่คนอย่างเหยียนลี่หยางหรือ เย่เย่ ที่มองออกว่าทำไมเหยียนเทียนหรานถึงได้ชนะ ลูกหลานตระกูลเหยียนคนอื่นๆต่างก็หวาดกลัวเหยียนเทียนหรานอย่างสุดๆ ในเวลานี้พวกเขาต่างก็รู้สึกประหลาดใจกับ เหยียนเทียนหรานมาก ซึ่งลูกหลานตระกูลเหยียนที่เดิมทีคิดจะลองเสี่ยงโชคบนเวทีนั้น ในเวลานี้พวกเขาต่างก็เกิดลังเลใจขึ้นมาแล้ว
แต่ทว่าเพราะการยั่วยวนของยาอุษาชาดนั้นก็มีมากจนเกินไป ต่อให้มีลูกหลานตระกูลเหยียนบางคนที่หวาดกลัว เหยียนเทียนหราน
“ข้าเหยียนหลานใครอยากจะขอคำชี้แนะจากนายน้อยสักสองกระบวนท่า ขอนายน้อยได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย!”
ต่อจากเหยียนเซี่ยงตง ก็ได้มีชายหนุ่มขึ้นมาท้าชิง เหยียนเทียนหราน แต่ทว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนก็ได้จบลงอย่างรวดเร็ว และเหยียนเทียนหรานก็ได้จัดการทำให้ เหยียนหลานตกลงจากเวทีอย่าง่ายดาย
หลังจากนั้นก็ได้มีคนของตระกูลเหยียนจำนวนหนึ่งที่หาญกล้าขึ้นไปบนเวทีเพื่อท้าชิง แต่ความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้เหนือไปกว่าเหยียนหลานเลย แล้วยังไม่แสดงถึงความเป็นภัยใดๆต่อเหยียนเทียนหรานเลยแม้แต่น้อยและพ่ายแพ้ต่อ เหยียนเทียนหรานอย่างง่ายดาย
หลังจากที่ผ่านไปหลายการดวล เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเหยียนนอกจากเหยียนลี่หยางต่างก็พากันยอมแพ้ พวกเขาต่างก็หมดความมั่นใจที่จะสู้กับเหยียนเทียนหรานตัวต่อตัวแล้ว แล้วก็ได้ค่อยๆพุ่งเป้าไปที่เหยียนลี่หยาง และหวังให้เขาขึ้นเวทีไปท้าชิงกับเหยียนเทียนหราน
แม้แต่เหยียนเทียนหรานที่ยังเป็นแชมป์อยู่บนเวทีนั้น ก็เลิกสนใจลูกหลานของตระกูลเหยียนคนอื่นๆแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันก็คือเหยียนลี่หยาง ที่ยังไม่เคลื่อนไหวอะไรนั่นเอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหยียนลี่หยางก็ได้เลิกคิดที่จะนิ่งเงียบต่อไป แล้วก็ค่อยๆเดินออกจากฝูงชนแล้วก็ได้หันมามอง เหยียนเทียนหรานจากด้านล่างของเวที
เปรี๊ยะๆๆ!
แล้วสายตาของทั้งสองคนก็ได้ปะทะกันกลางอากาศ ทำให้เกิดความปั่นป่วนของพลังปราณในอากาศและมีเสียงไฟฟ้าช็อตดังขึ้นมากลางอากาศ
เกือบทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็คิด ว่าศึกตัดสินระหว่างทั้งสองคนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นเจ้าของที่แท้จริงของยาอุษาชาด แต่ทว่าในขณะที่เหยียนลี่หยางกำลังจะเหาะขึ้นไปบนเวทีอยู่เพื่อเผชิญหน้ากับเหยียนเทียนหรานอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังลั่นมาจากมุมหนึ่งของลานกว้าง และได้ทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดระหว่างเหยียนลี่หยางและ เหยียนเทียนหราน
“รอเดี๋ยวก่อน! ข้าได้ยินชื่อเสียงของนายน้อยมานานแล้วว่าทรงพลังและไร้พ่ายในบรรดาเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลเหยียน วันนี้ข้าเหยียนเสี่ยวเฟยก็อยากที่จะขอคำชี้แนะจากนายน้อยเช่นกัน หวังว่านายน้อยจะอนุญาต!”
เมื่อทุกคนหันไปมอง พวกเขาก็พบกับชายชุดดำที่ค่อยๆเดินออกมาจากฝูงชนจากที่มุมลานกว้าง ปรากฏชายชุดดำที่อายุใกล้เคียงกับเหยียนลี่หยางและคนอื่นๆปรากฏตัวออกมา จะต่างก็แค่ตัวเขานั้นเหมือนมีพลังบางอย่างชั่วร้ายที่ลูกหลาน ตระกูลเหยียนคนอื่นไม่มีแผ่ออกมา ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้เป็นที่สะดุดตาอย่างมากในบรรดาลูกหลานของตระกูลเหยียน
ในตอนแรกที่เย่เย่เห็นชายชุดดำนั้น ดวงตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไปทันที เขาจำได้ว่าเขาเคยผมกับชายคนนั้นมาก่อนที่ร้านอาหารตอนที่เขาถูกอีกฝ่ายหลอกใช้ ในเวลานี้เขาได้ยินการแนะนำตัวจากชายชุดดำแล้ว สีหน้าของเย่เย่ก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างมาก ดวงตาของเขาก็ได้มองกลับไปกลับมาระหว่าง เหยียนเสี่ยวเฟยกับเหยียนลี่หยาง
อย่างที่คาดเอาไว้หลังจากที่เหยียนลี่หยางได้ยินเสียงของชายขุดดำแล้ว ทั้งตัวของเขาก็เหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด แล้วได้รีบหันหน้าไปมองชายชุดดำที่ค่อยๆเดินมาที่เวที
“เสี่ยวเฟย เจ้ายังมีชีวิตอยู่…..”
เมื่อเหยียนลี่หยางเห็นชายชุดดำแล้วก็จำได้ว่าเป็น เหยียนเสี่ยวเฟยจริงๆ ทำให้ตัวเขามีอารมณ์บอกไม่ถูกอย่างสุดๆปรากฏในดวงตาของเขา
เมื่อหลายปีก่อน เหยียนลี่หยางนั้นคิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว และไม่คิดเลยว่าตัวเขานั้นจะมีวันที่ได้กลับมาพบกับเขาอีกครั้ง ส่วนเหยียนเสี่ยวเฟยเมื่อพบ เหยียนลี่หยางอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็ได้มีสีหน้าบอกไม่ถูกพอๆกันออกมา เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเหยียนลี่หยางและยังไม่เดินไปไหนอยู่สักพักใหญ่ๆ
แต่เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้นึกถึงจุดประสงค์ของเขาขึ้นมาได้ แล้วก็ได้หันหน้ากลับไปหาเหยียนเทียนหรานบนเวทีแล้วกล่าว “นายน้อย ข้าเหยียนเสี่ยวเฟยก็เป็นลูกหลานคนหนึ่งของตระกูลเหยียน และข้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน! บางทีนายน้อยคงจะจำข้าไม่ได้ แต่ท่านสามารถถามผู้อาวุโสเฒ่าเพื่อยืนยันก็ได้ แล้วจะรู้ว่าที่ข้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!”
หลังจากที่พูดจบ เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เหาะขึ้นมาบนเวทีเพื่อท้าชิงกับเหยียนเทียนหราน และดูเหมือนว่าเขาคิดที่จะบุกโจมตีใส่เหยียนเทียนหรานในชั่วขณะถัดไป
“เหยียนเสี่ยวเฟย!”
ตอนแรกเหยียนเทียนหรานนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ เหยียนเสี่ยวเฟยมาก่อน แต่หลังจากที่เหยียนลี่หยางปรากฏตัว เขาก็ได้ถามผู้คนให้ตามสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหยียนลี่หยางอย่างถี่ถ้วน ทำให้ตัวเขานั้นรู้จักชื่อของเหยียนเสี่ยวเฟยขึ้นมา
เดิมทีเหยียนเทียนหรานเองก็คิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นตายไปแล้วเช่นกัน ซึ่งไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ในเวลานี้จู่ๆ เหยียนเสี่ยวเฟยก็ปรากฏตัวออกมา แล้วเขาก็ยังมาเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลเพื่อท้าชิงกับเขาเพื่อความเป็นเจ้าของยาอุษาชาดอีกต่างหาก แล้วในตอนนั้นเองที่แผนการดั้งเดิมของเหยียนเทียนหรานนั้นก็ต้องถูกขัดขวาง
ตัวเขานั้นไม่ได้ตอบคำถามของเหยียนเสี่ยวเฟย แต่หันสายตาไปถามผู้อาวุโสเป่ยซานแทน และรอดูว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะตัดสินเช่นไร
อีกทางด้านหนึ่งของลานกว้าง ที่ที่ผู้อาวุโสเป่ยซานกับคนระดับสูงของตระกูลเหยียนอยู่ ก็ได้มีความสับสนวุ่นวายขึ้นมาในหมู่คนกลุ่มนั้น
เพราะเรื่องราวระหว่างเหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นเป็นที่รู้ดีกันในหมู่คนระดับสูงของตระกูล เมื่อพวกเขาเห็น เหยียนเสี่ยวเฟยกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว ก็ได้มีแววตาตกตะลึงในดวงตาของพวกเขา ถึงแม้ว่าเหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกนั้นจะไม่รู้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นมีชีวิตอยู่จนกระทั่งถึงตอนนี้ได้อย่างไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อเหยียนเสี่ยวเฟยแต่ อย่างใด มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว ก็ได้มีความรู้สึกผิดปรากฏในดวงตาของพวกเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครที่สั่งให้ไปคุมตัว เหยียนเสี่ยวเฟยในทันที
แต่เหยียนเจิ้นตงกับคนอื่นๆนั้นต่างก็เข้าใจดีว่า ท่าทีของตระกูลเหยียนที่มีต่อเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะขึ้นอยู่กับ ผู้อาวุโสเป่ยซาน ถ้าหากผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ยอมรับว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนของตระกูลเหยียนแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะขอร้องเช่นไร ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนใจของผู้อาวุโสเป่ยซานได้
“เหยียนเสี่ยวเฟย ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคนของ ตระกูลเหยียน แต่เจ้าก็ไม่ได้มาปรากฏตัวก่อนที่จะมีงานประลองยุทธ์ประจำตระกูล ดังนั้นการท้าชิงเหยียนเทียนหรานของเจ้าถือเป็นโมฆะ! ถอยออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าหากว่าเจ้ามีธุระอะไร เอาไว้รอหลังจากงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลจบ!”
ในตอนที่เหยียนเสี่ยวเฟยปรากฏตัว ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้มีความตกใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา แต่ทว่าเขาก็ฟื้นคืนความเยือกเย็นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และหลังจากจ้องมองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจในนามของตระกูลเหยียน
ไม่ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะรอดชีวิตกลับมาได้อย่างไร หรือว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาปรากฏตัวในงานประลองยุทธ์ประจำปีของตระกูลเหยียน แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ยอมปล่อยให้เขาเข้ามารบกวนแผนการที่จะเพิ่มพูดความสามารถของเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลเหยียนแน่
“อึ่ก!”
เหยียนเจิ้นตงกับคนอื่นๆนั้นก็ดูเหมือนจะเดาท่าทีของผู้อาวุโสเป่ยซานได้อยู่นานแล้ว และมีความไม่แปลกใจอะไรบนใบหน้าของเขา แต่ทว่าพวกเขาก็ได้มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยความสงสารในดวงตาของพวกเขา พวกเขานั้นต้องการที่จะขอร้องให้เหยียนเสี่ยวเฟย แต่พวกเขาก็ไม่อาจที่จะรวบรวมความกล้าขึ้นมาได้
ที่บนเวที เหยียนเทียนหรานก็ได้หันหน้ากลับมาหลังจากที่ได้ยินการตัดสินใจของผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว และได้มองไปที่ เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าก็คงจะได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโสแล้ว ตอนนี้ก็ลงไปได้แล้ว อย่ามาทำให้ศึกตัดสินระหว่างข้ากับเหยียนลี่หยางต้องล่าช้า!”
น้ำเสียงของเขานั้นเยือกเย็นอย่างสุดๆ ไม่ทั้งตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวของเหยียนเสี่ยวเฟยหรือว่าโล่งอกเพราะการตัดสินใจของผู้อาวุโสเป่ยซานแต่อย่างใด ซึ่งเหตุผลก็คือ เหยียนเทียนหรานนั้นไม่ได้เก็บเอาเหยียนเสี่ยวเฟยมาคิดจริงจังแต่อย่างใด
เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องของเหยียนเสี่ยวเฟยก่อนหน้านี้มาบ้าง มันช่างเป็นปาฏิหาริย์มากที่เห็นเหยียนเสี่ยวเฟยยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ แต่เหยียนเทียนหรานนั้นก็ไม่คิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะมีความสามารถมากพอที่จะเป็นภัยต่อเขาได้ ต่อให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นให้เป็นข้อยกเว้นและอนุญาตให้เขาร่วมงานประลองได้ก็ตามที แต่เหยียนเทียนหรานก็มั่นใจมากว่าตัวเขานั้นจัดการทำให้เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นต้องกระเด็นออกนอกวงได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ทุ่มพลังไปที่เหยียนลี่หยาง ศัตรูคนสำคัญของเขา
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงจะหมดโอกาสที่จะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลและทำได้แค่ต้องถอยออกมาในฐานะผู้ชมแล้ว เหยียนลี่หยางก็ได้เปิดปากพูดขึ้นมา
เขาเหาะขึ้นไปบนเวทีและตะโกนบอกกับผู้อาวุโสเป่ยซานที่อยู่ตรงที่นั่งผู้ชม “ผู้อาวุโส ข้ามีคำค้าน!”
ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลเหยียนหรือว่าจะเป็นผู้ชมที่กำลังชมการประลองอยู่รอบๆลานกว้างนั้น พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงกับท่าทีที่อาจหาญของเหยียนลี่หยาง มีเพียงดวงตาของเย่เย่ที่ปรากฏสายตาครุ่นคิดและมองไปที่ดวงตาของ เหยียนลี่หยางด้วยความกังวล
“เหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลเหยียนของเราถึงได้จัดงานประลองประจำปีขึ้นมานั้น ก็เพื่อที่จะคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ของตระกูล และให้เขาฝ่าฟันเพื่อนำความรุ่งเรืองมาสู้ตระกูลเหยียน แต่ถ้าหากว่ามีลูกหลานของ ตระกูลเหยียนที่หมดสิทธิ์เข้าร่วมงานประลองเพียงเพราะปัญหาเรื่องของขั้นตอนแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการวางเกวียนไว้ข้างหน้าม้า ซึ่งมันจะขัดกับความต้องการของตระกูลเหยียนเราที่ต้องการเฟ้นหาผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้ดินแดนเทียนหนานก็ได้ตกอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ เพื่อความอยู่รอดและความรุ่งเรืองของตระกูลแล้ว การเพิ่มผู้มีความสามารถนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของตระกูลเหยียนเรา ดังนั้นข้าจึงเรียกร้องให้ผู้อาวุโสช่วยถอนการตัดสินใจเมื่อสักครู่ และอนุญาตให้ เหยียนเสี่ยวเฟยเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลด้วย!”
เหยียนลี่หยางก็ได้เมินต่อสายตาประหลาดใจของทุกคน แล้วก็ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดกับผู้อาวุโสเป่ยซาน และท่าทีของเขาที่ต้องการจะช่วยเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้แน่วแน่อย่างสุดๆ
แต่ทว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นเป็นตัวตนที่เปรียบดั่งเทพในตระกูลเหยียน หากได้ประกาศการตัดสินใจไปแล้วแม้แต่ เหยียนเจิ้นตงกับคนระดับสูงในตระกูลเหยียนคนอื่นๆก็ไม่กล้าที่จะเกลี้ยกล่อมเขาได้ ดังนั้นไม่มีใครเลยในตระกูลเหยียนเห็นด้วยกับข้อเสนอของเหยียนลี่หยาง ซึ่งทำให้เหยียนลี่หยางนั้นโดดเดี่ยวขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนี้สีหน้าของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้บอกไม่ถูกขึ้นมาอีกหน แต่เขาก็ได้รีบส่ายหัวของตัวเองเพื่อตั้งสติ ราวกับว่าตัวเขานั้นไม่ต้องการที่จะไปยุ่งกับเรื่องในอดีตอีก
รอบๆลานกว้างไม่ว่าจะเหล่าแขกที่ตระกูลเหยียนเชิญมาหรือจะเหล่าผู้ชมที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่เพื่อมาดูการต่อสู้ในเมือง เหยียนเป่ยนั้น ต่างก็ได้เริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าเหยียนลี่หยางพูดถูก และมีผู้ชมบางคนที่กลัวว่าโลกนี้จะไม่ตกอยู่ในความโกลาหลนั้น ก็ได้มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยด้วยความตื่นเต้น และหวังว่าเขานั้นจะทำให้งานประลองยุทธ์ประจำตระกูลเหยียนนี้ตื่นเต้นขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเย่เย่ก็เลิกลังเลอีกต่อไป เขาออกจากกลุ่มคนดูแล้วลงมายังตรงกลางลานกว้าง เขาได้ก้มหัวคารวะให้กับผู้อาวุโสเป่ยซานแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสเป่ยซาน ข้าคิดว่าที่ท่านเหยียนลี่หยางกล่าวมานั้นถูกต้อง! ในฐานะที่ตระกูลเหยียนเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในแผ่นดินเทียนหนานแล้ว งานประลองยุทธ์ของรุ่นเยาว์นี้ก็ควรที่จะทำให้ยุติธรรมมากขึ้น และให้ทุกคนในตระกูลเหยียนได้มีโอกาสที่จะแสดงฝีมือของตัวเอง ถ้าหากคนในตระกูลถูกตัดสิทธิ์จากการประลองเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ข้าเกรงว่าคงจะเป็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกของตระกูลเหยียนเป็นแน่แท้!”